บทที่ 634 : ปกป้องตระกูลหลิน!
“ช่างโอ้อวดได้อย่างไม่อาย! ข้าก็อยากรู้ว่าตอนนี้เจ้าจะใช้มือข้างใหนแย่งของของข้าไปอีก?” หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อต้องการปิดปากที่ยะโสโอหังของใครสักคน ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าหมัดที่รุนแรงแล้ว และหลิงหยุนก็ใช้เพียงแค่สองหมัดทำให้เฉิงกังจงหุบปากได้ในทันที!
เฉิงกังจงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหมัดทั้งสองครั้งของหลิงหยุน จนทำให้จุดตันเถียนและเส้นลมปราณของเขาเสียหาย และตอนนี้อย่าว่าแต่จะขยับเขยื้อนเลย แม้แต่จะพูดก็ยังทำไม่ได้เลย เขาได้แต่นั่งกระอักเลือด..
หลงเทียนเจียวรีบปรับสีหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “น้องหลิง.. ลุงเฉิงเพียงแค่อารมณ์ร้อนเท่านนั้น เขาไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้าเลย เหตุใดเจ้าจึง..”
หลิงหยุนคร้านที่จะพูดจาไร้สาระอีกจึงพูดออกไปตรงๆ “หลงเทียนเจียว.. เจ้าก็เห็นว่าข้ายังไม่ได้ลงมืออะไรเลย และข้าก็ยังไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย เอาล่ะ.. ข้ามีธุระต้องไปทำต่อ พวกเจ้ารีบกลับไปได้แล้ว!”
หลงเทียนเจียวได้แต่นิ่งเงียบ เขาไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะหลิงหยุนได้ และรู้ดีว่าหลิงหยุนกล้าที่จะทำร้ายเขาแน่ เขาจึงเลือกที่จะประคองเฉิงกังจงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสออกไปด้วยความคับแค้นใจ
หลังจากที่คนทั้งคู่กำลังเดินออกไปนั้น หลงเทียนเจียวก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองหลงหวู่อีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองหินมังกรเขียว..
และการกระทำของหลงเทียนเจียวในครั้งนี้ ก็ทำให้หลิงหยุนค่อนข้างแปลกใจอย่างมาก และได้แต่แอบคิดในใจว่าเหตุใดหลงเทียนเจียวจึงเอาแต่จ้องมองหลงหวู่เช่นนี้?
หลิงหยุนสังเกตเห็นความผิดปกตินี้หลายครั้ง ครั้งแรกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่เมื่อเห็นหลงเทียนเจียวเอาแต่จ้องมองหลงหวู่ด้วยแววตาที่แตกต่างจากสายตาที่มองผู้อื่น เขาก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้
‘อย่าบอกนะว่าหมอนี่ต้องการจะแย่งว่าที่ภรรยาของข้า?’ หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจ
หลังจากที่หลงเทียนเจียวกับเฉิงกังจงออกไปแล้ว หลิงหยุนก็หันไปยิ้มให้กับผู้คนที่พากันยืนตกตะลึง
“ขอโทษทุกท่านด้วย.. ส่วนเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ผมจะรับผิดชอบเอง..”
“อย่ากังวลใจไปเลยน้องชาย.. หินแตกไม่กี่ก้อนเท่านั้นเอง แล้วก็ยังใช้ได้อยู่?” เซียนหยกรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
วันนี้หลิงหยุนได้ทำร้ายเฉิงกังจงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เท่ากับเป็นการประกาศว่าใครที่กล้ามายุ่งกับสมบัติของเขาอีก มันผู้นั้นจะต้องโดนหมัดของหลิงหยุนอย่างแน่นอน!
‘เมื่อครู่เขาก็เพิ่งตัดราชาหินออกมาให้ทุกคนเห็นจนตกอกตกใจกันไปหมด แต่ตอนนี้กลับทำให้ทุกคนตกใจหนักกว่าเดิมอีก เพราะดูเหมือนน้องชายคนนี้จะเป็นจอมยุทธเหมือนในหนังกำลังภายใน”
เถ้าแก่ฮั่นมองหลิงหยุนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก และภายในแววตาของเขาก็มีร่องรอยของความหวาดกลัวเล็กน้อยซ่อนอยู่
ส่วนพ่อค้าจิวเวลรี่คนอื่นๆ ต่างก็จ้องมองท่าทางน่ากลัวของหลิงหยุนด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว และได้แต่นึกว่าหากพวกเขาหัวเราะหลิงหยุนก่อนหน้านี้จนทำให้หลิงหยุนไม่พอใจแล้วล่ะก็ สภาพของพวกเขาคงไม่ต่างจากชายวัยกลางคนเมื่อครู่นี้..
“พ่อหนุ่ม.. เมื่อครู่นี้เธอยอดเยี่ยมมากจริงๆ!” ซ่งเจิ้งหยางพูดพร้อมกับปรบมือให้หลิงหยุนก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นตบไหล่เขาด้วยความชื่นชม
“อย่าไปสนใจเลยครับลุงซ่ง! ผมต้องขอตัวกลับก่อนแล้วเพราะยังมีธุระต้องไปทำอีกมากมาย..”
หลิงหยุนรีบเอ่ยลาทุกคนพร้อมกับบอกทุกคนว่าหากมีเรื่องที่ต้องคุย รอให้ผ่านวันนี้ไปก่อน จากนั้นก็รีบพาหลงหวู่ออกไปทันที
มู่หลงเฟยจื่อเห็นหลิงหยุนเดินออกไปโดยไม่เหลียวมองเธอเลยแม้แต่น้อย ก็ได้แต่รู้สึกเสียใจและยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก
หลังจากที่หลิงหยุนออกมาด้านนอก เขาก็ให้หลงหวู่นั่งรถแท็กซี่กลับไปบ้าน ส่วนตัวเขาเองก็รีบกลับไปยังบ้านเลขที่-1 และพบว่าถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋กำลังยืนรออยู่ข้างรถบรรทุกแล้ว
เมื่อไปถึง.. หลลิงหยุนก็จัดการเรียกหินพลังชีวิตเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ของเขาทันที และไม่ลืมที่จะเรียกหินก้อนมหึมาเข้าไปเก็บด้วย เพราะมูลค่าของมันนั้นมหาศาล หากเก็บไว้กับตัวเขาก็น่าจะปลอดภัยที่สุด
“โอ้โห.. กินพื้นที่ทั้งหมดของแหวนพื้นที่เลยรึนี่?!” หลิงหยุนรู้สึกเสียดายอย่างมากเพราะเขาเพิ่งจะสร้างพื้นที่ด้านในเพิ่ม แต่หินก็กินพื้นที่แทบทั้งหมด
“ข้าคงต้องรีบหาทางขายหินพวกนี้แล้วสิ!” หลิงหยุนบ่นพึมพำขณะที่เรียกหินห้าก้อนเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่
“แม่เจ้าโว้ย! หินก้อนขนาดนั้นก็ใส่เข้าไปได้ด้วยเหรอนี่?”
ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ต่างก็รู้เรื่องแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนดี แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าด้านในจะมีพื้นที่ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ จึงแต่ตกตะลึง!
“หลิงยู่กับน้าหญิงเป็นยังไงบ้าง?” หลิงหยุนจัดการธุระของตนเองเสร็จเรียบร้อยจึงถามถึงหญิงสาวทั้งสองคน
“น้าฉินพาเซียนเอ๋อกับหลิงยู่กลับไปอยู่ที่บ้านในอ่าวจิงฉูแล้ว ส่วนหนิงน้อยกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็กลับไปอยู่กับท่านหมอเสี่ยวที่บ้าน” ถังเมิ่งรายงาน
“แล้วน้าหญิงฝากอะไรถึงฉันบ้างมั๊ย?”
“ฝาก.. น้าฉินบอกว่าให้พี่ตั้งใจฝึกฝน กินอาหารดีๆ แล้วก็ตั้งใจเรียน ที่สำคัญต้องกลับไปที่บ้านอ่าวจิงฉูอย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้ง..”
ถังเมิ่งรู้ดีว่าคำสั่งของฉินตงเฉี่วยนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ลมปาก!
“แล้วพวกนายสองคนกินข้าวกันหรือยัง?” หลิงหยุนร้องถามขึ้น
“ใครจะกล้าไปกินเล่า!? ขืนไปมีหวังหินมีค่าพวกนี้ต้องหายไปแน่ๆ” ถังเมิ่งตอบเสียงศร้า แต่เมื่อหลิงหยุนเก็บหินมีค่าเข้าไปแล้ว เขาจึงค่อยรู้สึกโล่งอก
หลิงหยุนพูดขึ้นมายิ้มๆ “ถ้างั้นพวกนายสองคนจัดการส่งหินดิบทั้งหมดที่เหลือนี้ไปที่ศาลาเทียนสี่ และไปทานข้าวกับลุงซ่ง ถังเมิ่ง.. ต่อไปนายต้องศึกษาเรียนรู้การทำธุรกิจจากลุงซ่งด้วยล่ะ..”
ถังเมิ่งได้ยินจึงรีบถามขึ้นอย่างตระหนกตกใจ “พี่หยุน.. แต่หินดิบพวกนี้ข้างในอาจเป็นสีเขียวก็ได้นะ?”
หลิงหยุนพูดยิ้มๆ “ไม่ใช่อาจจะ! นี่นายยังคิดว่าฉันซื้อเศษหินมาถึงสามคันรถเข็นอีกงั้นเหรอ? ฉันรับรองว่าหินทุกก้อนเป็นสีเขียวหมด!”
ถังเมิ่งร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “จริงเหรอ..?! ถ้าอย่างนั้นพี่จะส่งหินพวกนี้ไปศาลาเทียนสี่ทำไมกัน? ไม่เห็นจำเป็นต้องยกให้เขาเลย!”
ถังเมิ่งเห็นว่าหลิงหยุนไม่ได้มีทีท่าสนอกสนใจมู่หลงเฟยจื่อเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งวันนี้เขาดูจะเอาใจใส่หลงหวู่มากกว่าเสียอีก หินดิบในรถเข็นทั้งสามคันนี้อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีมูลค่าหลายร้อยล้าน แล้วจู่ๆหลิงหยุนจะยกให้คนอื่นทำไมกัน?
หลิงหยุนเข้าใจความรู้สึกของถังเมิ่งดี เขาจึงตอบกลับไปยิ้มๆ “ฉันไม่ได้ให้นายเอาไปให้พวกเขาฟรีๆ แต่ให้พวกเขาช่วยจัดการนำหินพวกนี้ไปขายในร้าน ฉันให้นายไปที่นั่นไม่ใช่แค่ไปเรียนรู้จากลุงซ่ง แต่แต่ให้ไปคุยเรื่องธุรกิจกับพวกเขาด้วย”
“บอกกับพวกเขาว่า ให้จัดการจำหน่ายหินหยกพวกนี้ออกไป และให้เปอร์เซ็นต์กับปู่มู่หลงและลุงซ่ง บอกพวกเขาว่ายังไม่ต้องจ่ายเงินให้กับฉัน ขายได้เมื่อไหร่ค่อยนำเงินมาให้ก็ยังไม่สาย!”
เพราะตอนนี้หลิงหยุนเองก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง
เว้นแต่ถึงช่วงเวลาที่เขาจะทำการเล่นแร่แปรธาตุ และต้องการซื้อวัตถุดิบประเภทโลหะ ถึงตอนล่ะที่เขาจำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว
หลิงหยุนได้เคยสำรวจราคาโลหะชนิดต่างๆจากอินเทอร์เน็ต เพราะในแต่ละครั้งที่เขาจะซื้อนั้นก็ต้องมีหลายพันตันเลยทีเดียว และจำเป็นต้องใช้เงินก้อนจำนวนมหาศาล ต่อให้มีหินสองก้อนนี้อยู่ในมือ ก็ยังนับว่าเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
“ให้เปอร์เซ็นต์จากการขายยี่สิบเปอร์เซ็นต์เชียวเหรอ?” ถังเมิ่งรู้สึกเสียดายเลยต้องการจะต่อรองกับหลิงหยุน
“ถ้าไม่ให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ วันหน้าที่นายจะเปิดกลุ่มบริษัทเทียนตี้ นายก็ต้องไปขอคำแนะนำจากพวกเขาอยู่ดี!”
“และแม้แต่เซียนหยกกับเถ้าแก่ฮั่น ถ้านายมีเวลาก็ต้องหมั่นไปเยี่ยมเยียนพวกเขาไว้ สองคนนี้เป็นคนดีและไว้ใจได้เลยทีเดียว”
หลังจากสั่งตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่งแล้ว หลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. พวกนายไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของฉันได้แล้ว จำไว้ว่าอย่าทำอะไรให้ฉันขายหน้า แล้วก็ถ้ามีใครถามเรื่องของฉัน เรื่องใหนไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด เข้าใจใช่มั๊ย?”
ถังเมิ่งพยักหน้าทันที และหลังจากที่พูดจบ หลินเมิ่งหานก็โทรมาให้เขารีบกลับไปที่บ้าน..
………..
หลินเจิ้งกังมาที่จิงฉูนานหลายวันแล้ว และจำเป็นต้องกลับภายในคืนนี้ หลินเมิ่งหานจึงค่อนข้างกระวนกระวายใจที่หลิงหยุนยังไม่กลับเสียที
หลิงหยุนรีบขับรถแลนด์โรเวอร์ของตนเองออกไป และมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านฝูฮัวอย่างรวดเร็ว เพราะเพียงแค่ศิลากลั่นวิญญาณที่ตระกูลหลินมอบให้กับหลิงหยุนนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาต้องเห็นหลินเจิ้งกังอยู่ในสายตา
เพียงแค่ยี่สิบบนาที รถของหลิงหยุนก็แล่นไปถึงหน้าประตูบ้านของหลินเมิ่งหานที่ตอนนี้มีรถทหารจอดอยู่สองคัน ทหารทั้งสี่นายยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางทันทีที่หลินเจิ้งกังออกมา
“หลิงหยุน.. มาแล้วเหรอ? เข้ามาเร็วๆ พ่อของฉันรอนายอยู่!”
เมื่อหลินเมิ่งหานได้ยินเสียงรถของหลิงหยุน เธอก็รีบวิ่งออกไปรอหน้าบ้านทันที
“วันนี้ผมยุ่งทั้งวันเลย..” หลิงหยุนรีบอ้างออกไป แต่มันก็คือควาจริง
ทันทีที่หลิงหยุนเข้าไปในบ้าน หลินเจิ้งกังก็รีบลุกขึ้นยิ้มทักทายเขาทันที “หลิงหยุนมาแล้วรึ.. นั่งลงก่อนสิ!”
“ลุงหลินสวัสดีครับ..” ทันทีที่เข้ามาในบ้าน หลิงหยุนเองก็รีบเอ่ยทักทายหลินเจิ้งกังอย่างมีมารยาทเช่นกัน
ทันทีที่หลินเจิ้งกังและหลิงหยุนนั่งลง หลินเจิ้งกังก็พูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ฉันต้องรีบกลับกองทัพก็เลยมีเวลาไม่มาก เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า..”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า “ลุงหลินมีอะไรจะพูดก็ว่ามาเลยครับ.. ไม่ต้องมีพิธีรีตองกับผมมาก ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณคุณลุงอีกครั้งที่ได้มอบของขวัญล้ำค่าให้ผมเมื่อวานนี้ มันมีประโยชน์กับผมมากจริงๆ!”
หลินเจิ้งกังพูดขึ้นว่า “สองวันมานี้เมิ่งหานเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังมากมาย ฉันยอมรับว่าเธอเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์และเก่งกาจอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อถือได้ ฉันได้เล่าเรื่องนี้ให้กับแม่และปู่ของเมิ่งหานฟังแล้ว พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รอให้เมิ่งหานกับเธอกลับไปเยี่ยมเยียนที่บ้าน”
หลินเมิ่งหานนั่งเอียงอาย ส่วนหลิงหยุนตอบกลับไปทันที “นี่เป็นเรื่องสมควรต้องทำ! รอให้ผ่านการสอบเอนทรานซ์ไปเสียก่อน และช่วงปิดเทอมยาว ผมจะไปเยี่ยมเยียนท่านปู่หลินและคุณป้า”
หลินเจิ้งกังพยักหน้า และพูดต่อว่า “หลิงหยุน ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา แต่เมิ่งหานเป็นลูกสาวคนเดียวของฉัน ในเมื่อพวกเธออยู่ด้วยกันแล้ว ตระกูลหลินของเราก็ไม่กีดกัน แต่เธอต้องปฏิบัติต่อเมิ่งหานอย่างดี และไม่รังแกข่มเหงเธอ..!”
หลิงหยุนเห็นท่าทางของพ่อตาดูเหมือนจะยังขุ่นเคืองใจอยู่ จึงรีบพยักหน้ารับปากอย่างไม่ลังเล..
หลินเจิ้งกังพูดต่อ “เมื่อครั้งที่มีการยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างหลงเทียนเจียวกับเมิ่งหานนั้น แม้ว่าตระกูลหลงจะเป็นฝ่ายขอยกเลิกก็จริง แต่เรื่องนั้นก็นับว่าสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับตระกูลหลงไม่น้อย ฉันเองก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่พอใจ..”
แทบไม่ต้องรอให้หลินเจิ้งกังเอ่ยปาก หลิงหยุนจึงพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างมั่นใจ
“ลุงหลิน.. เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง! จากนี้ไปผมจะดูแลตระกูลหลินเอง ในวันข้างหน้าตระกูลหลินจะต้องมีแต่เจริญรุ่งเรือง และจะไม่มีเรื่องราวเลวร้ายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
หลิงหยุนตอบหลินเจิ้งกังด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ!