บทที่ 635 : สั่งสอนหนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคน!
‘เด็กคนนี้ดูช่างมีอำนาจ!’
หลินเจิ้งกังที่นั่งอยู่ตรงข้ามหลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจและความมั่นใจอันน่าอัศจรรย์ของเขา ก็ได้แต่แอบตกใจอยู่เงียบๆ!
แต่เพราะที่คลินิกเมื่อวานนี้ หลินเจิ้งกังได้เห็นเหตุการณ์ และความสามารถที่น่าทึ่งของหลิงหยุนด้วยตาตัวเอง ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าสิ่งที่หลิงหยุนพูดและแสดงออกมาล้วนแล้วแต่เป็นความจริง ไม่ใช่การโอ้อวดแต่อย่างใด..
หลินเจิ้งกังเมื่อครั้งที่ยังไม่รู้จักกับหลิงหยุนนั้น ก็ไม่ต่างจากเซียนหยกที่คิดว่าจะสามารถจัดการกับหลิงหยุนได้ไม่ยาก แต่เอาเข้าจริงๆ เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ฉันอยากจะเตือนเธอ.. เธอไม่ควรประเมินกำลังความสามารถของตระกูลหลงต่ำจนเกินไป ฉันขอบอกไว้เลยว่าอำนาจและศักยภาพของตระกูลหลงนั้นเป็นเรื่องที่คนภายนอกยากจะจินตนาการได้ ทั่วทั้งประเทศจีน นอกจากตระกูลเย่แล้ว ก็ไม่มีตระกูลใหญ่ตระกูลใหนจะสามารถเอาชนะตระกูลหลงได้เลย!”
“ตระกูลเย่งั้นเหรอครับ?!”
หลิงหยุนได้แต่นึกแปลกใจ! เพราะเขาเองก็เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อตระกูลเย่จากหลินเจิ้งกังเป็นครั้งแรก อีกทั้งไม่เคยได้พบเจอคนตระกูลเย่มาก่อนเลย
“ใช่.. ตระกูลเย่ชื่นชอบการอยู่อย่างเงียบๆ แล้วไม่ชอบทำตัวเด่นดัง แต่ตระกูลเย่นั้นก็ไม่ได้เลวร้ายน้อยไปกว่าตระกูลหลงเลย และดูเหมือนว่าสิบปีให้หลังนี้ตระกูลเย่เองก็กำลังงัดข้อกับตระกูลหลงอยู่ เอาเป็นว่าเธอไม่ประมาทจะดีกว่า!”
ดังคำพูดว่า.. สุนัขเห่ามักไม่กัด แต่สุนัขที่ไม่เห่ามักจะกระโจนใส่เลย เรื่องนี้หลิงหยุนเองก็เข้าใจดี
“เอาล่ะ.. ฉันไม่อยู่รบกวนพวกเธอแล้ว หลิงหยุน.. จำไว้ว่าเมิ่งหานนั้นรักเธอมาก อย่าได้รังแกเธอ!”
“พ่อคะ.. พ่อพูดอะไรกัน?!” หลินเมิ่งหานเห็นหลินเจิ้งกังพูดตรงๆเช่นนี้เธอก็ถึงกับบิดไปบิดมาด้วยความเอียงอาย
“นี่.. พวกแกสองคนอยู่ด้วยกันแล้ว ยังมีอะไรที่พ่อจะพูดไม่ได้อีก!” หลินเจิ้งกังตำหนิลูกสาวพร้อมกับเหลือบตามองอย่างไม่พอใจ
หลิงหยุนและหลินเมิ่งหานเดินไปส่งหลินเจิ้งกังที่หน้าประตู แต่ก่อนที่จะขึ้นไปบนรถ หลินเจิ้งกับก็ดึงหลิงหยุนเข้าไปหาพร้อมกระซิบว่า
“เจ้าเด็กตัวแสบ.. ฉันเห็นนะว่ามีผู้หญิงรายล้อมเธอมากมาย เรื่องนี้ฉันคงจะว่าอะไรเธอไม่ได้ แต่ไม่ว่าเธอจะมีผู้หญิงสักกี่คน เธอก็ต้องมายกน้ำชาให้กับฉัน และถ้าเธอกล้าเลือกปฏิบัติ และดูแลลูกสาวฉันไม่ดีแล้วล่ะก็ รับรองว่าฉันจะส่งทหารทั้งกองทัพมาจัดการกับเธอแน่!”
หลิงหยุนถึงกับเหงื่อท่วมตัวและได้แต่แอบคิดในใจว่า ‘พ่อตาของข้าโหดไม่เบาเลย ถึงกับจะส่งทหารทั้งกองทัพมาเลยงั้นรึ?’
“ลุงหลินครับ.. ไม่ต้องห่วง อีกอย่างในบรรดาสาวๆพวกนั้น เมิ่งหานก็สวยที่สุด..” หลิงหยุนตอบยิ้มๆ
เมื่อเห็นหลินเจิ้งกังขึ้นไปบนรถแล้ว หลินเมิ่งหานก็เดินเข้าไปโอบแขนหลิงหยุนไว้พรัอมกับถามอายๆ “สามี.. เมื่อครู่พ่อพูดอะไรกับนาย?”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า “พ่อของคุณบอกให้ผมรีบมีหลานให้ท่านโดยเร็วที่สุด! ถ้างั้นพวกเราก็รีบไปทำหลานให้พ่อของคุณกันดีกว่า!”
ทั้งสองคนเดินตรงเข้าไปในห้องนอน ระหว่างทางมือใหญ่โตของหลิงหยุนก็ได้ลูบไล้หน้าอกใหญ่โตของหลินเมิ่งหานเล่นไปด้วย
หลินเมิ่งหานรีบร้องออกมาทันที “นี่.. นายยังบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ? น่าจะรอให้ฟื้นตัวดีกว่านี้ก่อนนะ?!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “บาดเจ็บอะไรกัน?! ผมหลอกทุกคนต่างหาก เรื่องแค่นั้นไม่สมารถทำให้สามีของคุณบาดเจ็บได้หรอกน่า.. ”
หลังจากเข้าไปในห้องนอน หลิงหยุนก็กระแทกฝ่ามือปิดประตูทันที จากนั้นจึงเริ่มปลุกเร้าอารมณ์ของหลินเมิ่งหานจนร่างของเธออ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“โอ๊ว..”
ทันทีที่หลิงหยุนล่วงล้ำเข้าไปในร่างกายของหลินเมิ่งหาน ความสุขสมอย่างมหันต์ก็เกิดขึ้นทันทีกับหลินเมิ่งหานทันที จนเธอถึงกับร้องออกมาอย่างมีความสุข และตามมาด้วยเสียงลมหายใจถี่และแรง..
…………
สามชั่วโมงต่อมา.. หลิงหยุนจัดการวางร่างที่อ่อนระทวยของหลินเมิ่งหานลงบนเตียง จากนั้นจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำอุ่นให้สดชื่น
เขาโทรหาตี้เสี่ยวอู๋และถังเมิ่งที่กำลังดื่มอยู่กับซ่งเจิ้งหยาง มู่หลงเวิ่นฉี เซียนหยก และเถ้าแก่ฮั่น
ตี้เสี่ยวอู๋รีบบอกหลิงหยุนไปตามตรงว่า เขาไม่อยากนั่งอยู่ในนั้นแล้ว เขาไม่ชอบการเข้าสังคม เพราะทำให้เขาไม่มีเวลาฝึกฝนวิชา
หลิงฟังแล้วได้แต่ยิ้ม และอนุญาตให้ตี้เสี่ยวอู๋ขอตัวกลับมาได้ และทั้งคู่ก็นัดกันที่คลินิกสามัญชน หลังจากวางสายไปแล้วหลิงหยุนก็บอกหลินเมิ่งหาน และขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังคลินิกทันที
“นายจับตัวพวกมันสองคนมาแล้วใช่มั๊ย?” ทันทีที่รับตี้เสี่ยวอู๋ขึ้นมาบนรถ หลิงหยุนก็ถามขึ้นมาทันที
ตี้เสี่ยอู๋รู้ดีว่าหลิงหยุนกำลังถามถึงหนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคนที่ชื่อจูหย่งหวังและโหวเย่าจง เขาจึงตอบยิ้มๆ
“ไอ้หน้าโง่สองคนนั่นมันคงคิดว่าพวกเราพูดเล่นๆ ก็เลยไม่ใส่ใจ! ตอนนี้พวกมันสองตัวถูกจับตัวไปไว้ที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งของแก๊งมังกรเขียว ดูท่าพวกมันคงจะยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองด้วยซ้ำ!”
“พี่หยุน.. ให้ฉันขับรถให้จะดีกว่ามั๊ย?” ตี้เสี่ยวอู๋เห็นหลิงหยุนยังคงนั่งตำแหน่งคนขับไม่ขยับ
“ไม่ล่ะ.. วันนี้ทั้งวันฉันยังไม่ได้ขับรถเลย นี่นายจะแย่งฉันขับหรือยังไง? ไม่มีทาง!”
หลิงหยุนปฏิเสธทันที ตี้เสี่ยวอู๋ได้แต่นั่งนิ่งๆและคิดว่าคืนนี้หลิงหยุนทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับเขานั่งเองเลยรึ?!
ระหว่างที่อยู่ในรถ หลิงหยุนก็ถามตี้เสี่ยวอู๋ต่อ “ไนท์คลับนั่นก็เป็นธุรกิจของแก๊งมังกรเขียวด้วยเหรอ?”
ตี้เสี่ยวอู๋รีบโต้กลับทันที “พี่หยุน.. นั่นเป็นธุรกิจของพี่! แก๊งมังกรเขียวมีไนท์คลับอยู่ในจิงฉูทั้งหมดสิบแปดแห่ง ถ้าพี่มีเวลาพี่ก็ไปตรวจดูบ้างก็ได้..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า.. ไนท์คลับสิบแปดแห่งไม่น้อยเลยทีเดียว และได้แต่แอบชื่นชมในความสามารถของหลงคุนอยู่เงียบๆ
………….
“พี่อู๋..”
ทันทีที่พนักงานกดประตูลิฟท์ให้เปิดออก หญิงสาวร่างสูงหน้าตาสะสวยสวมชุดกระโปรงสีแดงสี่คน ก็ร้องทักทายตี้เสี่ยวอู๋
สาวสวยทั้งสี่คนดูเหมือนจะรู้จักฐานะของตี้เสี่ยวอู๋ดี แต่ละคนส่งยิ้มหวานให้กับตี้เสี่ยวอู๋โดยที่ไม่สนใจหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย
“นี่พี่หยุน!”
ตี้เสี่ยวอู๋เห็นหญิงสาวทั้งสี่คนมองหลิงหยุนไม่อยู่ในสายตา จึงรีบร้องบอกพวกเธอทันที
“สวัสดีค่ะพี่หยุน!”
สาวสวยทั้งสี่คนรีบโค้งตัวลงทักท้ายหลิงหยุน และหน้าอกทั้งสองข้างของพวกเธอก็เผยต่อสายตาหลิงหยุนที่กำลังจ้องมองด้วยความตกตะลึง
หลิงหยุนรีบหยิบธนบัติออกมา และรีบส่งให้กับสาวๆทั้งสี่คนทันที
“ยังไม่รีบของคุณพี่หยุนอีก!” ตี้เสี่ยอู๋ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ และไม่เคยเห็นหลิงหยุนใจป้ำแบบนี้มาก่อน
“ขอบคุณพี่หยุน!”
สาวสวยทั้งสี่คนรีบคว้าเงินและโค้งคำนับขอบคุณหลิงหยุนทันที และหน้าอกใหญ่โตก็เปิดเผยต่อหน้าหลิงหยุนอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร.. วันนี้ฉันอารมณ์ดี..” หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับเดินต่อไป
ทั้งสองคนเข้าไปในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง และหลิงหยุนก็เห็นจูหย่งหวังและโหวเย่าจงที่ถูกต่อยจนหน้าบวมช้ำไปหมด
เมื่อจูหย่งหวังและโหวเย่าจงหันมาเห็นหลิงหยุนที่กำลังเดินเข้ามานั้น ทั้งคู่ต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวอย่างมาก
“อะไรกัน? แค่ฉันเดินเข้ามาพวกแกก็ถึงกับสั่นเชียวรึ?!” หลิงหยุนนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับจ้องมองหนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคนที่กำลังหวาดกลัวจนตัวสั่น
หลังจากที่หลิงหยุนนั่งลง เขาก็สั่งคนของแก๊งมังกรเขียว “ไปหยิบปากกากับกระดาษมาให้ฉัน..”
ลูกน้องแก๊งมังกรเขียวไม่รอช้า รีบหยิบปากกาและกระดาษมาส่งให้หลิงหยุนทันที
หลิงหยุนยิ้มให้กับจูหย่งหวัง “ฉันฟังแกพูดจาดูถูกฉันมาตลอดทั้งวันแล้ว.. พูดต่อสิ.. ฉันอยากฟังอีก!”
จูหย่งหวังถึงกับตกใจจนพูดไม่ออกไปครู่ใหญ่ เมื่อได้สติจึงรีบร้องขอความเมตตาจากหลิงหยุนทันที
“ฉันกลัวแล้ว! ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ! แล้วฉันจะไม่มาเหยียบจิงฉูอีกเลย ฉันไม่กล้ามากวนใจคุณอีกแล้ว!”
หลิงหยุนยิ้มบางพร้อมกับส่งปากกาและกระดาษในมือให้ “ได้.. แต่แกต้องเขียนข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลของแกลงในกระดาษนี่ซะก่อน! และถ้ากล้าโกหกแม้แต่นิดเดียว ฉันจะสับเนื้อแกเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้สุนัขกิน”
พูดจบ.. หลิงหยุนก็ไม่สนใจจูหย่งหวังอีก แล้วหันไปทางโหวเย่าจง
“เงยหน้าขึ้นมามอง!”
โหวเย่าจงกัดฟันและพูดออกมาว่า “ฉันเป็นคนฮ่องกงนะ! ถ้าแกกล้าทำร้ายฉัน คอยดูฉันจะเอาพวกแกคืนแน่?!”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับขมวดคิ้วทันที “เสี่ยวอู๋.. จัดการอย่าให้ฟันในปากของมันเหลือแม้แต่ซี่เดียว!”
ตี้เสี่ยวอู๋รับคำ และจัดการฟาดฝ่ามือใหญ่ลงบนใบหน้าของโหวเย่าจงทันที
เพียะ.. เพียะ.. เพียะ.. เพียะ..
หลังจากกระหน่ำตบไปสิบกว่าครั้ง ใบหน้าของโหวเย่าจงก็ถึงกับบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ดวงดาวสีทองปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาจำนวนนับไม่ถ้วน และฟันในปากก็ร่วงออกมาหมด หลายซี่ถูกกลืนกลับลงไปพร้อมกับเลือดในปาก..
หลิงหยุนสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋หยุดและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วันนี้ที่ฉันสั่งให้ตบสั่งสอนแก ก็เพื่อให้แกจดจำไว้ว่าต่อไปหากจะพูดจาดูถูกใคร ก็ให้ดูตาม้าตาเรือด้วย..”
“แล้วถ้าฉันไปฮ่องกงวันใหน ทันทีที่เหยียบสนามบินฉันจะบอกให้แกรู้ ถึงตอนนั้นถ้าแกอยากจะมาแก้แค้นฉันก็เชิญได้เลย!”
ท่าทางและคำพูดของหลิงหยุนนั้นเต็มไปด้วยความยะโสโอหัง และหากไม่ใช่เพราะเกรงว่าตระกูลมู่หลงจะเดือดร้อน เขาคงจะจัดการชายหนุ่มทั้งสองคนไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว คงไม่ปล่อยให้เลยเถิดมาถึงตอนนี้แน่
เมื่อครั้งที่หลงหวู่พูดจาดูถูกเขา เขายังตบหลงหวู่ดวยตัวเอง มีหรือที่โหวเย่าจงจะรอดพ้นไปได้
“ยังไม่รีบลงมือเขียนอีก?”
“เขียนแล้ว.. เขียนเดี๋ยวนี้แล้ว..”
จูหย่งหวังเห็นหลิงหยุนสั่งคนตบโหวเย่าจงจนฟันร่วงหมดปาก ก็ถึงกับกลัวจนฉี่ราด และรีบพยักหน้าทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายทันที
“จำไว้ว่าต้องเขียนกิจการของตระกูลจูออกมาทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง? และอยู่ที่ใหนบ้าง? ถ้าตุกติกกับฉันล่ะก็ รับรองว่าผลลัพธ์จะยิ่งกว่านี้แน่!”
“ได้.. ได้.. ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะเขียนให้ละเอียดเลย!”
สิบกว่านาทีต่อมา จูหย่งหวังก็เขียนเสร็จเรียบร้อย หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้ของเขาสำรวจข้อความดู และได้แต่นึกหยันอยู่ในใจ
‘นี่เป็นหนี้ก้อนแรกที่ข้าจะทวงคืนจากตระกูลจู!’