DC บทที่ 290: บรรยายให้แก่ศิษย์รุ่นเยาว์

 

ในวันเดียวกันสองสามชั่วโมงหลังจากที่ซูหยางร่วมฝึกคู่กับซุนจิงจิง คนที่ไม่คาดคิดอีกคนก็มาปรากฏตัวต่อหน้าซูหยาง

 

“ซูหยางข้าอยากจะขอบคุณเจ้าที่ช่วยเหลือศิษย์รุ่นเยาว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีเยว่ซึ่งข้ารู้จักเธอมาเป็นเวลานานแล้ว ข้ามิอาจคาดคิดได้ว่าจักเกิดอะไรขึ้นกับเธอถ้าเจ้ามิช่วยเหลือเธอไว้จากพวกโจร…”

 

หลานลี่ชิงน้อมคำนับซูหยางด้วยท่าทางจริงจัง

 

“ข้าก็เพียงแค่ทำงานในฐานะศิษย์ของที่แห่งนี้เท่านั้น”

 

“นั่นมิจำเป็นต้องถ่อมตัว” หลานลี่ชิงยิ้ม

 

เธอกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามเจ้าว่างหรือเปล่าตอนนี้ นี่ก็เป็นเวลาพักใหญ่แล้วที่เราได้ร่วมฝึกด้วยกันครั้งล่าสุด เจ้ารู้ไหม”

 

“แม้ว่าข้าปรารถนาในการร่วมฝึกกับเจ้าตอนนี้ ข้าก็ยังจำเป็นจะต้องไปที่ห้องอบรมในตอนนี้ เจ้าคงมิรังเกียจที่จะรออยู่หลังจากเวลานั้น”

 

“ห้องอบรมรึ ผู้อาวุโสนิกายคนไหนที่กำลังจะให้การอบรมในตอนนี้รึ” หลานลี่ชิงมั่นใจว่าไม่มีผู้อาวุโสนิกายคนไหนให้การอบรมในเวลานี้

 

“ข้าเป็นคนที่จักให้การอบรม”

 

“อะไรกัน ใครจักเป็นคนที่เจ้าให้การอบรม” หลานลี่ชิงมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

“ศิษย์รุ่นเยาว์ ตามที่ผู้นำนิกายได้สั่งไว้”

 

“ผู้นำนิกายสั่งเจ้าให้อบรมศิษย์รุ่นเยาว์รึ ทำไมเธอจึงทำเช่นนั้น”

 

“นี่เป็นการลงโทษสำหรับความผิดเล็กน้อยที่ข้าก่อขึ้น” ซูหยางยิ้มออกมาสบายๆ

 

“อย่างไรก็ตามข้าได้แจ้งเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์เรื่องการอบรมไปเรียบร้อยแล้วและข้าก็กำลังจะตรงไปที่นั่นในตอนนี้”

 

“เจ้าจะว่าอะไรไหมถ้าข้าไปด้วย”

 

หลานลี่ชิงถาม รู้สึกค่อนข้างสนใจในเรื่องที่ว่าซูหยางจะอบรมเด็กพวกนี้อย่างไร

 

“นั่นสบายมาก เพราะนี่เป็นการอบรมแบบเปิดเผยอยู่แล้ว”

 

หลานลี่ชิงพยักหน้าและตามซูหยางไปยังห้องอบรมในเขตศิษย์ใน ในเมื่อที่นั่นเป็นสถานที่ที่ศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหมดมารวมตัวกัน

 

เวลาต่อมาเมื่อซูหยางมาถึงห้องฝึกอบรม ศิษย์รุ่นเยาว์ประมาณเจ็ดสิบคนก็พากันทักทายเขา

 

“สวัสดีตอนเช้า ศิษย์พี่ชาย”

 

เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์พากันประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นหลานลี่ชิงที่นั่นเช่นเดียวกัน หรือว่าเธอก็จะเข้าร่วมบรรยายในครั้งนี้ด้วย

 

“ศิษย์คำนับผู้อาวุโสหลาน”

 

“ข้ามาที่นี่เพียงแค่มาดูเท่านั้น” หลานลี่ชิงกล่าวขณะที่เธอเดินไปยังด้านหลังของห้องอบรม

 

หลังจากนั้นไม่นาน ครั้นเมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว ซูหยางก็เดินไปยังเวทีและพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า “สวัสดีศิษย์ทั้งหลาย ข้าซูหยาง และข้าจักเป็นผู้อบรมในวันนี้”

 

“ก่อนที่ข้าจักเริ่มการอบรม ข้ามีคำถามต่อพวกเจ้าทุกคน อะไรคือจุดประสงค์ของการฝึกวิชาคู่”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์สองสามคนพลันยกมือของพวกเขาขึ้นทันที

 

“เจ้า”

 

ซูหยางเลือกหนึ่งในนั้นแบบสุ่ม

 

“ขอรับ”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์ยืนขึ้นและเริ่มอธิบาย “จุดประสงค์ของการฝึกวิชาคู่ก็คือการฝึกพลังยุทธ”

 

“คำตอบที่ถูกต้องและเรียบง่าย แต่การฝึกวิชาคู่นั้นเป็นมากกว่านั้น มันเป็นความผูกพันระหว่างคนสองคน เป็นสิ่งที่จักคงอยู่ชั่วนิรันดร์หากเจ้าปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม”

 

“พวกเราจักปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมได้อย่างไร”

 

บางคนถามขึ้น

 

“นั่นจักทำได้ผ่านทางความสุข ยิ่งเจ้าสามารถให้ความสุขแก่คู่ของเจ้ามากเท่าไหร่ ความผูกพันก็จักยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น และสุดท้ายหากเจ้ามิสามารถให้ความสุขแก่คู่ของเจ้า พวกเขาก็แค่จักหาคนอื่นที่สามารถทำได้มาแทน”

 

“ดังนั้น ความสุขจักเป็นหัวข้อหลักของการอบรมในวันนี้”

 

“…”

 

หลานลี่ชิงซึ่งดูการอบรมอย่างเงียบๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจกับการบรรยายอย่างเยือกเย็นและราบรื่นของซูหยาง แม้ว่าจะเพิ่งเป็นการเริ่มต้น เธอก็สามารถบอกได้ว่าซูหยางมีประสบการณ์ลึกซึ้งในการอบรมผู้อื่น

 

“ความเยือกเย็นของเขา… บรรยากาศอันลึกล้ำที่อยู่รอบกายเขายามที่กำลังพูด… นั่นราวกับว่าเขาได้ทำเช่นนี้มาเป็นเวลาหลายปี…”

 

หลานลี่ชิงเริ่มรู้สึกสงสัยว่าซูหยางจะเป็นอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตที่ผ่านมาหรือไม่

 

“มีความสุขมากมายหลายประเภทในโลกนี้ แต่ข้าจักเน้นไปยังความสุขประเภทที่มีผลกระทบต่อร่างกายของเจ้า”

 

ซูหยางพลันเลือกหนึ่งในศิษย์รุ่นเยาว์แบบสุ่ม ซึ่งเป็นผู้ชายและถามเขาว่า “เจ้าจะให้ความสุขกับคู่ของเจ้าได้อย่างไร”

 

“อืม… โดยการลูบไล้ร่างกายของเธออย่างนุ่มนวลใช่ไหม”

 

“โฮ่ และส่วนไหนของร่างกายเธอที่เจ้าจะสัมผัส”

 

“ส่วนล่างมั้ง…” ศิษย์รุ่นเยาว์ตอบด้วยเสียงลังเล

 

ซูหยางส่ายหน้า

 

“ถ้าเจ้าเพียงแค่สามารถให้ความสุขแก่หญิงสาวด้วยการสัมผัสพื้นที่ส่วนนั้น เจ้าก็ถือว่าเป็นเพียงคนธรรมดา”

 

ซูหยางจึงหันไปมองหลานลี่ชิงและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหลาน ถ้าท่านมิถือ ท่านมาบนนี้หน่อยได้ไหมเพื่อที่ข้าจักได้สาธิตอะไรบางอย่างให้กับศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้”

 

หลานลี่ชิงไม่ได้คิดอะไรมากจึงพยักหน้า

 

ไม่นานหลังจากนั้นเมื่อหลานลี่ชิงก้าวขึ้นไปบนเวที ซูหยางก็กระซิบไปที่หูของเธอว่า “นี่จักเป็นการปลุกเร้าอยู่บ้าง…”

 

“เอ๋ เจ้ากำลังจะทำอะไรกับข้าต่อหน้าศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหมดนี้รึ” หลานลี่ชิงลังเล ในเมื่อเธอไม่ต้องการที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นอะไรที่น่าอาย

 

“อย่ากังวลไป ข้ามิทำอะไรที่วิตถาร”

 

“ถ้าเจ้าพูดเช่นนั้น…”

 

ซูหยางไปยืนตรงด้านหลังหลานลี่ชิงและวางมือลงไปบนหลังเธอ

 

“…”

 

หลานลี่ชิงร่างสั่นสะท้านเมื่อเธอรู้สึกว่านิ้วของซูหยางลูบไล้ไปบนหลังเธอ แม้ว่าจะสวมชุดคลุมแต่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอร่างเปลือยเปล่าเมื่อถูกเขาสัมผัส

 

เวลาต่อมาซูหยางก็กดนิ้วหนึ่งของเขาในตำแหน่งพิเศษเฉพาะบนหลังหลานลี่ชิง กดนิ้วของเขาลึกลงไปในผิวของเธอ

 

“อาาาา”

 

หลานลี่ชิงส่งเสียงร้องครางอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อพลันมีคลื่นแห่งความสุขรุกเร้าเข้าสู่ทุกอนูของร่างกาย เธอทรุดกายลงคุกเข่าในวินาทีต่อมา

 

บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ดวงตาเบิกกว้างไปกับฉากนั้น เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมหลานลี่ชิงจึงมีปฏิกิริยาตอบโต้แบบนั้น สิ่งที่ซูหยางทำทั้งหมดคือการจิ้มนิ้วนิ้วหนึ่งไปบนหลังของเธอเท่านั้น

 

“ผู้อาวโสหลาน ถ้าท่านมิรังเกียจทำไมจึงมิบอกให้เหล่าศิษย์ที่อยู่ที่นี่ว่าความรู้สึกประเภทไหนกันที่ผ่านเข้ามาในร่างกายท่านเมื่อกี้นี้” ซูหยางกล่าวกับเธอ

 

“…”

 

หลังจากที่ใช้เวลาชั่วขณะในการสงบใจลง หลานลี่ชิงก็พึมพัมออกมาเป็นเสียงที่ฟังได้ค่อนข้างยาก “มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ทั่วร่างกายของข้ารู้สึกหมดแรงและเกียจคร้าน…แต่ก็เป็นความรู้สึกที่เป็นสุขอย่างมาก”

 

“ว้าว…”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์มีท่าทางหวาดหวั่นเมื่อได้ประจักษ์ถึงวิชาของซูหยาง เขาสามารถที่จะบังคับให้ผู้อาวุโสนิกายคุกเข่าลงเพราะความสุขด้วยเพียงแค่นิ้วเดียว