DC บทที่ 291: ดรรชนีสมปรารถนา

 

“อย่างที่พวกเจ้าเพิ่งประจักษ์ ยังมีที่อื่นที่เจ้าสามารถใช้สร้างความสุขให้กับคู่ของเจ้าได้ ต่อให้มันเป็นจุดที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเลยและดูผิดปกติ ตราบเท่าที่เจ้ามีความรู้เจ้าก็สามารถสร้างความสุขให้กับคู่ของเจ้าได้โดยไม่ต้องสัมผัสส่วนที่ไวต่อความรู้สึก”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น รู้สึกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเรียนรู้วิชานี้

 

“อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะให้พวกเจ้าได้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ ข้าจักให้พวกเจ้าทั้งหมดนี้ได้มีประสบการณ์กับเทคนิคนี้ด้วยตัวเอง”

 

ซูหยางชี้ไปยังศิษย์รุ่นเยาว์ที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุดและกล่าวว่า “ข้าต้องการให้ทุกคนมายืนเข้าแถวต่อจากด้านหลังของเธอ และเมื่อถึงตาของเจ้าก็ขึ้นมาบนเวที”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์ที่เป็นอันดับแรกของแถวขึ้นมาบนเวทีอย่างกระตือรือล้น

 

“และเพื่อที่จะทำให้เหตุการณ์นี้ยิ่งตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ถ้าเจ้าสามารถที่จะยืนอยู่ได้หลังจากที่ได้รับประสบการณ์จากวิชาของข้า ข้าจักให้รางวัลพวกเจ้าด้วยหินวิญญาณร้อยก้อน”

 

“หินวิญญาณร้อยก้อน”

 

เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างตกตะลึงกับความใจกว้างของซูหยาง แม้ว่าหินวิญญาณร้อยก้อนอาจจะดูไม่มากนัก แต่มันก็เป็นทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับพวกเขาในการฝึกวิชาโดยไม่หยุดพักได้ถึงปีหรือสองปี

 

“ข้าจักเริ่มแล้วตอนนี้”

 

ซูหยางเคลื่อนมือไปยังด้านหลังของศิษย์รุ่นเยาว์คนนี้อย่างช้าๆ ก่อนที่จะจิ้มนิ้วหนึ่งนิ้วไปยังจุดหนึ่งบนหลังของเธอ

 

“อาาา”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์นี้พลันรู้สึกว่ามีความรู้สึกอันล้ำลึกเอ่อล้นไปทั่วร่างกาย จนทำให้ร่างของเธอล้มลงไปบนพื้นราวกับว่าเธอเพิ่งถูกไฟฟ้าช๊อต

 

“…”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์คนอื่นที่ดูอยู่ต่างรู้สึกว่ากรามของตนเองกระทบพื้นหลังจากที่เห็นเหตุการณ์นี้ หนึ่งร้อยก้อนหินวิญญาณนี้อาจจะยากเกินเอื้อมกว่าที่พวกเขาคิดไว้ตอนแรก

 

“เจ้าเป็นไรไหม” ซูหยางถามศิษย์รุ่นเยาว์ขณะที่ช่วยเธอลุกขึ้นยืน

 

“ค-ค-ความรู้สึกนี้คืออะไร…”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์นี้ไม่สามารถหยุดยั้งร่างกายจากการสั่นสะท้านได้ ในเมื่อผลตามหลังยังคง ความจริงแล้วความรู้สึกนั้นได้กระตุ้นร่างกายเธออย่างมากจนกระทั่งเธอได้ฉี่เล็ดออกมาเล็กน้อย

 

ครั้นเมื่อคนแรกได้รับประสบการณ์จากวิชาของซูหยางแล้ว คนถัดมาก็ขึ้นไปบนเวที

 

“อาาา”

 

ต่างจากศิษย์คนแรกที่สามารถควบคุมกระเพาะปัสสาวะของเธอได้อย่างยากลำบาก ศิษย์รุ่นเยาว์คนที่สองไม่เพียงแต่ล้มลงบนพื้นแต่ยังคงฉี่รดตัวเองอย่างเต็มที่หลังจากที่ประสบกับเทคนิคการใช้นิ้วเทพจิ้มของซูหยาง

 

“เจ้าสามารถกลับไปที่ห้องและชำระล้างร่างกายก่อนที่จะกลับมา” ซูหยางกล่าว

 

“เอ๋ แต่ข้ามิต้องการที่จะพลาดการอบรม…”

 

“เจ้ามิต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะว่าข้าจะยังมิเริ่มบทเรียนจนกว่าทุกคนจะกลับมาแล้ว”

 

คำพูดเช่นนั้นหมายความว่าซูหยางคาดว่าต้องมีศิษย์รุ่นเยาว์อีกมากมายที่จะฉี่รดตัวเอง

 

“ตกลง…”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์นั้นพยักหน้าและออกไปจากห้องอบรมเพื่อชำระร่างกาย

 

ใช้เวลาอย่างมากที่สุดหนึ่งนาทีต่อศิษย์แต่ละคน ซูหยางสามารถจัดการให้ศิษย์ถึงเจ็ดสิบคนที่นั่นเข้ารับรู้ประสบการณ์จากวิชาของเขาได้ภายในครึ่งชั่วโมง

 

และหลังจากที่จบการสาธิต จำนวนของศิษย์ที่ยังคงยืนอยู่ได้หลังจากที่ถูกจิ้มที่หลังจากซูหยางเป็นศูนย์อย่างไม่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด

 

ครั้นเมื่อศิษย์รุ่นเยาว์ทุกคนได้กลับมาหลังจากที่กลับไปทำการชำระล้างร่างกายแล้ว ซูหยางก็ถามพวกเขาว่า “บอกข้าซิว่าเจ้าได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ครั้งนี้”

 

เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างหันไปสบตากัน นอกจากที่ได้เรียนรู้ว่าความสุข “ที่แท้จริง” รู้สึกเช่นไร พวกเขาไม่ได้คิดถึงอะไรอย่างอื่นอีก

 

หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ เด็กหญิงตัวเล็กก็ยกมือขึ้น

 

“นั่นเป็นน้องเล็กของข้า”

 

หลานลี่ชิงยิ้มในใจเมื่อเธอสังเกตเห็นชีเยว่ยกมือของเธอขึ้น

 

“ว่ามา”

 

“อืมม.. ข้าได้สังเกตเห็นว่าตำแหน่งที่ท่านได้จิ้มลงไปล้วนแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางทีแต่ละคนจะมีจุดความสุขแตกต่างกันไป”

 

ซูหยางยิ้มและพยักหน้า “เป็นการสังเกตที่ยอดเยี่ยมมาก”

 

และในเมื่อเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีใครในที่นี้สามารถสังเกตเห็นจุดนั้น ซูหยางตัดสินใจที่จะให้รางวัลชีเยว่สำหรับความสำเร็จของเธอ

 

“นี่เป็นหินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อน”

 

ซูหยางโยนถุงบรรจุหินวิญญาณอย่างสบายๆไปยังชีเยว่ที่ตรงเข้าไปรับมันอย่างเร่งรีบ

 

ศิษย์รุ่นเยาว์คนอื่นมองดูเธอด้วยสายตาอิจฉา เสียใจที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนที่สังเกตเห็น

 

“อย่ากังวลไป ยังมีโอกาสอีกมากมายสำหรับพวกเจ้าที่จะได้รับบางสิ่งระหว่างการอบรมของข้า”

 

เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันตื่นเต้น และความตั้งใจในการอบรมยิ่งจริงจังมากขึ้น

 

“ช่างเป็นแครอทที่แพงมากในการใช้ให้ศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้ตั้งใจในการอบรมของเขา…”

 

หลานลี่ชิงตาโตด้วยความตระหนกเมื่อซูหยางยื่นส่งหินวิญญาณร้อยก้อนให้กับศิษย์รุ่นเยาว์อย่างง่ายๆ นั่นมากกว่าเงินรายปีของเธอไปแล้ว และนั่นเพียงแค่จากการตอบคำถามง่ายๆได้ถูกต้อง

 

หลานลี่ชิงไม่อาจนึกออกว่าจะมีผู้อาวุโสนิกายคนใดที่ร่ำรวยและบ้าพอที่จะใช้เทคนิคนี้ อย่างไรก็ตามพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ประเภทนี้เป็นแค่เศษเสี้ยวของสิ่งที่เธอรักในตัวซูหยาง

 

“อย่างที่เธอพูดไว้เมื่อกี้นี้ ทุกคนมีจุดสำคัญแตกต่างกันออกไป แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ในเมื่อปกติแล้วจะมีมากกว่าหนึ่งจุดเหล่านี้ในแต่ละคน”

 

ซูหยางดำเนินการบรรยายต่อไป

 

“ตอนนี้เมื่อพวกเจ้าทุกคนได้เห็นและได้รับประสบการณ์จากวิชาโดยตรงแล้ว ข้าจักให้ทุกคนที่นี่ได้มีโอกาสได้เรียนรู้มัน”

 

หลังจากที่พูดคำพูดเหล่านี้ ซูหยางก็สะบัดชายเสื้อ ทำให้กระดาษเจ็ดสิบชิ้นปรากฏขึ้นและบินตรงไปยังเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์

 

“บนกระดาษเหล่านั้นเป็นวิชาที่จักยอมให้พวกเจ้าได้รับรู้และปลุกเร้าจุดสำคัญเหล่านี้ ทำให้เกิดความสุขอย่างแรงกล้ากับผู้ที่ประสบ และชื่อของมันก็คือ ดรรชนีสมปรารถนา”

 

“มีคำกล่าวไว้ว่าวิชานี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเทพแห่งความสุข และถ้าเจ้าดูแลมันอย่างไม่สนใจใยดีมันหรือหละหลวม เทพแห่งความสุขจักสาปแช่งเจ้าไปชั่วนิรันดร์ พรากความสุขไปจากชีวิตของเจ้า”

 

เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อได้ยินที่มาแบบนั้นของวิชาที่ลึกล้ำเช่นนี้

 

“จากที่กล่าวมาแล้ว พวกเจ้าทุกคนจงศึกษาวิชานี้ไปจนถึงชั่วโมงหน้าก่อนที่ข้าจะทดสอบถึงทักษะในการทำความเข้าใจในทันทีหลังจากนั้น”

 

เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างไม่ยอมเสียเวลาและค้นคว้าลึกเข้าไปในวิชานั้นทันที

 

พวกเขาทุกคนต้องการที่จะสร้างความประทับใจให้กับซูหยาง แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเรียนรู้วิชานี้ที่บางทีอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล