ตอนที่ 1577 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (8)

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1577  ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (8)

ถ้าจวินอู๋ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับวิหารมารโลหิต  ทำไมวิหารมารโลหิตจะต้องปกป้องเขาถึงขนาดนั้น?

แล้วทำไมกู่ซินเยียนถึงได้ไปไหนมาไหนกับจวินอู๋บ่อยขนาดนั้น?

วิหารมารโลหิตปฏิบัติกับจวินอู๋ยังไง  ทุกคนก็เห็นอยู่ชัดๆแล้ว  คำพูดของหลินเฮ่าอวี่อาจจะฟังดูแปลกในตอนแรก  แต่พอคิดดูดีๆแล้ว  ก็ดูเหมือนว่ามันมีความเป็นไปได้ว่านั่นคือความจริงเบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมดในตอนนี้

ถ้าการแสดงความยโสโอหังของวิหารมารโลหิตเป็นเพราะพวกเขาอยากจะโดดเด่น  นั่นย่อมเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างมาก  แต่ถ้าพวกเขาทำเพื่อปกป้องคนของตัวเอง  นั่นจะทำให้เรื่องแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

สถานการณ์จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงถ้าพวกเขาเป็นเหยื่อแทนที่จะเป็นคนก่อเรื่อง

แต่มีจุดหนึ่งที่ทุกคนยังคิดว่าแปลกอยู่เล็กน้อย  จวินอู๋ปฏิเสธคำเชิญจากสิบสองวิหารทั้งหมดในตอนจบงานชุมนุมเทพยุทธ์  แล้วทำไมจู่ๆถึงได้ย้ายไปสวามิภักดิ์กับวิหารมารโลหิตหลังจากเข้าสู่สำนักธาราเมฆแล้ว?

หรือหมอนั่นจะคิดว่าตัวเลือกในตอนแรกคือความผิดพลาด?

แม้ว่าหลินเฮ่าอวี่จะไม่ฉลาดเท่ากู่ซินเยียน  แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่  การพูดแบบนี้จะทำให้พวกเขากอบกู้สถานการณ์ได้ง่ายขึ้น

อย่างน้อยอีกห้าวิหารก็ไม่สามารถใช้เหตุผลที่วิหารมารโลหิตทำตัวยโสโอหังกับพวกเขาได้อีกต่อไป

กู่ซินเยียนค่อนข้างพอใจกับคำอธิบายของหลินเฮ่าอวี่  และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่นางเชิญจวินอู๋เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย

พวกเฉียวฉู่เลิกคิ้ว  สายตาที่มองหลินเฮ่าอวี่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างซับซ้อน

เสี่ยวเสียจะเข้าร่วมวิหารมารโลหิตงั้นหรือ?

เจ้าโง่นี่เสียสติรึไง?

ฝันกลางวันชัดๆ!

ความเงียบจากพวกเขาทำให้หลินเฮ่าอวี่คิดว่าแผนของเขาประสบความสำเร็จ  จึงรู้สึกพอใจมาก

เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงใจและเสียใจเล็กน้อย  “จวินอู๋ที่เป็นคนของวิหารมารโลหิตเราถูกทุกคนกลั่นแกล้ง  ศิษย์คนอื่นของวิหารมารโลหิตย่อมต้องลุกขึ้นทวงความยุติธรรมให้เขา  ข้าไม่เห็นว่าพวกเราทำอะไรผิด  หรือพวกเจ้าจะบอกว่าถ้าคนของพวกเจ้าโดนข่มเหงรังแก  พวกเจ้าจะไม่เข้าไปยุ่งเลยล่ะ?”

หลินเฮ่าอวี่กล่าวพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  และคิดว่าตัวเองพูดโน้มน้าวได้ดีมาก

ฟ่านจั๋วมองสีหน้าพออกพอใจในตัวเองของหลินเฮ่าอวี่  แล้วพูดขึ้นว่า

“เจ้ากำลังบอกว่าจวินอู๋เข้าร่วมวิหารมารโลหิตแล้วงั้นหรือ?”

หลินเฮ่าอวี่พยักหน้า

ฟ่านจั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้มโดยไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิดว่า  “ถ้าเป็นความจริง  การกระทำของวิหารมารโลหิตก็เป็นที่เข้าใจได้จริงๆ  แต่ข้าอดสงสัยไม่ได้  จวินอู๋เป็นคนของวิหารหยกวิญญาณไม่ใช่หรือ?  แล้วเขากลายเป็นคนของวิหารมารโลหิตได้ยังไง?”

หลินเฮ่าอวี่ยังคงใจเย็น  “สถานการณ์ของวิหารหยกวิญญาณตอนนี้เป็นยังไง  ทุกคนก็รู้กันดีอยู่แล้ว  เทียบระหว่างวิหารมารโลหิตกับวิหารหยกวิญญาณ  ไม่ว่าใครก็รู้ว่าควรจะเลือกอะไรโดยไม่จำเป็นต้องคิดซ้ำสอง  จวินอู๋ยังเด็ก  อาจจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ดีนัก  ทำให้เลือกผิดพลาดไปในตอนแรก  แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าวิหารมารโลหิตดีแค่ไหนสำหรับเขา  ก็เลยตัดสินใจย้ายมาสวามิภักดิ์วิหารของเรา  ผิดตรงไหนล่ะ?”

หลินเฮ่าอวี่พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ  แต่คำพูดของเขายกย่องเชิดชูวิหารมารโลหิตอย่างมาก  แต่คำพูดเดียวกันนั้นได้ทำให้จวินอู๋กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวและแสวงหาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง  เป็นคนที่จะกระโดดเข้าใส่โอกาสที่ดีกว่าได้ทุกเมื่อ

วิธีการพูดของหลินเฮ่าอวี่ทำให้กู่ซินเยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  นางไม่อยากทำลายชื่อเสียงของจวินอู๋  แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้  พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากให้จวินอู๋เสียสละสักเล็กน้อย

ฟ่านจั๋วเลิกคิ้วมองหลินเฮ่าอวี่ที่ดูพอใจในตัวเองอย่างมาก  ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง  ดวงตาทอแววน่ากลัวขึ้นมาแวบหนึ่ง  เขาหันไปถามจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้มว่า  “จวินอู๋  เจ้าเข้าร่วมวิหารมารโลหิตจริงๆหรือ?”

ในขณะเดียวกับที่ฟ่านจั๋วถามคำถามนั้น  สายตาของหลินเฮ่าอวี่และกู่ซินเยียนก็หันไปทางร่างเล็กนั้นโดยพร้อมเพรียงกัน  หลินเฮ่าอวี่ไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าจวินอู๋เสียจะปฏิเสธ  ยังไงซะ  การกระทำในช่วงนี้ของจวินอู๋ก็เป็นสัญญาณที่แน่นอนที่สุดแล้วว่าเขามีไมตรีกับวิหารมารโลหิต

จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นช้าๆ  สายตาเย็นชาของนางกวาดมองทุกคนที่นั่งอยู่ในศาลา