แดนนิรมิตเทพ บทที่ 609
เมื่อเผชิญกับความกังวลของเจี่ยงหยาวและคนอื่น ๆ เฉินโม่ไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “เมื่อผลการสอบออกมา พวกนายก็จะรู้เอง!”

เจี่ยงหยาวและคนอื่น ๆ ไม่เชื่อคำพูดของเฉินโม่ ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะ ก็ไม่สามารถทำข้อสอบเสร็จภายในสิบนาที แม้แต่ครูที่คุมสอบก็ทำไม่ได้

แต่ในเมื่อเฉินโม่ไม่อยากพูด พวกเขาจึงรู้สึกเกรงใจที่จะถามต่อ ดังนั้นพวกเขาทำได้เพียงแค่กำชับเฉินโม่ว่าให้ทำข้อสอบอย่างจริงจัง และอย่ายอมแพ้จนนาทีสุดท้าย

เฉินโม่รู้สึกจำใจเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของพวกเขาได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยอมรับความหวังของทุกคน

เพียงแต่การสอบครั้งต่อไป เฉินโม่ก็ส่งข้อสอบหลังจากผ่านไปสิบนาทีเช่นกัน และเป็นแบบนี้ติดต่อกันสองวัน

เหล่านักเรียนตกตะลึง ทุกคนสรุปว่าเฉินโม่ได้ละทิ้งการสอบแล้ว!

และคราวนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา หลังจากสอบเสร็จเฉินโม่ก็หลบซ่อนตัว เพื่อไม่ให้เจี่ยงหยาวและคนอื่น ๆ หาพบ

หลังจากการสอบทั้งสองวันเสร็จสิ้น เฉินโม่กลับไปที่กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังทันที ยังมีเวลาอีกหลายวันก่อนที่จะประกาศผลการสอบ ซึ่งเวลานี้เกือบจะเพียงพอสำหรับที่เขาจะดูดซับรากทิพย์พรสวรรค์ที่เหลือให้เสร็จสิ้น แล้วฝึกฝนร่างธาตุไม้ให้สมบูรณ์

หลังจากเฉินโม่กลับมาถึงกลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังครึ่งชั่วโมง การสอบรอบสุดท้ายก็สิ้นสุดลง

หลังจากนักเรียนออกมาจากห้องสอบแล้ว พวกเขาไม่ได้มองหาเฉินโม่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคุ้นชินกับเรื่องที่เฉินโม่หายตัวไปหลังจากสอบแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเฉินโม่จะไม่อยู่ที่นี่ แต่เรื่องบางอย่างก็อยากที่จะหลีกเลี่ยงได้

จางเฉียงยืนอยู่ข้างเจิ้งซิ่วลี่อย่างเงียบ ๆ และถามเบา ๆ ว่า “หัวหน้าห้อง เห็นได้ชัดว่าเฉินโม่คนไร้ประโยชน์ละทิ้งการสอบแล้ว ถ้าวันที่ประกาศผลการสอบ แล้วเขาไม่กล้ามาล่ะ พวกเราจะทำอย่างไรดี?”

เจิ้งซิ่วลี่ไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย และกล่าวเยาะเย้ย “วางใจเถอะ ถ้าเขาไม่มาก็ดี แบบนั้นพวกเราก็สามารถพูดทุกอย่างได้ตามต้องการ และเมื่อถึงเวลานั้น คนที่อับอายขายหน้าก็คือเขา!”

“ถูกต้อง ถ้าเขาไม่มา พวกเราก็จะบอกว่าเขากลัวแพ้ ก็เลยไม่กล้ามา!” จางเฉียงกล่าวเยาะเย้ย

เจิ้งหยวนฮ่าวเดินออกมาจากห้องสอบ แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ใบหน้าของเขากลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง เขารู้สึกว่าวันนี้อากาศดีเป็นพิเศษ ทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย

“เฉินโม่ นายแพ้แล้ว!” เจิ้งหยวนฮ่าวยิ้มด้วยความโล่งอก

“ไม่ว่านายจะเป็นเฉินไต้ซือหรือนักบู๊ในตำนาน แต่นั่นมันไม่ใช่หน้าที่ของนักเรียน ในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย ถ้านายสอบไม่ผ่าน นายก็ยังคงเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่วมัธยมปลายของอู่โจว!”

ชีวิตมนุษย์ บางครั้งก็ขัดแย้งกันมาก

ปกติแล้ว คนอย่างเจิ้งซิ่วลี่กับเจิ้งหยวนฮ่าว พวกเขามักจะใช้ฐานะครอบครัวที่โดดเด่นของตนเอง เป็นเครื่องต่อรองที่ทำให้พวกเขาเหนือกว่าคนอื่น ๆ

แต่ถ้าตอนที่ฐานะครอบครัวของพวกเขาสู้คนอื่นไม่ได้ พวกเขาจะละทิ้งฐานะครอบครัว แล้วเทียบจุดแข็งของตนเองกับจุดอ่อนของคนอื่น หลังจากชนะคนอื่นแล้ว พวกเขาจะรู้สึกพึงพอใจมาก และรู้สึกว่าสุดท้ายตนเองก็เอาชนะคู่ต่อสู้ได้

ชาติก่อน เฉินโม่ปกปิดสถานะ เป็นเพียงนักเรียนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เจิ้งหยวนฮ่าวและคนอื่น ๆ ใช้ฐานะครอบครัวกดขี่เฉินโม่ทุกด้าน ตอนนี้เฉินโม่กลายเป็นเฉินไต้ซือที่คนอื่นเคารพและเกรงกลัว เจิ้งหยวนฮ่าวและคนอื่น ๆ ก็เริ่มเปรียบเทียบผลการสอบกับเฉินโม่

เหมือนกับประโยคนี้ : ตอนที่ฉันพูดเหตุผลกับคุณ คุณกลับพาลใส่ฉัน เมื่อฉันพาลใส่คุณ คุณกลับเริ่มพูดเหตุผลกับฉัน

ไม่รู้จริง ๆว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่?

เฉินโม่ปลีกวิเวกเป็นวันที่เจ็ด

บนดาดฟ้า มีแสงสีเขียวพุ่งตรงขึ้นไปสู่ท้องฟ้า

พลังชีวิตแผ่กระจายอยู่รอบ ๆ กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง

สามารถมองเห็นแสงสีเขียวและแสงสีทองเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของเฉินโม่อย่างช้า ๆ นี่คือปรากฏการณ์ที่ฝึกร่างธาตุทองกับร่างธาตุไม้จนสมบูรณ์แล้ว

เพียงแต่เฉินโม่ยังคงนั่งหลับตาอยู่ที่นั่น ราวกับว่าเขายังฝึกไม่สำเร็จ

ทันใดนั้น พลังที่ทรงพลังก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเฉินโม่

เพียงแต่พลังนี้ปรากฏออกมาอย่างรวดเร็วและหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน