ตอนที่ 551 มองออกอย่างชัดเจน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 551 มองออกอย่างชัดเจน

ทัวป๋าถิงฟางลุกขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ก่อนคุกเข่าลงเบื้องหน้าของทัวป๋าหลิวลี่และเอ่ยอย่างมีมารยาท “ข้าต้องไปดูแลท่านอ๋องในคืนนั้นจึงรีบร้อนจากไป หากข้าทำให้เช่อเฟยมิสบายใจก็ได้โปรดยกโทษด้วยเจ้าค่ะ”

“ถิงฟางเช่อเฟย เหตุใดเจ้าต้องมีมารยาทเพียงนี้ด้วย ? ” ฟางซู่ซู่ปลอบใจอยู่ข้างกาย

ถึงอย่างไรสถานะของทั้งสองคนก็มิได้ต้อยต่ำ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้

คาดมิถึงว่าทัวป๋าถิงฟางจะยอมคำนับทัวป๋าหลิวลี่ นางจึงอดถามออกไปมิได้

ทัวป๋าถิงฟางยกยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “วันนั้นข้าไปเยี่ยมถึงในเรือนของเช่อเฟย เนื่องจากกระทำผิดพลาดจึงทำให้เช่อเฟยคิดว่าข้าไร้มารยาทจึงเอ่ยสั่งสอนเล็กน้อย บัดนี้ได้พบเช่อเฟยอีกครา การปฏิบัติตนอย่างมีมารยาทจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ”

กล่าวจบ นางก็เอ่ยกับทัวป๋าหลิวลี่อีกครั้ง “พี่หญิง ถิงฟางคิดว่าพี่หญิงเห็นเป็นพี่น้องแท้ ๆ มาโดยตลอดจึงเลินเล่อเกินไป วันข้างหน้าถิงฟางจะมิบังอาจอีกแล้วเจ้าค่ะ” ในขณะที่กล่าวก็มิรู้ว่าเพราะเหตุใดหางตาของทัวป๋าถิงฟางจึงเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา ท่าทางน่าสงสารจับใจ

ในตอนนั้นเองสายตาที่ทุกคนมองไปยังทัวป๋าหลิวลี่จึงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

หลิงอวี่หนิงก็ดูเหมือนพูดกับทัวป๋าหลิวลี่อย่างถือตัวเช่นกัน “พี่สาวสมควรให้ทัวป๋าถิงฟางลุกขึ้นได้แล้วเจ้าค่ะ”

ในยามนั้นทัวป๋าหลิวลี่กำลังรินน้ำชาอยู่ ดูเหมือนถ้วยชาวางมิคงที่จึงล้มแล้วราดใส่ตัวทัวป๋าถิงฟางโดนมิทันตั้งตัว น้ำชาอุ่น ๆ มิร้อนมากกลับสร้างความขุ่นเคืองให้ทุกคน

“นี่ เจ้ายังคุกเข่าอยู่อีกหรือ ? ข้าคิดว่าเจ้าควรลุกขึ้นเองได้แล้ว ! ” ทัวป๋าหลิวลี่แกล้งพูดด้วยความตกใจแต่ในใจกลับยิ้มเยาะ

“ท่าน…” สาวใช้นึกถึงคำพูดของทัวป๋าถิงฟางขึ้นมาได้จึงมิกล้าเอื้อนเอ่ยออกไป

แต่พอเห็นท่าทางของทัวป๋าถิงฟางแล้ว ทัวป๋าหลิวลี่ก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเอือมระอา “เจ้าลุกขึ้นสิ ! ”

“ขอบพระคุณเช่อเฟยเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางลุกขึ้นยืนก็โซเซไปด้านข้าง โชคดีที่คนข้างกายเข้ามาประคองไว้ทันจึงมิได้ทำให้นางล้มลงกับพื้นแต่อย่างใด

“มิเป็นอันใดใช่หรือไม่ ? ” ฟางซู่ซู่ถามด้วยความกังวล

ดูเหมือนทัวป๋าถิงฟางเคยป่วยหนักมาก่อน สีหน้าจึงซีดเซียว ก่อนเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มิเป็นไร ขอบใจเจ้ามาก”

“เฮ้อ พี่น้องกันแท้ ๆ…”

“นั่นน่ะสิ บางทีการคุกเข่าต่อหน้าหลิวลี่เช่อเฟยอาจเป็นเพราะมารยาทก็ได้ ! ”

“บางทีอาจเคยโดนเช่อเฟยราดน้ำชาใส่ตัวจึงรีบแสดงความนับถือเยี่ยงนี้”

“หึ หากเป็นดั่งที่พวกเจ้ากล่าว ต่อไปผู้ใดจะกล้าหาเรื่องหลิวลี่เช่อเฟย ! ”

ครั้นฟางซู่ซู่ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกสาวใช้จึงถอยไปด้านหลังราวกับตื่นตกใจ ก่อนกล่าวว่า “ถึงอย่างไรข้าก็มิบังอาจเจ้าค่ะ”

“ข้าก็มิบังอาจเช่นกันเจ้าค่ะ” หลิงอวี่หนิงยกยิ้มเล็กน้อย

“…”

ทุกคนล้วนพุ่งเป้าไปยังทัวป๋าหลิวลี่ บัดนี้อันหลิงเกอมิอยู่ในจวนอ๋องแล้ว ทัวป๋าหลิวลี่จึงตกเป็นหัวข้อนินทาของทุกคนไปโดยปริยาย

ทัวป๋าถิงฟางมองไปทางสีหน้าที่ดูลำบากใจของทัวป๋าหลิวลี่อย่างขบขัน ก่อนพูดปลอบโยนอย่างนุ่มนวล “ทุกท่านมิจำเป็นต้องทำเยี่ยงนี้หรอก ข้ามิได้เป็นอันใด”

เมื่อทัวป๋าหลิวลี่สังเกตเห็นแววตาคู่นั้นก็ตกตะลึง นางกำลังเยาะเย้ยตนใช่หรือไม่ ?

ในเวลานั้นเหมือนมีแสงวูบขึ้นมาในสมอง ทัวป๋าหลิวลี่จึงสงบลงโดยมิได้สนใจว่าคนรอบตัวจะว่าเยี่ยงไร

ทัวป๋าหลิวลี่มองทัวป๋าถิงฟางด้วยแววตาสับสน เวลาเนิ่นนานเพียงนี้แล้วนางกลับมองอีกฝ่ายผิดไป

นางและทัวป๋าถิงฟางมิเคยมีความแค้นใดต่อกัน เหตุใดต้องทำเยี่ยงนี้ ?

มีจุดประสงค์ใดกันแน่ ?

ทัวป๋าหลิวลี่มองไปยังจุดสีน้ำตาลบนชายกระโปรงของทัวป๋าถิงฟาง ก่อนยกยิ้มและเอ่ยว่า “ถิงฟาง ชายกระโปรงของเจ้าสกปรกหมดแล้ว ให้ข้าพาเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า!”

เมื่อกล่าวประโยคนี้ออกมา ทุกคนล้วนมองไปยังทัวป๋าหลิวลี่ด้วยแววตาที่มิอยากเชื่อ

ทัวป๋าถิงฟางขมวดคิ้วมุ่นราวกับสงสัยเต็มอก

ดูเหมือนทัวป๋าหลิวลี่เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายแล้วจึงยกยิ้มเล็กน้อยและพูดออกไป “ในเมื่อข้ามิทันระวัง เช่นนั้นจะพาถิงฟางเช่อเฟยไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตนเอง หากเป็นเยี่ยงนี้พวกเจ้ายังคัดค้านหรือไม่ ? ”

ในเมื่อเป็นน้องสาว เช่นนั้นก็ต้องอบรมสั่งสอนให้ดี !

บรรยากาศรอบกายเงียบสงัดโดยพลัน แต่ทัวป๋าถิงฟางได้เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก น้ำเสียงของนางมิได้อ่อนโยนแต่เยาะเย้ยอย่างชัดเจน “พี่หญิงมีเรื่องอันใดอยากพูดกับข้าหรือ ? ”

เมื่อทัวป๋าหลิวลี่เห็นทัวป๋าถิงฟางเป็นเยี่ยงนี้ก็ยิ่งยืนหยัดในความคิดของตน ก่อนยิ้มเยาะออกไป “คาดมิถึงว่าองค์หญิงเยี่ยงข้าจะมองเจ้าผิดไปจริง ๆ นางตัวดี เจ้าคิดทำอันใดกันแน่ ? ”

ทัวป๋าถิงฟางจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “ข้าจะทำอันใด พี่หญิงมิทราบหรือ ? ”

ในแคว้นชิงเยว่นั้นหลิวลี่สูงส่งกว่านาง แต่บัดนี้…

หึ! ทัวป๋าถิงฟางขอสาบาน มิว่าอย่างไรนางต้องกดทัวป๋าหลิวลี่ให้ตกต่ำจงได้!

ทัวป๋าถิงฟางกวาดตามองไปยังใบชาที่เปื้อนอยู่ตรงชายกระโปรงของตน จากนั้นก็ทอดถอนใจพลางหยิบใบชาออก “นี่คือกระโปรงที่ข้าโปรดปรานมากที่สุด”

จากนั้นสายตาของนางก็กวาดไปบนตัวของทัวป๋าหลิวลี่ “ข้าต้องขอตัวไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ขอลาเจ้าค่ะ”

กล่าวจบ นางก็สาวเท้าเดินไปโดยไร้ซึ่งการทำความเคารพ

ทัวป๋าหลิวลี่มัธยัสถ์ถึงเพียงนี้ยังคิดอยากเป็นพระชายาอีกหรือ ?

บัดนี้พวกนางบาดหมางกันมิใช่เพราะอันหลิงเกอจากไปหรอก แต่เพราะสองพี่น้องมีความชิงชังต่อกันซึ่งเป็นดั่งที่มู่เหล่าหวางเฟยคาดคิดไว้ อย่างน้อยต้องมีคนใดคนหนึ่งเหมาะสมที่จะขึ้นรับตำแหน่งพระชายาเอก

แต่หากยังต่อต้านกันเยี่ยงนี้ต่อไปก็เกรงว่าจะเป็นไปมิได้

“กลับมา ! ” ทัวป๋าหลิวลี่ตบโต๊ะอย่างแรงพร้อมลั่นวาจาออกไปด้วยความโกรธ

“ถิงฟางแค่ล้อเช่อเฟยเล่นเจ้าค่ะ”

ทัวป๋าถิงฟางแสยะยิ้มในใจแต่ใบหน้าแสดงความโศกเศร้า “พี่หญิงอย่าโมโหไปเลย หากพี่หญิงมีโทสะเพราะถิงฟาง ความผิดของถิงฟางก็คงใหญ่หลวงนัก ! ”

แท้จริงแล้วทัวป๋าถิงฟางก็มิพอใจมากเช่นกันเพราะมู่จวินฮานสู่ขอนางสองพี่น้องมิต่างกัน หากเป็นเยี่ยงนี้ตำแหน่งของนางก็อยู่ต่ำกว่าทัวป๋าหลิวลี่วันยังค่ำ

ทัวป๋าหลิวลี่มองใบหน้างดงามที่อาบไปด้วยหยาดน้ำตาดั่งดอกสาลี่ต้องเม็ดฝนของทัวป๋าถิงฟางด้วยความชิงชัง ปากก็พูดยกตนข่มท่าน “เหตุใดต้องร้องไห้ ร้องไห้ในเรือนของข้ามินำพาความโชคร้ายมาสู่ข้าหรือ”

เสียงร้องไห้ที่ฟังอ่อนแอได้หยุดชะงักลง ดูเหมือนทัวป๋าถิงฟางจะเกิดความกลัวขึ้นมาจึงได้แต่คุกเข่าลงพื้นโดยมิรู้ว่าควรทำเยี่ยงไร ไหล่ของนางกระตุกเล็กน้อย ดูน่าสงสารจับใจ

หากมีบุรุษอยู่ที่นี่ด้วยคงเข้ามากอดทัวป๋าถิงฟางและปลอบโยนด้วยเสียงเบา แต่น่าเสียดายที่มีเพียงทัวป๋าหลิวลี่ ครั้นทัวป๋าหลิวลี่เห็นท่าทางของอีกฝ่าย ในใจก็ยิ่งเกลียดชังมากขึ้น

“ลุกขึ้นเถิด มีคนมองเยี่ยงนี้ยังคิดว่าข้าจะทำอันใดเจ้าได้อีกหรือ” ทัวป๋าหลิวลี่รู้สึกเกลียดชังส่วนน้ำเสียงที่เอ่ยออกมายังคงเย็นยะเยือก

ศักดิ์ศรีเมื่อตอนอยู่ในแคว้นชิงเยว่ล้วนโดนถิงฟางทำลายสิ้น

ตั้งแต่ทัวป๋าหลิวลี่รู้ว่าเหล่าหวางเฟยให้นางออกมาจากตำหนักเย็นได้ ความสง่างามของนางก็มิเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

สำหรับนางแล้ว เห็นว่ามู่เหล่าหวางเฟยอยากสนับสนุนทัวป๋าถิงฟางมากกว่า

ทัวป๋าถิงฟางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่มิได้มีอยู่จริง “ขอบพระคุณเช่อเฟยเจ้าค่ะ”

ครั้นเห็นท่าทางที่ดูอ่อนแอเยี่ยงนี้ของทัวป๋าถิงฟาง ทัวป๋าหลิวลี่จึงแสยะยิ้มออกมา “เจ้าเป็นผู้คิดวิธีขับไล่อันหลิงเกอออกไปใช่หรือไม่ ? ”

ทัวป๋าหลิวลี่มิเชื่อ แม้นางรับมือกับอันหลิงเกอมิได้ แต่มิเคยคิดว่าทัวป๋าถิงฟางผู้นี้จะมีความสามารถมากมายถึงขั้นนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นคือแผนการชั่วร้ายมากมาย สตรีเยี่ยงทัวป๋าถิงฟางมิน่าจะคิดออกมาได้