บทที่ 51 การประชุมหินการพนันระหว่างประเทศ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 51
การประชุมหินการพนันระหว่างประเทศ

มู่หรงเสวี่ยหยิบผักและเดินเข้าไปในครัว พร้อมที่จะทำอาหารจานอร่อย ก่อนหน้านี้ที่ร้านอาหารเธอไม่ได้กินอะไรมากนัก เธอยังติดใจกับรสชาติอาหารในมิติลับอยู่

ชางกวนโม่มองมู่หรงเสวี่ยที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวด้วยรอยยิ้ม เขาคิดว่าตัวเองพบขุมทรัพย์แล้ว ฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเสวี่ยเคยทำให้เขาติดงอมแงมมาแล้ว แต่ตอนนี้เขาชินกับอาหารที่เธอทำแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเธอทำอาหารเก่งได้ยังไง

เขาปิดเอกสารที่อยู่ในมือ เดินออกไปนอกประตู พร้อมทั้งมองไปที่บอดี้การ์ดทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา “บอกมา วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

บอดี้การ์ดทั้งสองเหงื่อแตกอย่างปิดไม่มิด พวกเขาเล่าเรื่องทั้งหมดรวมทั้งเรื่องที่ชูอี้เสิ่นดึงตัวมู่หรงเสวี่ยไว้เพื่อช่วยบังรถตอนที่กำลังข้ามถนนด้วย

ดวงตาของชางกวนโม่เริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อยๆและความโกรธในหัวใจกลับยิ่งมากกว่าอีก ทำไมทุกคนต้องเข้ามายุ่งกับผู้หญิงของเขาด้วยนะ? บ้าเอ๊ย!

“ไปลงรับโทษข้างล่าง” ช่างไร้ประโยชน์กันจริงๆ
“ครับ” พวกเขาไม่กล้าที่จะขัดขืน
หันหลังกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาอยากที่จะโมโหใส่ มู่หรงเสวี่ยจริงๆแต่เมื่อเห็นเธอที่กำลังอยู่ในครัว เขาก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาอีกครั้ง อย่าโทษเสี่ยวเสวี่ยเลย ต้องโทษพวกชายพวกนั้นที่ไม่ดี ชอบมายุ่งกับของของคนอื่นแบบนี้ต้องลงโทษ!

หลังจากนั้นสักพักพวกเขาก็ทานอาหารกันเสร็จ สายตาของชางกวนโม่ที่มองอาหารช่างเปล่งประกายราวกับหมาป่า มู่หรงเสวี่ยรู้สึกกลัว เธอไม่รู้ว่าเมื่อกี้ปีศาจจอมสังหารเพิ่งไปทำอะไรมา
ในตอนดึกมู่หรงเสวี่ยที่กำลังนอนอยู่บนเตียงตามปกติ ชางกวนโม่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ในตอนแรกที่หวาดกลัวแต่ตอนนี้เธอกลับสามารถนอนหลับอย่างสงบโดยร่วมเตียงกับชางกวนโม่ได้แล้ว บางทีเหตุผลหลักอาจจะเป็นเพราะชางกวนโม่ไม่ได้ขอที่จะทำอะไรกับเธอก็เป็นได้ เดี๋ยวนี้เธอไม่คิดว่าเขาน่ารังเกียจเท่าไรแล้ว

เมื่อชางกวนโม่ออกมา เขาก็เห็นมู่หรงเสวี่ยมองจ้องไปที่เพดานด้วยความสงสัย เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ?!! ยังคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับชูอี้เสิ่นวันนี้หรือเปล่านะ?! ชางกวนโม่ไม่พอใจอย่างมาก! เขาอยากที่จะกัดจริงๆ!

เปิดผ้าห่ม เขานอนทับลงไปที่ร่างบอบบางของเธอ บรรจงจูบลงไปที่ริมฝีปากแดงระเรื่อ ความรู้สึกอ่อนหวานทำให้เขายังไม่อยากที่จะออกห่าง ทำไมเธอถึงมองเขาแค่คนเดียวไม่ได้นะ? เขาไม่ดีตรงไหนเหรอ?! เขาทั้งเก่ง, ทั้งรวยและหน้าตาดีขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอถึงยังไม่รักเขาอีกล่ะ?!

ถึงแม้ในเวลานี้ ดวงตาของเขายังจำร่างที่เปลือยเปล่าของเธอได้อย่างชัดเจนและจู่ๆเขาก็อยากที่จะเห็นเธอเสียการควบคุมตัวเองขึ้นมา

ชางกวนโม่ดึงเสื้อคลุมเธอเปิดออก ลูบไล้ผิวนวลของเธอด้วยมือที่แข็งแกร่งและจับไปที่หน้าอกทั้งของเธออย่างนุ่มนวล เขาต้องการเธอ เขาอยากให้เธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งข้างนอกและข้างใน

มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น ในที่สุดก็มาถึงวันนี้
เขาเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่สิ้นหวังของเธอซึ่งทำให้เขาปวดใจ
ใช่แล้ว ยังมีเวลาอีกมาก
มู่หรงเสวี่ยมองชางกวนโม่ที่ลุกขึ้นและเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ สีหน้าของเขาไม่ดีเลย เขา…เขา…ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ…เขามันโรคจิตจริงๆ!
ที่งานการประชุมหินการพนันระหว่างประเทศ
แตกต่างจากครั้งล่าสุดที่จัดในจังหวัดมาก งานการประชุมหินการพนันในเมืองหลวงทั้งน่าสนใจและใหญ่กว่ามาก แค่ตัวงานอย่างเดียวก็กินพื้นที่ไปกว่า 10,000 ตรม. แล้วซึ่งมองเห็นสุดลูกหูลูกตามาก ทุกคนที่เข้ามาในฮอลล์การประชุมต่างก็เป็นคนดังในชนชั้นสูงทั้งนั้นเลย รวมทั้งยังมีแขกมากมายมาจากหลายประเทศด้วย ดังนั้นการควบคุมการเข้าออกของงานจึงเป็นไปอย่างเข้มงวดมาก

มู่หรงเสวี่ยไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เข้าไปในงาน โชคดีที่เธอชนะรางวัลมรกตที่จังหวัดมาและไม่คิดว่าจะได้เข้ามาในงานการประชุมหินการพนันระหว่างประเทศด้วยแบบนี้ อันที่จริงก่อนหน้านี้มีบางคนเข้ามาติดต่อเธอและสืบข้อมูลตัวตนของเธอก่อนที่จะอนุญาตให้เธอเข้ามาในงานด้วย ไม่นึกเลยว่างานการประชุมหินพนันระหว่างประเทศจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้

ชางกวนโม่ไม่ได้มางานด้วยกับเธอ เขามีอย่างอื่นที่จะต้องจัดการจึงให้เย่เฟิงมากับเธอด้วยและให้เย่หลิวไปจัดการงานอื่น

ตอนที่เธอมาถึงประตูเข้างาน มู่หรงเสวี่ยก็ต้องถอนหายใจปลงกับโชคชะตาของตัวเองเพราะเธอได้เจอกับชูหลิงหลิงเข้าอีกแล้ว
“รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ยังกล้าไม่ให้ฉันเข้าไปในงานอีก เชื่อไหมว่าฉันทำให้พวกนายถูกไล่ออกไปจากเมืองหลวงได้เลยนะ” ชูหลิงหลิงกำลังบ่นด่าคนที่ไม่รู้ว่าตระกูลชูยิ่งใหญ่แค่ไหนอยู่ การ์ดคนนี้ไม่อยากให้เธอเข้าไป จะให้แสดงบัตรเข้างานงั้นเหรอ?! เธอมีแต่บัตรเชิญอยู่กับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ไม่ยอมพาเธอมาด้วย พี่ใหญ่ไปบอกคุณปู่ว่าจะไม่ยอมให้เธอมางานนี้

งานการประชุมการพนันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของพวกคนดัง ถ้าเธอไม่ได้เข้าไปในงานคงจะต้องถูกหัวเราะเยาะไปอีกนานแน่นอน

มู่หรงเสวี่ยอารมณ์ดีที่ได้เห็นชูหลิงหลิงกระโดดเป็นเจ้าเข้าแบบนี้ ฮ่าฮ่า! อารมณ์ดีจริงๆเลย!

เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของมู่หรงเสวี่ย ทันใดนั้นชูหลิงหลิงก็หันกลับมา เมื่อเห็นมู่หรงเสวี่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มก็ยิ่งโมโหเข้าไปอีก เมื่อคิดว่าเธอกำลังสนุกกับสิ่งที่ได้เห็นก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก!

“หัวเราะอะไรไม่ทราบย่ะ?! รู้ไหมว่านี่มันงานอะไร?! ไม่ใช่งานที่จะแต่งตัวสวยมายั่วผู้ชายรวยๆหรอกนะ! อย่าฝันไปหน่อยเลย! เธอเข้าไปในงานแบบนี้ไม่ได้หรอก!” ชูหลิงหลิงมอง มู่หรงเสวี่ยว่าเป็นผู้หญิงที่แค่รวยและหวังที่จะใช้ร่างกายเพื่อจับผู้ชายรวยๆมาทำเป็นสามี

อันที่จริงทุกคนในงานต่างก็แต่งตัวเต็มยศ ยังไงซะพวกเขาก็กำลังอยู่ในงานการประชุมของคนชั้นสูงและการแต่งกายก็ต้องสุภาพ เมื่อมองชูหลิงหลิงที่กำลังพูดกับมู่หรงเสวี่ย เธอเองก็แต่งตัวเต็มยศด้วยเหมือนกัน ชุดลายดอกไม้สามมิติสีม่วง พร้อมด้วยสร้อยเพชรที่เปล่งประกายอยู่ที่คอ

ซึ่งเห็นได้ชัดว่าถ้าเทียบเรื่องชุด มู่หรงเสวี่ยแพ้ราบคาบ เธอสวมชุดเกาะอกสีขาวและที่เอวก็คาดด้วยสายคาดสีแดงพร้อมด้วยเข็มขัดปักดอกไม้ มันเป็นชุดที่เข้ากับรูปร่างของเธอเป็นอย่างดีและท่าทางของเธอก็สวยสง่าอย่างมากซึ่งยิ่งช่วยขับผิวของเธอให้ยิ่งนวลผ่องเข้าไปอีก ที่ช่วงล่างเป็นกระโปรงจับจีบที่ยาวไปถึงพื้นซึ่งจะเข้ากับจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ ที่กระโปรงจับจีบเป็นรูปดอกบัวสวยงาม

ผมยาวของมู่หรงเสวี่ยถูกม้วนไว้ด้านหลัง ขอบหูด้วยเครื่องประดับหยกขัดหยกสีแดงไหมสีทอง, ชั้นของกลีบดอกประดับทองเล็กน้อย ขับกับผมสีดำเงางามซึ่งทั้งสวยและน่าสนใจอย่างมาก

ชูหลิงหลิงรู้สึกอิจฉาจนอย่างจะบ้า พวกเธอแต่งตัวเต็มยศแล้วก็กำลังยืนอยู่ด้วยกัน เธอเป็นลูกคุณหนู ส่วนนังนี่มันน่ารังเกียจ ไม่รู้ว่าเจอกับพี่ใหญ่ของเธอมากี่ครั้งแล้วถึงทำให้พี่ใหญ่สนใจได้ขนาดนี้ แต่นังนี่กล้าที่จะมาที่งานการประชุมการพนันแบบนี้ คิดว่าใครๆก็เข้าไปหรือไง?!

ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ของเธอเข้ามาห้ามไว้ก่อน เธอคงจะข่วนหน้าแม่นี่จนพัง และอยากจะเห็นจริงๆว่าจะเอาหน้าแบบนั้นมายั่วผู้ชายได้ยังไง! นังบ้า!

มู่หรงเสวี่ยไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทะเลาะด้วย วันนี้ที่เธอมาที่นี่นอกจากมาดูแล้ว เธอก็อยากที่จะซื้อหยกเพิ่มด้วย โอกาสแบบนี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ เธอหยิบบัตรเชิญออกมาและยื่นให้การ์ด การ์ดสแกนบัตรเชิญอย่างระวังแล้วจึงพยักหน้าให้เธอเข้าไป
ชูหลิงหลิงทำท่าเหมือนเห็นผี ใครจะไปคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะมีบัตรเชิญจริงๆ มันเป็นไปได้ยังไง? เธอให้คนสืบเรื่องตัวตนของผู้หญิงคนนี้แล้ว แต่ข้อมูลก็แสดงแค่ว่าเธอเป็นตระกูลดังอยู่ในเมือง เอ เธอสร้างบริษัทของตัวเองขึ้นมา แล้วเธอได้บัตรเชิญมาได้ยังไง?!!! พี่ใหญ่ให้เธอมาหรือเปล่า?!

“นังนี่ เธอเอาบัตรเชิญมาจากตระกูลชูหรือเปล่า?” ชูหลิงหลิงดึงบัตรเชิญมาจากการ์ดและรีบเปิดดู ชื่อที่ปรากฏไม่ใช่ชื่อตระกูลชูแต่เป็นชื่อของมู่หรงเสวี่ย น่าตกใจจริงๆ!

มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจเธออีกแล้ว และเมื่อเข้างานมาเธอก็ต้องประหลาดใจ เธอเข้างานมาพร้อมกับเย่เฟิง ในบัตรเชิญอนุญาตให้พาคนอื่นมาด้วยได้หนึ่งคนแต่ก็ต้องแจ้งเรื่องคนที่จะพามาด้วยกับคนจัดงานล่วงหน้าก่อนที่จะถึงวันงานด้วย

ในงานประชุม มู่หรงเสวี่ยตื่นเต้นเมื่อได้เห็นแสงสวยงามมากมายในหินหยก มันคุ้มค่ามากที่เธอได้มางานการประชุมหินการพนันระหว่างประเทศนี้ คนที่นี่ทั้งทันสมัยและสุภาพกว่ามาก และเมื่อเดินไปเจอใครก็ตามพวกเขาก็จะส่งยิ้มให้อย่างสุภาพซึ่งเปรียบได้กับมารยาทของการจัดเลี้ยงแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ

มู่หรงเสวี่ยหยุดเพื่อดูสิ่งต่างๆมากมายด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้เธอจะไม่ได้เรียนเรื่องมารยาทมาเท่าไรแต่เธอก็เป็นธรรมชาติและสง่าอย่างมาก ในทางตรงกันข้ามเธอก็ทำให้คนมากมายต้องประหลาดใจไปกับอายุของเธอด้วย หลายคนที่รู้จักเย่เฟิงก็เริ่มที่จะคิดว่าเธอเป็นคุณหนูของตระกูลด้วย

การประชุมหินการพนันระหว่างประเทศมีกฎที่แตกต่างจากกฎหินการพนันของจังหวัด เอ จะทำได้เพียงการเสนอราคาและการประมูลเท่านั้น สถานที่จัดงานประมูลจะอยู่ในห้องโถงนิทรรศการชั้นหนึ่งและประมูลที่ชั้นสอง จากนั้นจะมีแผงขายวัสดุทำด้วยหินหยกจำนวนนับไม่ถ้วนบนพื้นที่โล่งด้านนอกสำหรับการค้าเสรี บูธทั้งหมดถูกจัดตั้งขึ้นโดยพ่อค้าหินหยกที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศซึ่งต้องเสียค่าบูธราคาแพง!

มู่หรงเสวี่ยสนใจหินหยกด้านนอกมากกว่าการประมูลภายใน ท้ายที่สุดแล้วหินหยกข้างในมีราคาแพงกว่าด้านนอกหลายสิบเท่า! เธอมีความสามารถเรื่องการมองเห็น แล้วจะเสียเงินมาซื้อด้านในทำไมทั้งๆที่ด้านนอกถูกกว่า เธอไม่ใช่คนโง่นะ

โดยไม่สนใจว่าชุดจะเลอะหรือเปล่า มู่หรงเสวี่ยเริ่มเลือกหินหยกอย่างระวัง อันที่จริงมีผู้หญิง 2-3 คนที่เข้ามาในงานก็นั่งลงเพื่อเช็กหินหยกเหมือนกับมู่หรงเสวี่ยด้วย อย่างแรกเลยชุดนี่คือปัญหาจริงๆ และการนั่งยองๆก็ไม่ใช่ท่าทางที่ชวนมองเท่าไร อย่างที่สามในนี้มีของราคาแพงมากมาย เธอไม่อยากที่จะแสดงให้คนอื่นได้รู้ด้วย ดังนั้นในตอนนี้ท่าทางของมู่หรงเสวี่ยจึงไม่แสดงอะไรมากนัก

ผู้หญิงด้วยกันคงจะมองว่านี่เป็นท่าทางที่ไม่สุภาพเลย!
แต่กับผู้ชาย ตรงกันข้ามเลย จะมองอย่างไม่ปรุงแต่ง ท่าทางที่ค่อยๆเลือกหินหยกแบบนี้เป็นท่าทางที่สวยงามมาก
ชูอี้เสิ่นที่อยู่ในกลุ่มคนเห็นร่างของมู่หรงเสวี่ยที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ราวกับดอกบัวสีขาวที่ช่างมีเสน่ห์และน่าหลงใหลจริงๆ

ชูอี้เสิ่นกระซิบคำ 2-3 คำกับชายที่อยู่ข้างเขาและเดินตรงไปหาเธอ “เสี่ยวเสวี่ย เธอก็มาด้วยเหรอ ถ้ารู้ว่าเธอจะมาด้วยฉันคงจะมาพร้อมเธอด้วย”
มู่หรงเสวี่ยที่กำลังดูหินหยก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงชูอี้เสิ่นซึ่งทำให้เธอถึงกับนิ่งไป เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอเข้ากับชูอี้เสิ่นที่เดินเงียบๆมาอยู่ข้างหลังเธอ “พี่ชู พี่ก็มาด้วย!”

วันนี้ชูอี้เสิ่นสวมชุดสูทลำลองสีขาว ซึ่งดูหล่ออย่างมาก ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันและดูเหมาะกันอย่างประหลาด

ทั้งสองที่มีรูปลักษณ์สวยงามยืนอยู่ด้วยกันจนทำให้หลายๆคนต้องหันมามองและเอ่ยปากชมออกมาบ้างเป็นครั้งคราว
“เธอมาที่เมืองหลวงเพื่อมางานการประชุมหินพนันระหว่างประเทศงั้นเหรอ?” ชูอี้เสิ่นมองมาที่ใบหน้าขาวนวลของเธอ เมื่อได้อยู่ใกล้แบบนี้เขารู้สึกว่าเธอผ่องขึ้นมานิดหน่อย