การพบกันหลังจากผ่านไปครึ่งปีนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความรู้สึกและความตื่นเต้น แต่มันกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและการเข้าใจกันโดยปริยายเพียงแค่สบตา

 

แววตาของซางติ่วตี้ที่มองชูฮันนั้นทั้งอ่อนโยนและคลอไปด้วยน้ำตา เธอพยายามซ่อนความรู้สึกที่อัดแน่นไว้ให้ลึกที่สุด ซางจิ่วตี้อยู่ในเสื้อโค้ทตัวหนาอยู่อยู่กลางโถงทางเดิน แม้เสื้อโค้ทที่เธอสวมอยู่จะใหญ่จนปิดบังร่างจนมิด แต่มันก็ไม่อาจปิดบังรูปร่างสูงเพรียวและหุ่นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเธอได้

 

เธอยืนอยู่ตรงนั้น มองดูชูฮันที่กำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ราวกับเธอมองไม่เห็นใครอื่นอีกในสายตานอกจากชูฮัน

 

ชูฮันยิ้มขณะเดินเข้ามาหาซางจิ่วตี้ท่ามกลางโถงเดินทางที่มืดสลัว เขาเดินเข้ามาเร็วๆโดยไร้ซึ่งความลังเล

 

เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงที่เดินตามหลังชูฮันมาก็เดินเข้ามาในโถงทางเดินเช่นกัน พวกเขาต่างเหลือบตามองกันและกันทันที พวกเขาค่อนข้างงุนงงโดยเฉพาะหลิวยู่ติง มันไม่ได้มากจนน่าตกใจ แต่เพียงเขาคิดว่าไม่มีใครรู้การมาถึงของพวกเขา ทว่าซางจิ่วตี้กลับยืนรออยู่ซะงั้น

 

สถานการณ์นี่มันคืออะไรกัน?

 

ชูฮันที่กำลังเดินเข้าไปหาซางจิ่วตี้ เขามองไปที่ผู้หญิงที่เขาไม่ได้พบหน้ามาเป็นเวลากว่าครึ่งปี เขากวาดสายตามองสำรวจทั้งตัวของซางจิ่วตี้

 

แก้มของซางจิ่วตี้ขึ้นสีแดง ผมของเธอมวยขึ้นสูงหากยังมีปอยผมล่วงมาตามไรหน้า หัวใจของซางจิ่วตี้เต้นระรัว เธอวาดฝันถึงภาพในหัวนับไม่ถ้วนตลอดเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา ความคาดหมายต่างๆ ดังนั้นครั้งนี้ไม่ว่าชูฮันต้องการจะทำอะไร เธอจะไม่ขัดขืนเลย

 

ขณะที่บรรยากาศกำลังจะไต่ขึ้นสูง มันก็มีเสียงแทรกขึ้นมาขัดจังหวะของทั้งคู่โดยไร้สัญญาณเตือน “หัวหน้า! ผมอยู่นี่ไง! ผมอยู่นี่!”

 

หยางเทียนที่ผมสีขาวโพลนทั้งศีรษะ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร พุ่งเข้ามาหาชูฮันอย่างรวดเร็ว ทำลายบรรยากาศของชูฮันและซางจิ่วตี้จนไม่เหลือซาก

 

ชูฮันยิ้มมุมปาก เขาหันไปมองทางที่หยางเทียนซึ่งจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันข้างกายเขา ชูฮันอยากจะทำเมินเฉยต่อหยางเทียนเหลือเกิน

 

“สถานการณ์นี่มันอะไรกัน?” หลิวยู่ติงตกใจมากที่เห็นผู้ชายผมขาวปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันราวกับผีซึ่งมันทำให้เขาตกใจอย่างมาก เขาไม่รับรู้ถึงตัวตนของผู้ชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ จู่ๆรู้ตัวอีกทีผู้ชายคนนี้ก็ไปอยู่ข้างกายชูฮันแล้ว นี่มันบ้าอะไร ระดับความสามารถของผู้ชายน่าเหลือเชื่ออย่างมาก

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เฉินช่าวเย่ที่กำลังเลียชิ้นเนื้ออบแห้งที่หยิบออกจากกระเป๋าเสื้ออยู่พูดขึ้น เฉินช่าวเย่เป็นคนง่ายๆ ต่างกับหลิวยู่ติงที่คิดมากจนเกินไป เฉินช่าวเย่ทำเพียงแค่ฟังคำสั่งของชูฮันอย่างเดียวเท่านั้น

 

“กระแอม!” ชูฮันกระแอมคอให้โล่ง จากนั้นก็ปล่อยมือซางจิ่วตี้ที่จับไว้ออก เขายกเท้าขึ้นและออกตัวเดินไปที่สุดทางของทางเดิน

 

หยางเทียนและซางจิ่วตี้ต่างตกใจทั้งคู่ ส่วนเฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงที่อยู่ข้างหลังก็ไม่พูดอะไรนอกจากเดินตามชูฮันไปช้าๆ

 

ตรงสุดของทางเดินมันมีประตูที่เปิดไว้อยู่พร้อมแสงสว่างจ้า!

 

โต๊ะยาว เต็มไปด้วยคนที่นั่งขนาบอยู่ที่สองฝั่ง และอัดแน่นเต็มห้อง ทั้งเจียงฮงหยู ซูชิง เจียงโจว และแม้แต่ติงซือเย้า และคนอื่นๆอีกมากมาย ทุกคนที่คิดอยู่ในวงจรชีวิตและร่วมรบกับชูฮันมาทั้งหมดต่างอยู่ที่นี้ครบ

 

เสียงบทสนาปรึกษาหารือที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในห้องเหมือนกับคนละโลกกับภายนอกห้องที่แสนจะเงียบกริบ แม้แต่ซูชิงและเจียงโจวก็กำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับทฤษฏีจนหน้าแดงก่ำ!

 

ขณะเดียวกันมันก็มีเด็กหนุ่มที่กำลังสูดลมหายใจเข้าหนัก ขณะพึ่งวางแก้วน้ำที่ดื่มจนหมดด้วยความเหนื่อยลงบนโต๊ะ เด็กหนุ่มคนนั้นก็คือเจียงเทียนชิงที่มีความรวดเร็วพอๆกับพรสวรรค์อย่างเหล่ยเซอนั้นเอง เขาพึ่งกลับมาถึงค่ายโดยที่สมาชิกหลักของค่ายเขี้ยวหมาป่าในห้องยังไม่มีใครสังเกตเห็นนั่นเอง เจียงเทียนชิงเหนื่อยจนขี้เกียจจะพูดอะไร และเขาก็เป็นคนแรกที่ได้ติดต่อกับชูฮันเมื่อประมาณสองวันก่อน ซางจิ่วตี้ได้ส่งเจียงเทียนชิงออกไปหาชูฮันล่วงหน้า

 

ชูฮันได้ทำการติดต่อกับสมาชิกแกนหลักของค่ายเขี้ยวหมาป่าทั้งหมด มันไม่มีเรื่องอย่างการเฉลิมฉลองอะไรนั่น ทุกคนต่างรู้ดีว่าภายในค่ายเขี้ยวหมาป่าไม่ได้มีคนที่หวังดีกับพวกเขาทั้งหมด สำหรับโลกาวินาศแล้วทุกอย่างไม่มีอะไรคาดเดาได้ ปฏิบัติการทุกอย่างไม่มีการหยุดชะงัก ห้ามใครผ่อนคลายหรือลดการระวังลง ไม่อย่างนั้นอันตรายถึงชีวิตอาจมาถึงได้ทุกเมื่อ

 

เมื่อชูฮันแง้มประตูให้เปิดกว้างขึ้น เสียงวุ่นวายภายในห้องก็พลันหยุดชะงักทันที ทุกคนต่างหันมาทิศทางเดียวกันหมดจากนั้นก็ผุดลุกขึ้นยืนตรงมองมาที่ชูฮันและคนอื่นที่ตามหลังเข้ามา ในที่สุดหัวหน้าก็กลับมาแล้ว!

 

เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงตกใจอย่างมาก เนื้ออบแห้งในมือของเฉินช่าวเย่แทบล่วงลงพื้น นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีคนมากขนาดนี้?

 

“วู้ว ซูชิง? หลูฮงเชิง? พวกนายสองคนด้วย?!” เจ้าอ้วนเฉินช่าวเย่ตะโกนขึ้นมาและวิ่งพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนตรงหน้า หลายคนที่เขารู้จักต่างอยู่ในนี้เกือบทั้งหมด เฉินช่าวเย่ตื่นเต้นอย่างมาก

 

หลิวยู่ติงที่ยืนถัดจากชูฮันมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า

 

“เงียบหน่อย” เสียงของซางจิ่วตี้ดังขึ้นท่ามกลางพูดคุยของทุกคน ทันใดนั้นทุกอย่างก็หยุดชะงักและตกอยู่ในความเงียบสนิทอีกครั้ง เธอเงยหน้าขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิจับจ้องมาที่ชูฮันและพูดขึ้น “ยินดีต้อนรับการกลับมาคะท่านพลเอก”

 

“ยินดีต้อนรับการกลับมาครับท่านพลเอก!” กลุ่มคนภายในห้องต่างส่งเสียงพูดขึ้นดังลั่น ทุกคนมีท่าทีตื่นเต้นอย่างมาก หลังจากที่ชูฮันกลับมา ทุกอย่างที่ถูกจัดเตรียมไว้หมดเป็นเวลาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาก็เริ่มทำงานทันที และในที่สุดค่ายเขี้ยวหมาป่าก็กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

 

ชูฮันยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เขากวาดสายตามองเหล่าใบหน้าที่คุ้นเคย และก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่มั่นคงไปจนถึงหัวมุมของโต๊ะยาว มันมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาและพลังของผู้นำที่ทุกคนสัมผัสได้ “นั่งลง มาเริ่มกันเลยเถอะ”

 

พรึบ!

 

ทุกคนนั่งลงอย่างพร้อมเพรียง แม้มันอาจจะไม่ได้เป็นระเบียบเท่ากับกองทัพเขี้ยวหมาป่า แต่แน่นอนว่ามันรวดเร็วกว่าเหล่าทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของค่ายต่างๆแน่นอน

 

ทางซ้ายมือมีเจ้าหน้าที่บริหารของแผนกต่างๆของค่ายเขี้ยวหมาป่า อย่างผู้นำค่าย…ซางจิ่วตี้ แผนกโรงงาน แผนกโลจิสติกส์ และซูชิงของแผนกออกแบบและก่อสร้าง และเจียงโจวจากแผนกวิจัย

 

ส่วนทางขวามือนั่นไม่ได้มีหน้าที่และตำแหน่งเฉพาเจาะจง แต่ทุกคนมีตำแหน่งสูงและหน้าที่สำคัญกันหมด รวมถึงหยางเทียน เจียงฮงหยู ติงซือเย้า เจียงเทียนชิง

 

เฉินช่าวเย่ที่ตัวใหญ่และมีจิตใจแรงกล้านั่งลงฝั่งทางขวาและกินต่อไปโดยไม่สนใจว่าใครจะมอง และเมื่อทุกคนในห้องนั่งลง หลิวยู่ติงที่ยังยืนอยู่เพียงคนเดียวก็เหมือนกับหัวจะระเบิด เฉินช่าวเย่ แกตายแน่ รอให้เขาตามไปจัดการซะก่อน!

 

หลิวยู่ติงที่ยืนอยู่คนเดียวในห้อง บังคับตัวเองทำให้ตัวสบายๆไร้กังวลและแสดงท่าทางเยือกเย็นให้ทุกคนเห็น ท่านพลเอกชูฮันเคยบอกเขาไว้ว่า เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรจะพูดหรือต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เขาต้องใช้สายตาสยบทุกคน

 

“หลิวยู่ติง” ชูฮันที่นั่งอยู่หัวโต๊ะตะโกนขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน “เขาเป็นผู้ควบคุมกฏระเบียบทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า และต่อจากนี้กองทัพเขี้ยวหมาป่าก็จะมีแผนกกฏหมายขึ้นมาเช่นกัน นายสามารถนั่งได้ทั้งสองฝ่าย เชิญหาที่นั่งเองได้เลย”

 

“เอ่อ” หลิวยู่ติงสูดลมหายใจเข้าอย่างโล่งใจ จากนั้นก็เลือกที่นั่งตรงหน้าเขา ซึ่งเป็นหัวโต๊ะของอีกฝั่งหนึ่ง ตรงข้ามกับชูฮัน

 

“เอาล่ะ ตอนนี้ซางจิ่วตี้ รายงานสถานการณ์ของค่ายมาได้” ภายในครู่เดียว ชูฮันก็เข้าสู่โหมดการทำงานของสมองอย่างรวดเร็ว มันมีผู้รอดชีวิตเพิ่มขึ้นในค่ายเขี้ยวหมาป่าจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ก็มีการปะปน ดังนั้นเขาจะต้องเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างให้ถี่ถ้วนก่อนเป็นอันดับแรก