เมื่อได้ยินคำพูดอันเด็ดขาดของถังซี ฉินซินหยิ่งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวด้วยความโกรธ “เซียวโหรว ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือ ฉันกำลังบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลย เป็นเพราะเธอยุ่งผิดคน ฉันแค่โทรมาเตือน เธอควรขอบคุณฉัน!”
“ฮึ? ขอบคุณเธอเหรอ” ในที่สุดเมื่อเห็นธาตุแท้ของฉินซินหยิ่ง ถังซีก็ยิ้มเยือกเย็นและกล่าวว่า “ฉินซินหยิ่งฉันจะบอกให้นะ เธอต่างหาก ไม่ใช่ฉัน ที่ยุ่งผิดคน”
หลังจากนั้น ถังซีก็ไม่พูดอะไรกับฉินซินหยิ่งอีก และวางสายโทรศัพท์
บัดซบที่สุด! ฉินซินหยิ่งเป็นคนทำ! ทำไมเธอถึงได้ตาบอดขนาดที่เห็นผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนสนิทมานานหลายปี เธอยืนกรานจะคบฉินซินหยิ่งเป็นเพื่อน โดยไม่สนใจคำคัดค้านของคุณปู่ และบังคับให้คุณปู่เลิกเกลียดชังคนตระกูลฉิน ซ้ำยังขอให้ท่านช่วยพวกเขาในเรื่องธุรกิจอีก
แต่ก็ยังดี… ตามที่อาห้าบอก เพราะคุณปู่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ในที่สุดท่านก็ได้ลงมือแก้แค้นคนตระกูลฉินโดยไม่มีอะไรติดค้างในใจ
แต่คุณปู่แก่แล้ว ท่านจะจัดการได้ไหม
ใกล้ถึงวันครบรอบการเสียชีวิตของคุณย่าแล้ว ในอีกเดือนหนึ่งข้างหน้า…
ถังซีกำมือแน่น ฉินซินหยิ่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอคือศัตรูของฉัน มิตรภาพของเราหมดสิ้นไปนับจากวินาทีที่ฉันเสียชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบินตก
ถังซีไม่รู้ว่าเธอกลับมาที่บ้านครอบครัวเซียวได้อย่างไร ในเวลาที่เธอมาถึงหยางจิ้งเสียนเตรียมอาหารกลางวันไว้พร้อมแล้ว เมื่อเห็นถังซีกลับมาเธอก็พาถังซีเข้าไปข้างใน และยกซุปคากิกับถั่วเขียวถ้วยใหญ่มาให้ “มาจ้ะ ทานซุปสักหน่อย”
ถังซียิ้ม ถือถ้วยซุปไว้ในมือแล้วเริ่มรับประทาน หลังจากทานไปไม่กี่คำเธอก็เงยหน้าขึ้นมองหยางจิ้งเสียนอย่างลังเล เมื่อเห็นหยางจิ้งเสียนดูเธอทานซุปอย่างมีความสุข เธอก็ทำใจไม่ได้ที่จะบอกหยางจิ้งเสียน ว่าเธอจะไปอยู่บ้านเซียวหงอี้สักพักหนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะหยางจิ้งเสียนยื่นมือออกมาโอบอุ้มเธอในเวลานั้น เธออาจจะยังคงเป็นถังซีผู้มีหัวใจเย็นชา ไม่เคยได้มีความสุขกับความรักจากพ่อและแม่
เมื่อเห็นเธอมีท่าทางลังเลหยางจิ้งเสียนก็ขมวดคิ้ว แต่แล้วก็เอ่ยขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ทานซุปอีกสิจ๊ะ นี่แม่ทำซุปไก่ตุ๋นตังกุยไว้ด้วยนะ จะได้เอาไปให้แม่ของหนูที่โรงพยาบาลด้วย เธอต้องการอาหารบำรุงร่างกาย”
เมื่อถังซีได้ยินคำพูดของหยางจิ้งเสียนดวงตาเธอก็แดงเรื่อ มองหน้าหยางจิ้งเสียน ถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “คุณแม่ รู้แล้วเหรอคะ”
หยางจิ้งเสียนลูบผมลูกสาวด้วยรอยยิ้ม กระซิบว่า “เธอคือแม่ของลูก ตอนนี้เธอเป็นแบบนั้น ลูกควรไปอยู่กับเธอ แม่เก็บกระเป๋าเสื้อผ้ากับของใช้ของลูกเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวแม่จะไปส่งลูกที่นั่นหลังอาหารกลางวัน บ้านพ่อของลูกอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา แม่จะไปหาลูกเมื่อไรก็ได้ที่แม่ต้องการ”
ถังซีวางถ้วยซุปลงและกอดหยางจิ้งเสียน “ขอบคุณค่ะคุณแม่ หนูจะกลับบ้านเราเมื่อแม่หายดีแล้วนะคะ”
หยางจิ้งเสียนชะงัก หลินหรูจะมีโอกาสหายดีไหม ถ้าหลินหรูไม่หายล่ะ หนูจะไม่กลับมาเหรอ จมูกหยางจิ้งเสียนเริ่มมีอาการฟุดฟิดเมื่อคิดเช่นนี้
หลังจากรอคอยมาแสนนานเธอก็ได้มีลูกสาวมาอยู่เคียงข้างในที่สุด แต่เป็นเวลาเพียงแค่สองสามเดือน และตอนนี้ลูกสาวที่รักกำลังจะจากเธอไปอีกแล้ว พระเจ้าไม่ยุติธรรมต่อเธอเลย…
ถังซีดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของหยางจิ้งเสียน เธอเม้มริมฝีปาก จับมือหยางจิ้งเสียนไว้แน่น “คุณแม่คะ แค่เดือนครึ่งเองค่ะ เดี๋ยวก็จะถึงวันชาติแล้ว หนูสัญญาค่ะว่าเมื่อถึงวันคริสต์มาสแม่จะหายดี แล้วหนูก็จะกลับมา” เธอกล่าวอย่างอ่อนโยน
หยางจิ้งเสียนหยุดนิ่ง เธอลืมไปว่าลูกสาวเป็นนางฟ้า ไม่ยากสำหรับโหรวโหรวที่จะรักษาหลินหรู และเมื่อโหรวโหรวบอกเธอว่าจะรักษาหลินหรูได้ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน ก็หมายความว่าเธอจะรักษาหลินหรูได้จริงๆ
“ตกลงจ้ะ แม่จะรอหนูอยู่ที่นี่” หยางจิ้งเสียนค่อยๆ คลายอ้อมกอดจากถังซี มองดูลูกสาวอยู่เงียบๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั้น หนูต้องสัญญากับแม่ว่าจะไม่ทำให้ตัวเองสูญเสียพลังไปจนหมด เหมือนตอนที่หนูช่วยพี่ชายของหนูอีก ถ้าหนูหายไปจริงๆ แม่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจถังซี เธอพยักหน้า “คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก คราวนี้หนูจะรักษาแม่ด้วยการฝังเข็มค่ะ และหนูจะดูแลตัวเองให้ดี”
หยางจิ้งเสียนรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินอย่างนั้น หลังอาหารกลางวันถังซีต้องไปบ้านเซียวหงอี้ หยางจิ้งเสียนจะไปส่งแต่ถังซีไม่ยอม และบอกให้คนขับรถไปส่งแทน ระหว่างทางถังซีโทรหาเฉียวเหลียง บอกเขาถึงความตั้งใจของเธอ เห็นได้ชัดว่าเฉียวเหลียงไม่มีพอใจที่ได้ยินอย่างนั้น “ฝังเข็มเหรอ ให้ผมหาผู้เชี่ยวชาญมาฝังเข็มให้ก็ได้ คุณจะไปคอยรับใช้คนอื่นเหมือนเป็นสาวใช้ได้ยังไง”
เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องพูดอะไรแบบนี้ ถังซียิ้มอย่างอ่อนใจและกล่าวว่า “ฉันเป็นลูกสาวเธอนะ ฉันควรจะดูแลเธอ”
“คุณคือถังซี คุณไปเป็นลูกสาวเธอตั้งแต่เมื่อไหร่” น้ำเสียงเฉียวเหลียงดูขุ่นเคือง “ผมไม่อนุญาตให้คุณทำแบบนั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดอวดดีวางอำนาจแบบนี้ ถังซีก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร “ฉันโทรมาแจ้งให้คุณทราบ ไม่ได้โทรมาขออนุญาตคุณ ถ้าฉันต้องขออนุญาตคุณเวลาที่ต้องการทำอะไร ฉันจะเป็นควีนได้ยังไง”
เมื่อพูดถึงควีน ถังซีก็ถามว่า “เรื่องที่ฉันขอให้พี่จิ่งกับคุณทำให้ ไปถึงไหนแล้วคะ”
“เรียบร้อยแล้ว คุณมารับใบรับรองและใบอนุญาตของคุณได้เลย” เฉียวเหลียงกล่าวเสียงต่ำ “คุณงานยุ่งมาก แล้วยังต้องดูแล…”
“เฉียวเหลียง ที่ฉันโทรมานี่ก็เพื่อจะขอให้คุณมารับฉันไปส่งที่บ้านคุณป้าเฉียวทุกวันนะ” ถังซีพูดเสียงดังขัดจังหวะเฉียวเหลียง เธอรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้เขาพูดต่อไป เฉียวเหลียงจะพูดอะไรบางอย่างที่เธอไม่อยากได้ยินออกมา เธอจึงควรหยุดเขาเสียก่อน
เฉียวเหลียงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และกล่าวอย่างงุนงง “ไปส่งคุณที่บ้านแม่ผมหรือ”
ขณะมองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ และได้ยินเสียงเฉียวเหลียงทางโทรศัพท์ จู่ๆ ถังซีก็รู้สึกขึ้นมาเดี๋ยวนั้นว่า นี่คือวิถีชีวิตของเธอแบบที่ควรจะเป็น เธอส่งเสียงกระแอมในลำคอแล้วกล่าวว่า “ฉันกำลังฝังเข็มรักษาแม่ฉันอยู่ค่ะ และจำได้ว่าคุณป้าเฉียวก็มีปัญหาแบบเดียวกัน บางทีฉันอาจช่วยให้ท่านลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไปหาคุณป้าเฉียวที่บ้าน และรักษาท่านด้วยการฝังเข็มทุกวัน ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากลองดู”
เฉียวเหลียงสั่งพักการประชุมเพื่อมารับโทรศัพท์ถังซี ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องทำงาน ทอดสายตาออกไปไกล เมื่อได้ยินคำพูดของถังซีเขากำโทรศัพท์ในมือแน่น จากนั้นก็มองไปยังท้องฟ้า พยายามระงับอาการเต้นระรัวของหัวใจ “ตกลง ผมจะไปรับคุณทุกวันนับจากวันนี้” เขายิ้มนิดๆ และกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนละมุน
เมื่อถังซีได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเฉียวเหลียง เธอก็ยิ้มหวานกล่าวเสียงนุ่มว่า “ไว้คุยกันทีหลังนะคะ ฉันต้องวางสายก่อน”