“ฮูหยิน ลั่วอวิ๋นสำนึกผิดแล้วจริงๆ สำนึกผิดแล้วจริงๆ ขอร้องฮูหยินได้โปรดฟื้นฟูรูปโฉมและวรยุทธ์ เพียงกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ ลั่วอวิ๋นเต็มใจทำทุกอย่าง”
“เจ้าเต็มใจทำทุกอย่างจริงหรือ? ”
“ฮูหยิน ลั่วอวิ๋นเต็มใจทำทุกอย่าง แต่นี้ต่อไปลั่วอวิ๋นจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง เชื่อฟังท่านทุกอย่าง! ”
ฮูหยินปิงจีค่อยๆ คุกเข่าลง นางไล้นิ้วชี้ไปบนใบหน้าของหนานกงลั่วอวิ๋นที่ถูกหนอนโลหิตพิษในคุกนรกทำร้าย
“หากข้าให้เจ้าทำเรื่องที่ผิดต่อโยวเหยาเล่า? ”
ผิดต่อเยี่ยโยวเหยา?
นางหลงรักเยี่ยโยวเหยามาตั้งแต่เด็ก เพียงคิดว่าหากทุ่มเทความจริงใจให้เยี่ยโยวเหยา เพื่อเยี่ยโยวเหยาแล้ว นางเต็มใจทำทุกอย่าง แม้จะรู้ดีว่าผู้ที่อยู่ในใจของเยี่ยโยวเหยาคือซูจิ่นซี ทั้งนางยังเต็มใจปกปิดความลับเรื่องสัตว์เทพซื่อฉิงกับฮูหยินปิงจีเพื่อเยี่ยโยวเหยา
ขอเพียงมีประโยชน์กับเยี่ยโยวเหยา ขอเพียงเยี่ยโยวเหยามองนางสักครั้ง นางเต็มใจทำทุกอย่างแทนเยี่ยโยวเหยา
ทว่านางไม่เคยคิดเรื่องทำผิดต่อเยี่ยโยวเหยา
หนานกงลั่วอวิ๋นคิดไม่ออกเลยจริงๆ
“ทำไม? ไม่เต็มใจหรือ? ”
น้ำเสียงของฮูหยินปิงจีไร้ซึ่งความรู้สึก
ในเวลานี้ ภายในใจของหนานกงลั่วอวิ๋นพลันเกิดความรู้สึกขัดแย้งที่ยากจะบรรยาย ด้านหนึ่งคือเยี่ยโยวเหยา อีกด้านหนึ่งในฐานะสตรีที่สามารถรักคนที่ตนรักได้อย่างมีศักดิ์ศรี ทั้งนางยังกลายเป็นเบี้ยเพื่อใช้ต่อรองกับคนที่ตนรัก
“ฮูหยิน… ”
หยาดน้ำตาของหนานกงลั่วอวิ๋นไหลรินอาบสองแก้มราวกับน้ำพุ
ทว่าฮูหยินปิงจีกลับไม่ให้โอกาสหนานกงลั่วอวิ๋นพูดสิ่งใด
นางสะบัดหน้าหนานกงลั่วอวิ๋นและลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองหนานกงลั่วอวิ๋นอีกครั้งอย่างทะนงตน
“เจ้าคิดให้ดีแล้วตอบข้า ความอดทนของข้ามีจำกัด ข้าไม่ใจกว้างพอให้เจ้าพูดจากลับกลอกต่อหน้าข้าอีกครั้ง”
หนานกงลั่วอวิ๋นเจ็บปวดใจอย่างมาก นางร้องไห้จนไม่มีเสียง
“ลั่วอวิ๋น… ”
ฉินเทียนพยายามห้ามปรามหนานกงลั่วอวิ๋น ทว่าเรียกชื่อของนางแล้ว กลับไม่รู้จะพูดอย่างไร
ระหว่างเขากับเยี่ยโยวเหยา แม้เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้อง ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต กลับรู้สึกสนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ เสียอีก ปกติแล้วเขาเป็นผู้ที่คอยดูแลเยี่ยโยวเหยามากที่สุด และเยี่ยโยวเหยาก็คอยดูแลเขามากที่สุดเช่นกัน
ฉินเทียนรู้ว่าการที่ซูจิ่นซีอยู่เคียงข้างเยี่ยโยวเหยาจะส่งผลเสียต่องานใหญ่ ดังนั้นจึงคิดสังหารซูจิ่นซี แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่ามีคนต้องการทำเรื่องที่ผิดต่อเยี่ยโยวเหยา เขาจะยอมทนได้อย่างไร?
ทว่าคนผู้นั้นคือหนานกงลั่วอวิ๋น!
เขาควรเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อย่างไร?
ขณะนี้ภายในใจของฉินเทียนทั้งรู้สึกขัดแย้งและคิดไม่ตก จึงไม่ได้กดดันหนานกงลั่วอวิ๋น
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อยังไม่ได้คำตอบจากหนานกงลั่วอวิ๋น ฮูหยินปิงจีจึงโบกมืออย่างหมดความอดทน “ช่างเถิด! ในเมื่อก่อนหน้านี้เจ้าหนีออกจากคุกนรกไปแล้ว ทว่าเห็นแก่ที่บิดาของเจ้ามีความภักดีต่อจักรวรรดิ ข้าจะไม่สอบสวนเจ้าไปมากกว่านี้ เจ้ากลับไปเถิด! กลับไปยังเมืองซีอวิ๋น! ”
ฮูหยินปิงจีพูดพลางเดินออกไปด้วยใบหน้าเศร้าใจ
ในที่สุดหนานกงลั่วอวิ๋นก็ตระหนักว่านี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย นางตัดสินใจครั้งสำคัญ ทันใดนั้นก็พูดรั้งฮูหยินปิงจีไว้ “ฮูหยิน ลั่วอวิ๋น… ลั่วอวิ๋นตอบตกลงท่าน! ขอเพียงไม่ให้นายน้อยรู้ ลั่วอวิ๋น… ลั่วอวิ๋นยินดีทำ! ”
หนานกงลั่วอวิ๋นพูดคำว่า ‘ยินดีทำ’ ออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก น้ำเสียงของนางฟังดูไร้เรี่ยวแรง ทั้งยังร้องไห้จนไม่มีเสียง
โดยไม่คาดคิด ฮูหยินปิงจีกลับมองไปทางฉินเทียน
“เจ้าตอบตกลงข้าแล้วจะมีประโยชน์อันใด? ยังมีเจ้าอีกคน ฉินเทียน ในฐานะที่เป็นบุตรของข้า แต่กลับไม่เคยช่วยข้าทำเรื่องอันใดเลย ข้าชุบเลี้ยงเจ้ามามีประโยชน์อันใด? ”
ใบหน้าของฉินเทียนพลันซีดขาว ทั้งยังเกิดความรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ทว่ายังถามหยั่งเชิงฮูหยินปิงจี “ท่านแม่… ต้องการให้ลูกทำอันใดหรือ? ”
“แท้จริงแล้วไม่นับว่าทำเพื่อข้า แต่เป็นการทำเพื่อจักรวรรดิ ตั้งแต่โบราณมาแล้ว ความรักมักก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวาย ซูจิ่นซี สตรีนางนั้นอยู่ข้างกายโยวเหยา ท้ายที่สุดนางจะทำลายงานใหญ่ของเขา เจ้าจงไปสังหารซูจิ่นซีเสีย ข้าจะฟื้นฟูใบหน้าของหนานกงลั่วอวิ๋นให้ก่อน รอจนเจ้านำศีรษะของซูจิ่นซีกลับมาให้ข้าดู วันนั้นข้าจึงจะฟื้นฟูวรยุทธ์ให้หนานกงลั่วอวิ๋น”
“สังหารซูจิ่นซี? ”
ฉินเทียนคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฮูหยินปิงจีต้องให้เขาไปทำเรื่องที่ขัดต่อจิตใจ แต่นึกไม่ถึงว่านางจะให้เขาไปสังหารซูจิ่นซี
“ไม่ยินยอมหรือ? ”
ท่าทีของฮูหยินปิงจีที่มีต่อฉินเทียนนั้นไร้ซึ่งความอ่อนโยน ไม่เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่ต่างอันใดกับคนแปลกหน้า
ฉินเทียนกล่าวด้วยความลำบากใจว่า “ท่านแม่ ก่อนหน้านี้ลูกได้รับปากกับโยวเหยาไว้แล้วว่าจะไม่ลงมือกับซูจิ่นซีอีก เรื่องที่รับปากกับโยวเหยา ลูกต้องทำให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น… ยิ่งไปกว่านั้นตอนอยู่ที่วิหารวิญญาณ ลูกได้ยินว่าเพื่อซูจิ่นซีแล้ว โยวเหยาถึงกับระงับอาการของหมุดกร่อนรักถึงสองครั้ง ทั้งยังยอมเสียสละชีวิตตนเอง ใช้ยาวิเศษหลงหุยเพื่อคืนพลังชั่วคราว เขาบุกเข้าไปในมหาวิหารธารามรกตพร้อมซูจิ่นซี เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ในใจของโยวเหยา ซูจิ่นซีมีความสำคัญอย่างมาก หากลูกสังหารซูจิ่นซี โยวเหยาต้องไม่ละเว้นลูกอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องนี้ยังจะกระทบกระเทือนจิตใจโยวเหยาอย่างรุนแรงอีกด้วย”
“หึ ตั้งแต่โบราณกาล กษัตริย์ที่ลุ่มหลงในรักมักนำมาซึ่งหายนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้งานใหญ่ของโยวเหยายังไม่สำเร็จ ความหมายของเจ้าคือไม่ยินยอมทำใช่หรือไม่? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หนานกงลั่วอวิ๋น เจ้ากลับเมืองซีอวิ๋นไปเถิด! ”
ใบหน้าฉินเทียนเต็มไปด้วยความลำบากใจ เขาค่อยๆ มองไปที่หนานกงลั่วอวิ๋น
หนานกงลั่วอวิ๋นร้องไห้จนไร้เสียง ไร้เรี่ยวแรง นางหลับตาทั้งคู่ลงราวกับตัดสินใจครั้งใหญ่ ก่อนจะหันไปคุกเข่าต่อหน้าฉินเทียน
“ฉินเทียน ข้า… ข้าขอร้องเจ้า เจ้าต้องช่วยข้า! ช่วยข้าได้หรือไม่? หากข้าไม่สามารถฟื้นฟูใบหน้าและวรยุทธ์ได้ ข้าคงต้องตายเป็นแน่ ข้าคงทุกข์ทรมานยิ่งกว่าการตายเสียอีก! ลั่วอวิ๋นขอร้องเจ้า ช่วยข้าด้วยเถิด! ”
ฉินเทียนเบือนหน้าหนีอย่างทนไม่ได้
ด้านหนึ่งคือสตรีอันเป็นที่รัก อีกด้านหนึ่งคือคนรักของผู้ที่เขารักดั่งพี่น้อง เขาตกลงกับเยี่ยโยวเหยาแล้วว่าจะไม่ลงมือกับซูจิ่นซี ดังนั้นเขาจะไม่ทำอย่างแน่นอน แท้จริงแล้วเขาได้ค้นพบและเข้าใจอันใดมากมายในช่วงเวลาที่ถูกคุมขังในวิหารวิญญาณ
คำว่ารัก สำหรับทุกคนแล้วก็เหมือนกัน ความรักของเขาที่มีต่อหนานกงลั่วอวิ๋นนั้นลึกซึ้งยิ่งนัก เขาจึงไม่สามารถทนได้ ความรู้สึกของเยี่ยโยวเหยาที่มีต่อซูจิ่นซีก็เป็นเหมือนกันใช่หรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้น อาจลึกซึ้งมากกว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อหนานกงลั่วอวิ๋นเสียอีก
ต่อให้โยนเรื่องความรักเหล่านี้ทิ้งไป หากสังหารซูจิ่นซีแล้ว ก็เท่ากับตัดความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเขากับเยี่ยโยวเหยา เขาจะทำได้อย่างไร?
เมื่อเห็นฉินเทียนไม่ตอบตกลง หนานกงลั่วอวิ๋นจึงคุกเข่าลงข้างกายฉินเทียน นางจับแขนเสื้อฉินเทียนแล้วพูดว่า “ฉินเทียน หากเจ้าไม่ช่วยข้า ก็ไม่มีผู้ใดเมตตาสงสารข้าอีกแล้ว ช่วยข้าด้วยเถิด! ลั่วอวิ๋นเข้าใจจิตใจของเจ้าดี ทว่าหัวใจดวงนี้ของลั่วอวิ๋นมอบให้นายน้อยไปนานแล้ว ไม่สามารถมอบให้ผู้อื่นได้อีก หากเจ้าช่วยข้าครั้งนี้ ลั่วอวิ๋นจะจดจำบุญคุณของเจ้า หากชาติหน้ามีจริง ข้าจะยอมเป็นทาสรับใช้เจ้าเยี่ยงวัวเยี่ยงม้า ลั่วอวิ๋นต้องตอบแทนบุญคุณเจ้าแน่นอน ฉินเทียน… ขอร้องเจ้า ตอบตกลงฮูหยินไปเถิด! ”
ฉินเทียนกัดฟันกรอด มือทั้งสองกำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อที่ถูกหนานกงลั่วอวิ๋นดึงรั้งอ้อนวอน
แม้เกินจะทานทน ทว่าเขายังบอกหนานกงลั่วอวิ๋นอย่างหนักแน่น
“ต่อให้ต้องตาย ข้า… ฉินเทียน ชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อโยวเหยา ไม่ทำ… อย่างแน่นอน! ”