บทที่ 640 : สอบเอนทรานซ์ (1)
ภายในบ้านเลขที่-1
“น่าแปลก.. ตลอดครึ่งเดือนมานี้ฝนตกตลอดทั้งวันทุกวัน แต่เหตุใดวันนี้ท้องฟ้าจึงได้แจ่มใสอย่างน่าประหลาด?”
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เรือนร่างงดงามของฉินตงเฉี่วยก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ คิ้วของนางขมวดขณะที่จ้องมองไปทางแสงแดดเจิดจ้าที่ส่องเข้ามาภายในห้องรับแขก
“ถ้าท่านไม่ชอบแดด ข้าจะเดินไปปิดผ้าม่านหน้าต่างให้..”
ป้าเหมยร้องบอกฉินตงเฉี่วยระหว่างที่กำลังเก็บโต๊ะอาหาร เมื่อเห็นว่านางไม่ชอบอากาศศร้อน
“ข้าน่ะไม่เท่าไหร่.. แต่พวกเด็กสองคนนั่นสิ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสอบเอนทรานซ์ดแล้วด้วย..”
ฉินจิวยื่อไม่อยู่ ฉินตงเฉี่วยจึงต้องรับผิดชอบในการดูแลหลิงหยุนและหนิงหลิงยู่ อีกทั้งยังต้องให้ทั้งคู่ไปสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยตามที่พี่สาวของนางปรารถนาให้ได้ นางจึงดูจริงจังกับเรื่องนี้มาก!
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งนี้ จัดขึ้นที่เมืองจิงฉูพอดี จึงสะดวกกับหลิงหยุนและหนิงหลิงยู่มาก ดังนั้นก่อนวันสอบเอนทรานซ์หนึ่งวัน ฉินตงเฉี่วย ป้าเหมย และหนิงหลิงยู่จึงย้ายมาอยู่บ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนแทน เพราะบ้านในอ่าวจิงฉูนั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองถึงสามสิบกิโลเมตร ซึ่งห่างไกลจากสนามสอบมากเกินไป
ที่มุมหนึ่งในบริเวณสวนหน้าบ้านของหลิงหยุนภายใต้แสงอาทิตย์เจิ้ดจ้า หลิงหยุนกำลังนั่งยองๆอยู่ใต้ต้นสมุนไพรชีฉียู่ที่กำลังปลดปล่อยพลังชีวิตออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาค่อยๆเก็บกล่องหยกเข้าไปในแหวนพื้นที่อย่างระมัดระวัง จนถึงตอนนี้หลิงหยุนสามารถเก็บพลังชีวิตที่เข้มข้นจนเป็นของเหลวนี้ได้ถึงหกกล่องแล้ว
หลังจากนั้น หลิงหยุนก็นำกล่องหยกกล่องที่เจ็ดมาวางไว้ใต้ต้นสมุนไพรชีฉียู่ และจะมาเก็บมันกลับไปในวันพรุ่งนี้
“ดูท่าข้าคงจะสามารถเก็บพลังชีวิตได้เป็นสิบกล่องเลยทีเดียว!” หลิงหยุนพึมพำเบาๆ
หลิงหยุนมีสมุนไพรชีฉียู่อยู่ทั้งหมดเจ็ดต้น แต่ละต้นล้วนมีใบทั้งหมดเจ็ดใบ และแต่ละใบก็ได้ดูดซับเอาพลังสุริยะไว้ตลอดทั้งวัน จนกระทั่งที่ใบเริ่มมีจุดสีน้ำตาลปรากฏขึ้นทั้งเจ็ดใบแล้ว เพราะตรงตำแหน่งที่หลิงหยุนนำต้นสมุนไพรชีฉียู่มาปลูกนั้น ก็เป็นตำแหน่งที่แสงแดดส่องถึงโดยตรง
นับจากวันที่หลิงหยุนค้นพบสมุนไพรชีฉียู่นั้น ก็ผ่านมาราวสองเดือนแล้ว และนี่ก็กำลังจะเข้าใกล้เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ต้นสมุนไพรชีฉียู่ของหลิงหยุนก็เริ่มโตเต็มวัยมากขึ้นเช่นกัน
ใบทั้งสี่สิบเก้าใบของต้นสมุนไพรชีฉียู่ทั้งเจ็ดต้นในเวลานี้ เริ่มมีจุดสีน้ำตาลเข้มขึ้นทุกใบแล้ว แต่ยังมีเพียงแค่ใบละห้าจุดเท่านั้น เนื่องจากแสงแดดไม่เพียงพอ เพราะตลอดครึ่งเดือนมานี้มีฝนตกทุกวัน
ความจริงแล้ว.. ด้วยสภาพอากาศที่มีแต่เมฆฝนทั้งวันเช่นนี้ ทำให้สมุนไพรชีฉียู่ไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่ เขาจึงตั้งใจไว้ว่าจะใช้วิชาพฤกษาขจีช่วยเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรชีฉียู่แทน แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ วันนี้ท้องฟ้ากลับเปิดและมีแสงแดดเจิดจ้า ทำให้หลิงหยุนอารมณ์ดีและมีความสุขอย่างมาก
ต้นสมุนไพรชีฉียู่ทั้งเจ็ดของหลิงหยุนนั้น หากเปรียบเทียบกับเมื่อครั้งที่พบวันแรก ก็นับว่าเปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะระหว่างที่ย้ายมาปลูกที่บ้านนั้น เขาได้ถ่ายเทพลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิลงไปที่ต้นและรากของมันด้วย
ดังนั้นพลังชีวิตที่ปลดปล่อยออกมาจากต้นสมุนไพรชีฉียู่ทั้งเจ็ดเวลานี้ จึงมีพลังอมตะปะปนอยู่ด้วย และหลิงหยุนก็ใช้พลังชีวิตเหล่านี้ในการฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์
และหลังจากที่พวกมันโตเต็มวัยสมบูรณ์แล้ว หลิงหยุนก็จะนำสมุนไพรชีฉียู่นี้ไปปรุงเป็นโอสถเมื่อเข้าสู่ขั้นพลังชี่
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีแสงแดดเจิดจ้าพร้อมกับพึมพำว่า “อากาศแบบนี้ดีกับสมุนไพรชีฉียู่ของข้านัก หากสภาพอากาศเป็นเช่นนี้ทุกวัน คงไม่เกินสี่ห้าวันพวกมันก็จะเติบโตเต็มวัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
การสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยนั้นจะมีทั้งหมดสองวันครึ่ง คือวันที่เจ็ด แปด และช่วงเช้าของวันที่เก้า และหลังจากสิ้นสุดการสอบเอนทรานซ์ สมุนไพรชีฉียู่ของหลิงหยุนก็คงเกือบจะโตเต็มวัยแล้ว หากเป็นเช่นนี้ก็จะยิ่งทำให้การฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ของเขาไม่ล่าช้า..
“อย่าลืมว่ายังมีหญ้าหยาง หญ้าหยิน และหญ้าน้ำลายมังกรด้วย..” หลิงหยุนได้แต่เตือนตัวเอง
ความจริงแล้วต่อให้หลิงหยุนอยากลืมก็คงไม่สามารถลืมได้ เพราะเมื่อเข้าสู่ขั้นพลังชี่เมื่อใด เขาก็จำเป็นต้องใช้พลังชีวิตจากหญ้าเหล่านี้
-นี่เจ้าเด็กดื้อ.. เจ้าไม่ชอบอากาศร้อนนี่นา เหตุใดจึงไปนั่งตากแดดอยู่แบบนั้น?-
ฉินตงเฉี่วยนั่งตากแอร์อยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่นด้านใน จึงได้ส่งกระแสจิตไปถามหลิงหยุนแทน
-ข้ากำลังจะกลับเข้าไปเดี๋ยวนี้แล้ว..-
หลิงหยุนรีบตอบ และเดินกลับเข้าไปยังห้องนั่งเล่นทันที ฉินตงเฉี่วยยังคงบ่นหลิงหยุนต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“นี่เจ้าอยากจะป่วยมากหรือยังไงกัน? ใครให้เจ้ากินข้าวเสร็จแล้วไปนั่งตากแดดอยู่แบบนั้น?”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “อากาศร้อนแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก..”
ความจริงแล้ว ฉินตงเฉี่วยเองที่ตอนนี้อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-4 นั้น ต่อให้อากาศร้อนกว่านี้อีกมาก ก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อร่างกายของนางนัก แต่นางเพียงแค่ไม่ชอบสภาพอากาศแบบนี้ แต่ไม่ใช่เพราะอุณหภูมิที่ร้อน
ฉินตงเฉี่วยยิ้มตอบ “ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเก่ง! ยังไม่รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก หลิงยู่กำลังคอยเจ้าอยู่?”
หลิงหยุนกับหนิงหลิงยู่นัดกันไว้ว่า วันนี้จะเข้าไปดูสถานที่สอบเอนทรานซ์ และกำลังรอถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ขับรถมารับที่บ้าน
ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ล้วนถอดใจไม่ยอมไปสอบเอนทรานซ์ด้วยกันทั้งคู่ ตี้เสี่ยวอู๋นั้นตั้งใจที่จะไม่เข้าสอบตั้งแต่แรกแล้ว แต่ถังเมิ่งนั้นเพิ่งจะมาเปลี่ยนใจเพราะยุ่งมากจนไม่มีเวลา
หลิงหยุนคำนวณเวลาเห็นว่าถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ใกล้จะมาถึงแล้ว จึงรีบขึ้นไปบนห้องและจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
และเมื่อก้าวเท้าลงบันไดมา ก็พบว่าหนิงหลิงยู่ในชุดเดรสกระโปรงสีขาวสะอาดสะอ้าน ได้นั่งรอเขาอยู่บนโซฟาข้างๆฉินตงเฉีวยในห้องรับแขกเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวทั้งสองคนนั้นงดงามไม่ต่างจากเทพธิดาที่จุติลงมาจากสวรรค์
แม้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสอบเอนทรานซ์ แต่หนิงหลิงยู่กลับไม่มีรู้สึกกดดันหรือตึงเครียดแต่อย่างใด เพราะตอนนี้เธอได้เข้าสู่โลกแห่งการบ่มเพาะพลังซึ่งเป็นโลกที่ลึกลับและมหัศจรรย์สำหรับเธอยิ่งกว่าการสอบเอนทรานซ์หลายเท่านัก เรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้
อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่เธอตั้งอกตั้งใจ และทุ่มเทให้กับการเรียนมาโดยตลอดนั้น ทำให้เธอมั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างไม่มีปัญหา
“หลิงยู่.. นับวันยิ่งงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ..”
ระหว่างเดินลงบันไดมานั้น สายตาของหลิงหยุนก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของหนิงหลิงยู่ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับพูดจาหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี
หนิงหลิงยู่ถึงกับหน้าแดง แต่ในใจกลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ใหญ่.. วันนี้อากาศร้อนจนไม่สบายสินะ ถึงได้พูดมากแบบนี้” หนิงหลิงยู่ตอบเสียงเบา
หลิงหยุนสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ และเพียงแค่นี้ก็ทำให้เขาดูดีน่ามองอย่างมากแล้ว
“อะไรกัน? พี่ฝึกกำลังภายในนะ ต่อให้อากาศร้อนกว่านี้อีกเป็นสิบองศา ก็ยังไม่สามารถทำให้พี่รู้สึกร้อนได้..”
ระหว่างที่สมาชิกในครอบครัวกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอยู่นั้น เสียงรถก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน
หลิงหยุนแทบไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองก็รู้ว่า เสี่ยวเม่ยหนิงกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมามาที่นี่ เขาจึงเดินออกไปต้อนรับทันที
“พี่หลิงหยุน!”
เมื่อเสี่ยวเม่ยหนิงเห็นหลิงหยุนเดินออกมา เธอก็รีบพุ่งออกจากรถเฟอรารี่ และตรงเข้าหาอ้อมแขนของหลิงหยุนทันที
วันนี้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาสวมชุดเดรสยาวสีเขียวมรกต ดูแล้วช่างสง่างามและสดใสนัก เธอกำลังเดินตามหลังเสี่ยวเม่ยหนิงมาพร้อมกับรอยยิ้ม
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่ได้ลงทะเบียนเข้าเรียนตามระบบปกติ เธอจึงยังไม่มีสิทธิ์ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งนี้
“หนิงน้อย.. คุณมาที่นี่ทำไมกัน?” หลิงหยุนจับแขนเธอไว้อย่างอ่อนโยน และถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“ฉันก็จะมาตามไปดูสถานที่สอบกับพี่น่ะสิ..”
เสี่ยวเม่ยหนิงรู้ว่าฉินตงเฉี่วยนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เธอจึงไม่กล้าแสดงความรักกับหลิงหยุน และหลังจากพูดจากับหลิงหยุนเพียงไม่กี่คำก็วิ่งเข้าไปในบ้านแทน
“น้าหญิงสบายดีมั๊ยคะ?”
เสี่ยวเม่ยหนิงวิ่งแก้มแดงเข้าไปทักทายฉินตงเฉี่วยอย่างคนเฉลียวฉลาด
“หนิงน้อย.. เสี่ยวเหมา.. มานั่งนี่เร็วเข้า!” ฉินตงเฉี่วยร้องเรียก
และอีกประเดี๋ยวเดียว เสียงรถของถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ก็ดังขึ้นหน้าประตูบ้าน หลิงหยุนจึงรีบร่ำลาฉินตงเฉี่วย และเดินนำหญิงสาวทั้งสามคนไปที่รถของถังเมิ่งทันที
ถังเมิ่งรีบเชื้อเชิญให้ทุกคนขึ้นรถ และหลิงหยุนกับสาวๆก้าวขึ้นไปนั่งบนรถของถังเมิ่ง ส่วนตี้เสี่ยวอู๋ขับรถอีกคันตามหลังไป
“ถังเมิ่ง.. เปิดแอร์ให้แรงกว่านี้หน่อยสิ..+”
วันนี้อากาศร้อนมาก เสี่ยวเม่ยหนิงจึงได้ร้องสั่งถังเมิ่งทันทีที่ขึ้นไปนั่งบนรถ
“ได้ๆๆ” ถังเมิ่งรีบขานรับและทำตามคำสั่งทันที
“พี่หยุน.. โรงเรียนที่พี่จะไปสอบฉันรู้จักดีเลย! ตันตันเรียนอยู่ที่นั่น ถึงจะไม่มีชื่อเสียงเท่าโรงเรียนของเรา แต่อาคารเรียนก็ดีกว่ามาก ใหญ่โตเหมือนมหาวิทยาลัยเลย..”
ระหว่างที่พูดถังเมิ่งก็ปัดแอร์ไปให้หลิงหยุนที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“อยู่ไกลมากมั๊ย?” หลิงหยุนถามขึ้น
“อยู่ห่างจากบ้านพี่ไปแค่เจ็ดหรือแปดกิโลเมตรเอง ห้านาทีก็ถึงแล้ว!”
และในเวลาไม่ถึงห้านาที รถทั้งสองคันก็มาถึงสถานที่สอบอย่างที่ถังเมิ่งบอกจริงๆ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงปิดเทอม ภายในโรงเรียนแห่งนี้ก็มีนักเรียนอยู่เต็มไปหมด เพราะทุกคนต่างก็มาดูสนามสอบเช่นกัน
“คนเยอะจัง..”
“แน่นอน.. ทุกคนก็ต้องมาดูสถานที่สอบของตัวเองทั้งนั้น..” ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ
เมื่อหาที่จอดรถได้แล้ว หญิงสาวและชายหนุ่มทั้งห้าคนก็ลงจากรถ และเดินเข้าไปในโรงเรียนเพื่อขึ้นไปดูห้องสอบตามอาคารต่างๆที่ระบุไว้ในบัตรสอบ ระหว่างทางหลิงหยุนก็หันไปพูดกับหนิงหลิงยู่ว่า
“หลิงยู่.. ไปดูห้องสอบของเธอก่อน!”
หลิงหยุนกับหนิงหลิงยู่นั้นแม้จะไม่ได้สอบห้องเดียวกัน แต่ก็อยู่ในอาคารเดียวกัน และอยู่ห่างกันเพียงแค่สองห้องเท่านั้น แต่คนที่ได้สอบห้องเดียวกับหลิงหยุนกลับเป็นเฉิงเมี่ยน
เมื่อเดินไปถึงห้องสอบของหนิงหลิงยู่ หลิงหยุนจึงขอให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเข้าไปดูที่นั่งสอบด้านในเป็นเพื่อนเธอ ส่วนเขาก็เดินตรงไปที่ห้องสอบของตนเอง
……….
“นี่.. ฉีเสี่ยวชิง! ฉันรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เธอต้องมาดูห้องสอบแน่ๆ มาๆ ฉันจะพาเธอไปดูเองว่าได้นั่งตรงใหน ที่นั่งสอบของเธออยู่ข้างหลังฉันเองล่ะ..!”
หลิงหยุนเดินนำถังเมิ่งและเสี่ยวเม่ยหนิงไปยังห้องสอบของตนเอง และเมื่อเข้าไปถึงหน้าห้องสอบ เขาก็พบว่าที่หน้าประตูห้องมีทั้งเด็กนักเรียน และผู้ปกครองมายืนมุงดูกันอยู่มากมาย
“หลี่เทียน.. นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” เสียงเด็กผู้หญิงร้องดังอยู่ภายในห้อง
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูด้านในก็พบว่า เด็กสาวสวมชุดเดรสเรียบๆคนหนึ่งกำลังถูกเด็กผู้ชายที่ดูเหมือนจะมีฐานะร่ำรวยฉุดกระชากอยู่ภายห้องสอบ!