บทที่ 641 : สอบเข้ามหาวิทยาลัย (2)

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 641 : สอบเข้ามหาวิทยาลัย (2)

“มากเกินไปงั้นเหรอ?! ฉันนี่นะทำเกินไป?! ฮ่า.. ฮ่า..”

หลี่เทียนไม่สนใจการดิ้นรนต่อต้านของฉีเสี่ยวชิงแม้แต่น้อย และยิ่งฉีเสี่ยวชิงดิ้นรนต่อต้านมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะโอบกอดฉีเสี่ยวชิงไว้ในอ้อมแขนมากขึ้นเท่านั้น หลี่เทียนยิ้มเย้ยพร้อมกับพูดท้าทาย..

“ฉีเสี่ยวชิง.. ตอนนี้เราสองคนก็เรียนจบแล้ว ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าครูประจำชั้นจะตามมาช่วยอะไรเธอได้อีกมั๊ย?”

“ฉันตามจีบเธอมาตลอดทั้งปี แต่เธอกลับไม่สนใจใยดีฉัน สนใจแต่เรื่องที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเดียวเท่านั้น ฉันจะบอกอะไรให้นะ.. ตราบใดที่ฉันยังอยู่ เธออย่างหวังว่าจะสอบเข้ามหาวิยาลัยใหนได้เลย..”

หลี่เทียนพูดเย้ยหยันพร้อมกับกระชากฉีเสี่ยวชิงเข้าไปในอ้อมกอดของตนเอง..

ใบหน้าของฉีเสี่ยวชิงเปื้อนไปด้วยน้ำตา เธอรู้สึกอับอายขายหน้ากับคำพูดดูถูกเหยียดหยามของหลี่เทียน และพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้ แต่ถึงแม้เธอจะดิ้นจนหลุดไปได้ แต่ก็ไม่มีทางที่จะหนีหลี่เทียนพ้นแน่ในวันนี้ เพราะยังมีบอดีการ์ดร่างใหญ่อีกห้าคนติดตามเขามาด้วย

และตอนนี้นักเรียนและผู้ปกครองต่างก็พากันวิ่งออกจากห้องสอบมามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความงุนงง ส่วนหลิงหยุนก็เดินฝ่าฝูงชนเข้าไปในห้องสอบทันที

“หยุดได้แล้ว!”

ทันทีที่เข้าไปในห้องได้ หลิงหยุนก็สั่งให้หลี่เทียนหยุดการกระทำของตัวเองด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และไม่ดังมากนัก

หลี่เทียนที่ใช้พละกำลังลากฉีเสี่ยวชิงเข้าไปถึงกลางห้อง และพยายามโอบกอดเธออยู่นั้น เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามามุงดูมากมาย ก็ยิ่งแสดงความป่าเถื่อนกักขฬะด้วยการใช้สองแขนโอบกอดร่างของเธอให้แน่นขึ้น

แต่ระหว่างนั้น.. เขากลับได้ยินน้ำเสียงนิ่งเรียบร้องสั่งเขาให้หยุด จึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที และรีบหันหน้าไปมองยังต้นเสียงพร้อมกับถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“นี่.. แกสั่งให้ใครหยุด?”

หลี่เทียนมองหลิงหยุนด้วยสายตาเหยียดหยันปนรำคาน!

“ฉันสั่งให้แกหยุด แล้วก็ปล่อยเธอได้แล้ว!” ริมฝีปากของหลิงหยุนเหยียดออกเป็นรอยยิ้มสดใส

“ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า..”

หลี่เทียนเอาแต่หัวเราะราวกับได้ฟังเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก แล้วจึงยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับตะโกนออกไปว่า

“นี่ไอ้หนู!  แกคงอยากทำตัวเป็นพระเอกมาช่วยสาวสวยสินะ! ฉันขอเตือนแกไว้ก่อน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าได้เข้ามาแส่ หรือยุ่งเรื่องของฉันจะดีกว่า!”

ในเวลานั้นเอง เสี่ยวเม่ยหนิง ถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ ก็ฝ่าฝูงชนเข้าไปในห้องด้วยเช่นกัน หลี่เทียนเห็นเสี่ยวเม่ยหนิงที่เดินตามหลิงหยุนเข้ามา ก็ถึงกับหยุดมองและหันไปมองฉีเสี่ยวชิงพร้อมกับคิดในใจว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีของเขาเสียนี่กระไร จึงได้พานพบหญิงสาวหน้าตาสะสวยถึงสองคนพร้อมๆกัน!

“ฉันว่าแกไปเห่าที่อื่นจะดีกว่า..!”

ถังเมิ่งได้ยินหลี่เทียนพูดเรียกหลิงหยุนว่าไอ้หนูก็ถึงกับทนไม่ได้ จึงร้องตะโกนสวนขึ้นทันทีพร้อมกับพุ่งออกไปยืนด้านหน้า

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง บอดี้การ์ดร่างใหญ่ทั้งห้าคนก็พุ่งมายืนขวางหน้าหลี่เทียนไว้โดยที่เขาไม่ต้องออกคำสั่งเลยด้วยซ้ำ พวกมันยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

หลี่เทียนคิดว่าหลิงหยุนคงจะต้องหวาดกลัวอย่างมาก เขาจึงยิ้มและตะโกนออกไปว่า “เป็นไงล่ะ? แกคงเคยได้ยินชื่อพี่เก้าสินะ? น้อยคนในจิงฉูที่จะไม่รู้จักเขา!”

“มันเป็นใครกัน?” หลิงหยุนถามยิ้มๆ

“เจ้างั่งเอ๊ย! เขาก็คือพี่ชายฉันเอง!” หลี่เทียนร้องบอกพร้อมกับยกนิ้วโป้งชี้เข้าที่ปลายจมูกของตนเอง

“อ่อ.. ที่แท้ก็เป็นพี่ชายของแกนี่เอง! แต่ว่า.. ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยจริงๆ!” หลิงหยุนจงใจเน้นเสียงที่ประโยคแรก แต่กลับพูดประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมยไม่แยแส

หลังจากพูดจบ หลิงหยุนก็ก้าวเท้าเข้าไปข้างหน้าแล้วสั่งหลี่เทียนอีกครั้งว่า “ปล่อยเธอไปซะ! ฉันจะให้เวลาแกสิบวินาที และหลังจากนั้นฉันก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแกบ้าง?”

“นี่.. ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นใครมาจากใหน? แต่ในเมื่อแกกล้าทำลายอารมณ์ดีๆของฉัน ฉันก็จะกระทืบแกกับเพื่อนๆให้ตายคาตีนเลย พวกแกเข้ามาพร้อมๆกันได้เลย!”

หลังจากพูดจบ.. หลี่เทียนก็ไม่สนใจหลิงหยุนอีก และหันไปหาฉีเสี่ยวชิงที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนต่อพร้อมกับร้องสั่งบอดี้การ์ดทั้งห้าคน

“จัดการพวกมัน..”

สิ้นเสียงสั่งการ บอดี้การ์ดร่างใหญ่ทั้งห้าคนที่พุ่งเข้าไปหาหลิงหยุน ก็ถูกตี้เสี่ยวอู๋จัดการจนลงไปนอนกลิ้งกับพื้นพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด!

หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน.. เขายิ้มเย้ยหลี่เทียนที่หันกลับมามองด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง และเริ่มเปลี่ยนเป็นซีดเผือดด้วยความกลัว

“ดูสิ! พวกมันไม่เชื่อฟังคำสั่งของแกเลย ตอนนี้ลูกน้องแกลงไปนอนกองกับพื้นหมดแล้ว..”

หลิงหยุนพูดยิ้มๆพร้อมกับสั่งว่า “จะปล่อยเธอได้หรือยัง?”

หลี่เทียนเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็รีบปล่อยฉีเสี่ยวชิงทันที และเมื่อได้รับอิสระ เธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาหลิงหยุนทันที

“แก.. นี่แกกล้ามีเรื่องกับฉันเหรอ?” หลี่เทียนร้องโวยวายเสียงดัง

หลิงหยุนตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “กล้าสิ! แล้วแกล่ะ.. กล้ามีเรื่องกับฉันมั๊ย?”

ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะพูดจบดี ตี้เสี่ยวอู๋ก็เตะบอดี้การ์ดสองคนที่กลิ้งอยู่กับพื้น และยกขาข้างหนึ่งเหยียบไว้

หลี่เทียนถึงกับหวาดกลัว และผงะถอยหลังทันที ก่อนจะร้องถามด้วยใบหน้าซีดเซียวปากสั่น

“แก.. แกรู้มั๊ยว่าฉันเป็นใคร?”

หลิงหยุนตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นายเพิ่งบอกฉันเมื่อครู่ว่าชื่อหลี่เทียน แล้วก็เป็นน้องของพี่เก้า..”

หลี่เทียนรีบระล่ำระลักพูดต่อทันที “ฉันจะบอกอะไรให้.. พ่อของฉันคือ..”

เพียะ! เสียงตบหน้าดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง

“โอ๊ย!”

หลี่เทียนกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และรีบยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตนเองทันที เขารู้สึกว่าภายในปากเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ข้างใน จึงรีบอ้าปากถ่มออกมาดู แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามันคือกองเลือดที่มีฟันหลุดติดออกมาด้วยสองสามซี่

“ฉันไม่สนใจว่าพ่อของแกจะเป็นใคร? เพราะต่อให้พ่อของนายเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ ฉันก็จะจัดการกับแก!”

“ตบมัน!”

ทันทีที่หลิงหยุนร้องสั่ง ถังเมิ่งเองก็ไม่รอช้ารีบตรงเข้าจัดการกับหลี่เทียนทันที!

“โอ๊ย!”

เสียงหลี่เทียนกรีดร้องออกมาเมื่อถูกถังเมิ่งเตะเข้าที่หน้าอก  แม้ว่าถังเมิ่งจะไม่มีวรยุทธ แต่เข้าก็เป็นเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่และแข็งแรง  อีกทั้งยังเตะเข้าไปจนสุดกำลัง หลี่เทียนจึงถึงกับเซถอยหลังไปชนกับโต๊ะเรียน และล้มลงไปกองกับพื้นทันที

“ถ้าพี่หยุนพูดว่าจะจัดการกับแก! ต่อให้เป็นเซียนที่ใหนก็ช่วยอะไรแกไม่ได้!”

ถังเมิ่งเดินตรงเข้าไปหาร่างของหลี่เทียน จากนั้นจึงย่อตัวลง และยกมือขึ้นตบหน้าเขาไปอีกหลายฉาดจนเกิดเสียงดังสนั่นราวกับจุดปะทัด จากนั้นตี้เสี่ยวอู๋ก็ตามเข้าไปช่วยอีกแรง

หลี่เทียนไม่สามารถหนีไปหลบซ่อนที่ใหนได้ เขาทำได้เพียงแค่ห่อตัวลงกับพื้นและเอามือกุมศรีษะของตัวเองไว้

แต่ถังเมิ่งยังไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เขาใช้เท้าเตะเข้าไปที่ร่างของหลี่เทียนไม่ยั้งจนแทบหมดแรง

“เสี่ยวอู๋.. นายบ้าง ฉันเหนื่อยแล้ว!”

“ได้โปรดอย่าทำอะไรฉันเลย.. ฉันยอมแล้ว! ฉันผิดไปแล้ว! ฉันขอโทษ! ต่อไปฉันไม่กล้าทำแบบนี้อีกแล้ว..”

หลี่เทียนหน้าบวมช้ำและปูดไปทั้งปาก ตอนนี้รอบตาของเขาเขียวคล้ำไม่ต่างจากหมีแพนด้า มือทั้งสองข้างยังคงกุมศรีษะไว้ในขณะที่ปากก็อ้อนวอนร้องขอความเมตตา

“แกขอโทษใครกัน?” หลิงหยุนจับบ่าหนิงน้อยพร้อมกับร้องถามหลี่เทียน

“ขอโทษคุณ..”

“ไร้สาระ! แกต้องขอโทษเพื่อนของแกโน่น..”

หลิงหยุนหันไปมองฉีเสี่ยวชิงที่สั่นเทิ้มไปทั้งตัว และแววตาก็เต็มไปด้วยความกลัวและหวาดผวา

“ขอบคุณ.. ขอบคุณมากค่ะ.. แต่ฉัน.. ฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากเขา..” ฉีเสี่ยวชิงตอบเสียงสั่น

หลิงหยุนมองฉีเสี่ยวชิงพร้อมกับถามด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอ่อนโยน “เพราะอะไรคุณถึงไม่ต้องการให้มันขอโทษ?”

ฉีเสี่ยวชิงได้แต่ก้มหน้ามองพื้น พร้อมกับส่ายหัว และไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

แทบไม่ต้องถาม.. ดูก็รู้ว่าเธอหวาดกลัวว่าหลี่เทียนจะมาแก้แค้นคืน!

หลิงหยุนเห็นแล้วก็ยิ่งโมโห! ความกร่างและเหิมเกริมของหลี่เทียนในวันนี้ ทำให้หลิงหยุนอดนึกถึงกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินไม่ได้ และยิ่งนึกถึงเด็กชั่วร้ายสองคนนี้เขาก็ยิ่งโกรธจนถึงกับต้องระเบิดออกมา

“คนแซ่หลี่!  แกจะยอมขอโทษเพื่อนของแกมั๊ย? หรือจะต้องให้ฉันจัดการกับแกก่อน?”

หลี่เทียนไม่กล้าขัดขืนหรืออิดออดแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้บอดี้การ์ดทั้งห้าคนของเขาก็นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นและยังไม่สามารถลุกขึ้นได้แม้แต่คนเดียว เขาจึงรีบตอบกลับไปอย่างไม่รีรอ..

“ได้ๆ ฉันยอมขอโทษ..”

“ฉีเสี่ยวชิง.. ผมขอโทษ! ผมผิดไปแล้ว.. คุณช่วยบอกพวกเขาให้ปล่อยผมไปเถอะนะ!”

ถังเมิ่งที่เพิ่งเตะหลี่เทียนไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งร้องตะโกนสวนขึ้นมาทันที “นี่เรียกว่าการขอโทษแล้วเหรอ? คุกเข่าขอโทษเธอ!”

“ห๊ะ?!”

เมื่อหลี่เทียนได้ยินถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ในชีวิตของเขานั้น นอกจากคุกเข่าให้กับพ่อแม่แล้ว เขาก็ไม่เคยคุกเข่าให้คนอื่นเลย..

“ยังรออะไรอีก?  ทำไม่ยังไม่รีบทำ?” ถังเมิ่งร้องสั่งพร้อมกับเตะหลี่เทียนเข้าไปอีกสองทีอย่างแรง

อย่าว่าแต่เด็กหนุ่มนี่เลย ตอนนี้แม้แต่ทั่วทั้งเจียงหนานก็ยังหาใครต่อกรกับหลิงหยุน ถังเมิ่ง และตี้เสี่ยวอู๋ได้ยาก

แม้กระทั่งสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรงเรียนมัธยมจิงฉูก็ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุน  จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวเลย

หลี่เทียนถูกถังเมิ่งเตะเข้าไปอีกสองครั้ง ก็ถึงกับเจ็บปวดจนทนไม่ได้ และรีบคุกเข่าขอโทษฉีเสี่ยวชิงทันที

ถังเมิ่งรอจนหลี่เทียนคุกเข่าขอโทษเสร็จจึงพูดยิ้มๆ “ถ้าให้ฉันเดาความคิดของแกในตอนนี้.. ฉันว่าแกคงกำลังคิดที่จะแก้แค้นพวกเราสามคนคืน  แต่ก็ไม่รู้ชื่อแซ่ของพวกเราสินะ.. ใช่มั๊ย?”

“เอ่อ..” หลี่เทียนกำลังจะอ้าปากตอบ แต่ถังเมิ่งก็พูดสวนขึ้นมาก่อน

“แกไม่จำเป็นต้องพูด.. เพราะฉันจะไม่เชื่อคำพูดของแก!”

“ฉันจะบอกให้เอาบุญ.. พวกเราสามคนมาจากโรงเรียนมัธยมจิงฉู ถ้าแกอยากจะแก้แค้นคืน ก็ไปที่โรงเรียนถามหาคนชื่อถังเมิ่ง แล้วจัดการกับมันได้เลย!”

“ส่วนเพื่อนนักเรียนหญิงของแกคนนี้ ถ้าแกยังกล้ารังแกหรือเกาะแกะเธออีกล่ะก็ รับรองว่าฉันจะจัดการกับแกยิ่งกว่านี้แน่!”

“ลุกขึ้น! แล้วก็รีบๆพาลูกน้องของแกกลับไปได้แล้ว!”

ระหว่างที่พูดกับหลี่เทียนนั้น ถังเมิ่งก็ไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นตบหน้าเขาอย่างแรงอีกสองครั้ง แม้ว่าจะไม่หนักมาก แต่ก็ทำให้หลี่เทียนได้รับความอัปยศอดสูอย่างที่สุด

เมื่อหลี่เทียนเห็นว่ามีโอกาสได้เป็นอิสระแล้ว เขาก็ไม่สนใจบอดี้การ์ดทั้งห้าคนอีกเลย และรีบวิ่งหนีออกจากห้องสอบทันที

เสี่ยวเม่ยหนิงเป็นเด็กสาวจิตใจดีงาม เธอจับมือของฉีเสี่ยวชิงไว้พร้อมกับปลอบปะโลมอย่างอ่อนโยน

“นี่.. ไม่ต้องกลัวไปนะ! ถ้าหมอนั่นกล้ามารังแกเธออีก ก็รีบบอกพวกเราทันที  แล้วพวกเราจะจัดการกับมันให้เอง จะเอาให้มันกินอะไรไม่ได้ไปหลายวันเลยล่ะ!”

“แต่.. แต่ที่บ้านเขามีอิทธิพลมากเลย..” ฉีเสี่ยวชิงร้องบอกทุกคนด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย

หลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้มและพูดขึ้นว่า “เสี่ยวอู๋.. นายทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้เธอด้วย  และระหว่างสอบเอนทรานซ์สองสามวันนี้ ก็ส่งพี่น้องของเรามาคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเธอด้วย”

คำพูดของหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากประกาศอันศักดิ์สิทธิ์ ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้ารับคำสั่งทันที

“ถังเมิ่ง.. นายให้คนไปสืบมาว่าหลี่เทียนคนนี้มันเป็นใคร? กลางวันแสกๆยังกล้ายะโสโอหังขนาดนี้ นี่มันมากเกินไปแล้ว..!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็ไม่สนใจผู้คนที่มุงดูด้วยความตกตะลึง เขาเดินไปดูโต๊ะที่นั่งสอบของตัวเอง และพบว่าโต๊ะของเขานั้นอยู่ตรงกลางห้องพอดี..