127 ภัตตาคารอํามฤต

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 127 ภัตตาคารอํามฤต

 

ในห้องของเย่หยู

 

หลังจากที่แขวนรูปเสร็จ เย่หยูก็หันไปพูดกับเนียเสี่ยวเฉียน

 

“เอาเอาร่างของเธอไปอยู่ในภาพวาดได้ไหม?”

 

“เอิ่ม ไร้ภาพวาด ข้าคงเป็นผีเร่ร่อน และหายไปในไม่ช้า”

 

“งั้นทําไมปีศาจชุดแดงต้องการอยากจะให้ตัวเองผูกติดกับสิ่งของหละ?”

 

เย่หยูถามด้วยความสงสัย

 

เนียเสี่ยวเฉียนวิเคราะห์สักครู่ เธอขมวดคิ้วแล้วพูด

 

” บางทีที่ที่ฉันอยู่อาจจะแตกต่างเล็กน้อย”

 

ไอเท็มที่แข็งแกร่งผูกติดกันมากเท่าไหร่ ไอเท็มก็จะแข็งแกร่งมากเท่านั้น

 

“งั้น ก็เอาออกมาโชว์สิ”

 

เนียเสี่ยวเฉียนไม่ได้ผูกติดอยู่กับกระดาษภาพวาด

 

ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมเธอถึงอ่อนแอตอนนี้

 

เมื่อเห็นท้องฟ้าเริ่มมืด ร่างของเนียเสี่ยวเฉียนก็หายไปขณะกลับเข้าไปในภาพวาด

 

“คุณชาย ข้าจะไม่รบกวนการพักผ่อนของท่านแล้ว” 

 

เย่หยูที่อยู่บนเตียง กําลังคิดว่าเขายังมีสิทธิจับล็อตเตอร์รี่ถึงสองครั้ง

 

ทันใดนั้นเขาก็คิดออก

 

” ระบบ เริ่มจับล็อตเตอร์รี่”

 

ติ้ด!

 

” จํานวนการจับของล็อตเตอร์รี่มีมากกว่าหนึ่ง คุณต้องการเริ่มการจับรวมกันหรือไม่?”

 

.รวม!”

 

“ติ้ด! โฮสถูกตรวจพบว่ามีสมบัตินั้นก็คือมุกกระหายเลือด คุณต้องการอยากจะให้เป็นรางวัลของล็อตเตอร์หรือไม่?”

 

ทิศทางล็อตเตอร์รี่?

 

ใจของเย่หยูเต้นรัวและเขาก็จับได้ล็อตเตอร์รี่สุดพิเศษ

 

“ระบบ อธิบายให้ฉันฟังหน่อยว่าเป้าหมายของจับล็อตเตอร์รี่คืออะไร!”

 

“ทิศทางล็อตเตอร์รี่: การได้รับรางวัลประเภทเดียวกับสมบัติที่ถูกเสนอเป็นของขวัญหมายเหตุ

 

เมื่อเทียบกับสมบัติที่เกี่ยวกับการบูชายัญ รางวัลก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น!”

 

เย่หยูเบิกตาขึ้น นั้นมันเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรอ?

 

“ระบบ เสนอให้เป็นมุกกระหายโลหิต

 

เปิดทิศทางของล็อตเตอร์รี่!”

 

ในความคิด

 

กงล้อหมุนอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มหมุนช้าลง

 

“ติ้ด! ขอแสดงความยินดีกับโฮสที่จับได้มุกแห่งวิญญาณ!”

 

ลูกแก้วสีเขียวปรากฏอยู่บนฝ่าบนเย่หยู

 

ลูกแก้วช่างกลมอย่างสมบูรณ์แบบและส่งแสงคละหมอกสีน้ำเงิน

 

เมื่อตรวจสอบใกล้ๆ แสงสีเขียวที่อยู่ข้างในมุกดูช่างน่ากลัว

 

บางทีมันอาจจะเป็นคล้ายกับศาลาจริงๆ เป็นที่พักที่ทั้งเงียบและสงบและบางที่อาจจะเป็น

 

คล้ายๆกับเสียงของน้ำที่ไหลริน นี่มันเป็นสวรรค์และภูเขาสําหรับผู้เป็นอมตะ

 

“เอิ่ม? คุณชาย สมบัตินี้คืออะไร?”

 

ด้วยความไม่รู้

 

ร่างของเนียเสี่ยวเฉียนก็ปรากฏยืนอยู่ข้างๆเย่หยู จ้องไปยังมุกวิญญาณบนฝ่ามือเย่หยู

 

“ระบบ มุกวิญญาณใช้ยังไง?”

 

เย่หยูใจเต้นขณะถามระบบอยู่ในใจ

 

“ลูกแก้ววิญญาณ: สามารถขมขู่ความคิดได้ วิญญาณจะกลืนกินจนกลายเป็นสมบัติของปีศาจ!”

 

เย่หยูถือมุกวิญญาณในมือและพูดกับเนียเสี่ยวเฉียนว่า 

 

“นี่คือมุกวิญาณ สมบัติของปีศาจ เธอคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเธอได้ไหม? ”

 

เนียเสี่ยวเฉียนจองมุกวิญญาณสักพักก่อนจะพูดอย่างประหลาดใจว่า

 

“แน่นอน มันมีประโยชน์! สําหรับผีอย่างพวกเรา มุกวิญญาณเป็นของดีที่หายาก!”

 

เมื่อมองไปยังมุกวิญญาณเป็นเวลาสักพัก

 

เนียเสี่ยวเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงน้อยๆของเธอ

 

“หากข้าได้ครอบครองมุกนี้ ข้าจะกําจัดอื้ฉวนและผีชุดแดงโดยที่ไม่ต้องให้คุณนายอันสูงส่งต้องทําอะไรเลย!” 

 

เย่หยูเลิกคิ้วและโยนลูกแก้ววิญญาณให้กับเนียเสี่ยวเฉียน

 

“จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ฉันจะมอบมุกนี้ให้กับเธอ!”

 

เมื่อเห็นลูกแก้ววิญญาณที่ลอยอยู่บนอากาศ

 

เนียเสี่ยวเฉียนก็รีบไปหยิบมาทันที และเลื่อนมองไปยังเย่หยู พูดด้วยน้ำเสียงต่อว่าว่า

 

“คุณชาย! รักษามันดีๆด้วย! จะเกิดอะไรขึ้นหากมันแตกขึ้นมา!”

 

เย่หยูมองเนียเสี่ยวเฉียนที่กําลังกลัว เขายิ้มแล้วพูดกับเธอว่า

 

“เสี่ยวเฉียน เธอคิดว่าจะสามรถครอบครองมุกวิญญาณได้หรือไม่?”

 

เนียเสี่ยวเฉียนยกมือขี้ตนเองและถามอย่างอย่างประหลาดใจ

 

“คุณชาย คุณชายจะมอบมุกนี้ให้กับข้าจริงๆหรือ?”

 

“แน่นอน เธอไม่ได้พูดหรอว่าตราบใดที่ได้ครอบครองไอเท็มที่มีอนุภาพมากเท่าไหร่

 

ความสามารถก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้นไม่ใช่หรอ?”

 

เนียเสี่ยวเฉียนพยักหน้า

 

“ใช่ แต่มุกวิญญาณนี่มันมีค่ามากเกินไป ข้าเกรงว่า…” 

 

เย่หยูยกมือขึ้นห้ามเนียเสี่ยวเฉียน

 

“เธอจะกลัวอะไร? พลังที่เธอมีมากพอที่จะปกป้องฉันหรอ?

 

เมื่อเนียเสี่ยวเฉียนได้ยิน เธอก็เบิกตากว้าง

 

แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

 

“แม้วิญญาณข้าจะแตกสลาย ข้าก็จะต้องปกป้องคุณชายจากอันตรายให้ได้!”

 

เย่หยูยิ้มบางๆ

 

” พอเถอะ รีบหลอมเข้ากับมุกวิญญาณได้ละ ”

 

ใบหน้าของเธอพลันสดใส

 

“ค่ะ ข้าจะหลอมเข้ากับลูกแก้วตอนนี้แล้ว”

 

ด้วยสิ่งนี้ เนียเสี่ยวเฉียนอ้าปากแล้วกลืนมุกกัดกินวิญญาณลงไป

 

จากนั้นเธอก็พูดกับเย่หว่า

 

“คุณชาย ข้ายังคงต้องใช้เวลาหลอมเข้ากับมุกนี่”

 

“เอาหละ ฉันหวังว่าเธอจะสามารถไปถึงขอบเขตอะไรที่เธอต้องการนะหลังจากที่หลอมเข้ากับมุกวิญญาณแล้ว”

 

ในตอนเช้าตรู่ เย่หยูลืมตา

 

สิ่งแรกที่เขาเห็นคือภาพวาดที่แขวนอยู่บนฝาผนัง

 

เมื่อเทียบกับความคล่องแคล่วของหญิงสาวก่อนหน้านั้น ภาพวาดของหญิงสาวตอนนี้ที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นเหมือนกับของมีค่า

 

เย่หยุูรู้เหตุผลว่าทําไมเนียเสียวเฉียนถึงมุ่งที่จะหลอมรวมกับมุกวิญญาณ

 

โดยที่ไม่สนใจคนอื่น

 

เย่หยูเหยียดตัวอย่างเกียจคร้านแล้วเปิดหน้าต่างเพื่อเป็นการเริ่มวันใหม่แห่งการขโมย

 

อาณาจักรเหลียงอันยิ่งใหญ่ ณ พระราชวังอิมพีเรียล 

 

จักรพรรดิผู้สูงวัยนั่งตัวตรงอยู่บนบัลลังก์มังกรที่กําลังมอง เจ้าหน้าที่ที่กําลังคุกเข่าต่อหน้าเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า

 

“เจ้าหน้าที่ที่รัก โปรดลุกขึ้นเถิด”

 

เจ้าหน้าที่ทุกคนในท้องพระโรงต่างลุกขึ้นและโค้งคํานับ

 

” หากมีอะไรไปทําก็ไปทําก่อน หาไม่มีอะไรจะพูดก็ออกไปจากราชสํานักซะ!”

 

คนรับใช้ที่มีใบหน้าซีดเผือดเหมือนหัวผักกาดยืนอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดิผู้สูงวัยและพูดด้วยด้วยน้ําเสียงแหลมขณะมองไปยังรัฐมนตรี

 

หลังจากเกิดความโกลาหล

 

หัวหน้าพระราชสํานักก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยความเคารพ

 

“รายงานฝ่าบาท ข้าน้อบผู้ต่ำต้อยมีบางต้องไปทําพะยะค่ะ

 

จักรพรรดิผู้สูงวัยเบิกตามองและพูด

 

“พูด!”

 

ชายชราลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะยอมเปิดปากพูด

 

“ฝ่าบาท พวกเราเจอทรัพย์สมบัติอันศักดิ์สิทธิ์”

 

จักรพรรดิหายใจแรงถี่ทันที

 

ร่างกายของเขาเอนไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติและถามด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

 

” มันอยู่ที่ไหน?! เอามันมาเร็วเขา!”

 

เตกเตกเตก…

 

เสียงของฝีเท้าดังมาแต่ไกล

 

ปัง!

 

ทหารในชุดเกราะคุกเข่าของเขาข้างหนึ่งกําลังถือม้วน หนังสือผ้ากระสอบด้วยสองมือ

 

“ฝ่าบาท เนื้อเรื่องอันศักดิ์สิทธิ์อยู่นี่แล้วพะเจ้าคะ!”

 

จักรพรรดิจ้องไปยังหนังสือที่ทหารผู้นั้นถืออยู่

 

แล้วโบกมือส่งสัญญาณให้ผู้รับใช้

 

“ไปเอามา เร็วเข้า!”

 

ผู้รับใช้วิ่งเยาะไปข้างทหารและนําหนังสือไปวางไว้ที่โต๊ะของจักรพรรดิด้วยมือทั้งสอง

 

เขาใช้ฝ่ามือที่เหี่ยวย่นกางหนังสือออกอย่างช้าๆ

 

“มีข่าวลือว่ามันมีวิธีลับในการนฤมิตภัตตาคารอมตะที่ถูกบันทึกไว้ในชะตาแห่งสวรรค์” มันสามารถทําให้คนตายเป็นอมตะได้!”

 

ใจของจักรพรรดินึกย้อนไปถึงบันทึกลับของราชวงศ์

 

ดวงตาของเขามืดมนจนกลายเป็นความโลภขณะที่จ้องมองหนังสือผ้าใบที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

 

จักรพรรดิถอนหายใจเฮือกใหญ่ ราวกับว่าจะเป่าลมออกมาจากอกทั้งหมดได้

 

“ติดต่อไปยังช่างฝีมือทั้งหลาย เกี่ยวกับการสร้างภัตตาคารอมตะ!”

 

ตามคําสั่งของจักรพรรดิ ประชาชนมากมายต่างก็เริ่มทํางานกันอย่างรวดเร็วเหมือนกับเครื่องจักรขนาดใหญ่

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปหลายเดือนของการก่อสร้าง

 

หอฝึกตนอมตะสูงไปถึงสามพันจางสูงจนเกือบถึงเมฆสูง ตระง่านอย่างยิ่งใหญ่

 

หลังจากผ่านไปสองสามวัน

 

จักรพรรดิสูงวัยก็ไม่สามารถทนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

 

จักรพรรดิคนใหม่ได้สําเร็จราชการแทนและดําเนินตามราชประสงค์โดยการฝังพระศพไว้ยังชั้นบนสุดของหออมตะ ในขณะที่หนังสือชะตาแห่งสวรรค์วางไว้บนร่างของจักร พรรดิ

 

เจ็ดวันต่อมา

 

จักรพรรดิองค์ใหม่กําลังนําคณะเจ้าหน้าที่กลับมาต้อนรับพระศพ

 

อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนมาถึงชั้นบนสุดของตึก พวกเขาก็แสงดท่าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก

 

“มีบางคนเข้ามา!”

 

ด้วยคําสั่งของจักรพรรดิองค์ใหม่ ทหารที่ดูแลหอคอยอมตะคุกเข่าลงบนพื้นแล้วรอรับคําสั่ง

 

ดวงตาของจักรพรรดิองค์ใหม่ราวกับดวงตาเสือที่เปิดกว้างขณะมองผู้ที่หมอบอยู่และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า

 

“ไม่กี่วันที่ผ่านมามีใครขึ้นหอคอยบ้างหรือไม่?”

 

ทหารมองหน้ากันสักพักก่อนที่จะตอบกลับด้วยความเคารพ

 

“รายงานฝ่าบาท พวกเราไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา สักช่วงเวลา พวกเราไม่พบใครปีนบันไดขึ้นมาเลยพะยะค่ะ!”

 

จักรพรรดิองค์ใหม่สูดหายใจเข้าลีกและโบกมือให้สัญญาณหลังจากนั้นสักพัก

 

“ลงไป”

 

จักรพรรดิองค์ใหม่รู้สึกประหลาดใจ

 

” ทําไมเทคนิคศิลปะการเปิดแห่งสวรรค์บนหน้าอกของ ท่านพ่อถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย? เป็นไปได้ไหมที่จะมีเทพเซียนอยู่บนโลกนี้จริงๆ?!”

 

เย่หยูหดแขนขวาอออกมาจากอุโมงค์แล้วหยิบไอเท็มที่เขาเพิ่งจะหยิบมาวางไว้บนโต๊ะ

 

“มันคือหนังสือ?”

 

ผ้าแพรที่ถูกพับอย่างประณีต เขาเห็นลายมือและลวดลายผ้าไหมอย่างเบาบาง

 

เย่หยูเปิดหนังสือดูและมองไปยังตัวหนังสือที่ถูกเขียนไว้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

“ติด! ขอแสดงความยินดีกับโฮสที่ขโมยได้สําเร็จรางวัล 80 คะแนน!”

 

“ติด! ขอแสดงความยินดีกับโฮสที่ขโมยหนังสือศิลปะการเปิดแห่งสวรรค์

 

คุณต้องการจะสกัดวิญญาณหรือไม่?”

 

“สกัด!”

 

หนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะก็กลายเป็นฝุ่นและหายไปทันที เหลือไว้เพียงทองคําเปลวบนโต๊ะ

 

“ติ๊ด! ขอแสดงความยินดีกับโฮสที่ได้รับไอเท็มใหม่

 

ผู้ดูแลการสร้างภัตตาคารอํามฤต!”