ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 338 วิธีการรูปแบบใหม่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

อาหู่มองดูบ่อน้ำพุวิเศษสีฟ้านั้นด้วยความสงสัยใคร่รู้ ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าขึ้นมองฟ้าดินโดยรอบ

ชายหนุ่มสัมผัสการโคจรพลังปราณระหว่างฟ้าและดิน แล้วยื่นมือออกไปใช้ปราณจิตราดึงน้ำพุสีฟ้าสายหนึ่งมาไว้ที่กลางฝ่ามือ จากนั้นค่อยสัมผัสและทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วน

หลังจากนั้นเนิ่นนาน เยี่ยนจ้าวเกอค่อยกระซิบกระซาบรำพันว่า “จังหวะยังคงไม่เหมาะสมเต็มที่ จำเป็นต้องให้ที่แห่งนี้สั่งสมพลังชีวิตอีกสักหน่อยถึงจะใช้ได้”

สิ้นเสียงพูด เยี่ยนจ้าวเกอก็มองไปรอบๆ จากนั้นออกแรงที่เท้าอีกครั้ง

คราวนี้เขากระแทกให้หินและดินที่อยู่โดยรอบพังทลายลง กลบฝังตาน้ำพุของบ่อน้ำพุร้อนสีฟ้านั่นลงอีกครั้ง

ดูเหมือนว่าความเปลี่ยนแปลงของดินและหินบนทุ่งหิมะ ยากที่จะเลี่ยงไม่ให้ไม่สะดุดตาอยู่บ้าง

ปราณจิตราทั่วร่างเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนแปลงฉับพลัน กลายเป็นเย็บเยียบจนเสียดกระดูก ปราณจิตราสีขาวโพลนหลายสายประหนึ่งกับมังกรน้ำแข็งหลายตัว กำลังเหินบินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นก็โฉบลงมาบนพื้นแผ่นดินใหญ่ แช่แข็งดินและหินที่ถูกแหวกออกมาก่อนหน้านี้ไว้ดังเดิม

อาหู่อยู่ด้านข้างก็ช่วยหาจุดบกพร่องแล้วแก้ไขเพิ่มเติม จัดฉากสถานที่อีกครั้ง ทำให้ดูไปแล้วที่นี่กลมกลืนไปกับบริเวณโดยรอบ ไม่ถึงกับแตกต่างกันจนเกินไปด้วยเช่นกัน

เมื่อจัดการทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น เยี่ยนจ้าวเกอจึงกล่าวว่า “ไป ไปที่ต่อไปกันก่อน”

เยี่ยนจ้าวเกอเดินนำหน้าไปพลาง เอื้อนเอ่ยไปพลาง “อาหู่ ส่งดาบจตุเพชรฆาตที่ก่อนหน้าข้าฝากเจ้าไว้ออกมา”

อาหู่กระทำตามคำสั่ง หยิบดาบสั้นสี่เล่มที่ยาวไม่เกินหนึ่งฉื่อ ดูแล้วธรรมดาทั่วไปอย่างยิ่งส่งให้เยี่ยนจ้าวเกอ

เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว ก็สามารถค้นพบได้ว่า ดาบสั้นสี่เล่มนี้ ชัดเจนว่ายังไม่ได้ลับคมทั้งสิ้น ปลายดาบนั้นทู่

กระนั้นบนคมดาบกลับเปล่งประกายอยู่ด้วยธารแสงสีแดงก่ำ ประหนึ่งกับเพลิงคุโชนก็ไม่ปาน

ชายหนุ่มรับดาบสั้นสี่เล่มนี้มา โดยใช้ปราณจิตราของตนม้วนเอาไว้ ทำให้ปลายดาบเรียงอกันย่างเป็นระเบียบลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะหยุดอยู่ข้างกายของเขา

ขณะที่ประกายดาบกวัดแกว่ง ก็คล้ายกับมีประกายเพลิงปลิวว่อนอยู่รำไร รวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ กลายเป็นเส้นทางเพลิงลวงตาสายหนึ่ง ยื่นขยายออกไปไกลไม่มีสิ้นสุด

เยี่ยนจ้าวเกอพาอาหู่เดินต่อไปข้างหน้า ตามทิศทางคร่าวๆ ที่เส้นทางเพลิงยื่นขยายออกไป

ภาพเส้นทางเพลิงที่ยื่นขยายออกไปสายนั้นเริ่มคงที่ขึ้นเรื่อยๆ ตามการรุดหน้าของพวกเขา สุดท้ายตรงดิ่งไปยังทิศทางหนึ่ง

เส้นทางเพลิงสายนี้ เด่นสะดุดตาท่ามกลางพายุหิมะอย่างยิ่ง ทว่ามีเพียงเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นผู้ขับเคลื่อนดาบเพชรฆาตสี่เล่มนั้นเท่านั้น ถึงจะสามารถมองเห็นได้

หลังจากไล่ไปตามทิศทางที่เส้นทางเพลิงนำทาง บุกป่าฝ่าดงยาวเหยียดจนไม่เห็นจุดสิ้นสุด ในที่สุดพวกเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสองก็หยุดฝีเท้าลง

ชายหนุ่มมองไปตามเส้นทางเพลิงที่ตกไปบนพื้นหิมะ ก็เห็นว่าเส้นทางเพลิงลวงตาตรงดิ่งลงสู่ใต้ดิน

เขาแหงนหน้าขึ้นสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบครู่หนึ่ง สัมผัสทิศทางการไหลเวียนของพลังปราณที่นี่ หลังจากนั้นพักใหญ่ถึงพึมพำกับตนเองว่า “ที่นี่น่าจะใช้ได้”

ทันใดนั้น เขาพลันตบฝ่ามือลงไปบนพื้นเบาๆ ทำให้ผิวดินสั่นไหวครู่หนึ่ง

ดาบเพชฌฆาตทั้งสี่เล่มที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศหล่นลงมา ปลายดาบสัมผัสกับพื้นผิวดิน

เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือออกไป พาให้ดาบเพชฌฆาตทั้งสี่เล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เสียบเข้าไปภายในพื้นดิน

เวลานี้บนด้ามดาบที่เหลืออยู่ด้านนอกดินมีแสงเพลิงสีแดงผุดขึ้นออกมา ชั่วขณะถัดมา แสงเพลิงสีแดงก่ำจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง

เขาผงกศีรษะ ก่อนจะดึงดาบเพชฌฆาตทั้งสี่เล่มออกมาทีละเล่ม จากนั้นก็นำกระสวยเบิกดินแดนออกมาอีกครั้ง พวกเขาลงไปนั่งพร้อมกัน เพื่อดำดิ่งลงสู่พื้นปฐพีใหญ่เบื้องล่าง

ภายในดินเยือกแข็ง ดูเหมือนว่ากระสวยเบิกดินแดนรุดหน้าได้ไม่ว่องไวขนาดนั้น

หากแต่ไม่นาน เยี่ยนจ้าวเกอที่ขับเคลื่อนกระสวยเบิกดินแดนก็รู้สึกได้ว่าแรงดันด้านหน้าผ่อนเบาลง

กระสวยเบิกดินแดนพุ่งพรวดออกมาจากหินและดิน แม้ว่าโดยรอบจะยังคงมืดสนิท แต่เยี่ยนจ้าวเกอสามารถวินิจฉัยได้ว่า สถานที่ที่ตนอยู่ในขณะนี้ โดยรอบเต็มไปด้วยชั้นน้ำแข็งที่ทั้งหนาและหนักทั้งสิ้น

ที่แห่งนี้มีโพรงน้ำแข็งมหึมาซ่อนอยู่ลึกลงไปใต้ดิน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน

ครั้นทะลุผ่านชั้นน้ำแข็งไปได้ ด้านหน้าพลันว่างเปล่า

อยู่ภายในโพรงน้ำแข็งเช่นนี้ เดิมทีน่าจะเป็นพื้นที่ที่ปิดสนิททั้งหมดอยู่แล้ว ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่กลับหายใจอยู่ในที่แห่งนี้อย่างเป็นธรรมชาติ

สภาพแวดล้อมตรงหน้าสว่างขึ้นมาเล็กน้อย เป็นสีฟ้าทึบทั่วบริเวณ

เยี่ยนจ้าวเกอมองธารแสงสีฟ้าที่รินไหลสงบเงียบราวกับแม่น้ำและธารน้ำแข็งใต้ดินก็ไม่ปาน ใบหน้าพลันเผยให้เห็นรอยยิ้ม “เป็นที่นี่แหละ”

อาหู่เพ่งมองธารแสงสีฟ้าสายนั้นเช่น “คุณชายขอรับ ของสิ่งนี้ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากปราณหิมะน้ำแข็งหลอมรวมกันได้ในระดับสูงนะขอรับ”

“ถูกต้อง ไม่แน่ว่ามหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณจะสามารถรับไหว ดังนั้นเจ้าจำไว้ให้ขึ้นใจ อย่าสัมผัสแม้แต่หยดเดียว เพียงแค่เสี้ยวเดียวก็อย่าให้โดนตัว หาไม่แล้วจะถูกแช่แข็งกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแกะสลักในชั่วพริบตา เลือดเนื้อจะเย็นจนกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

ชายร่างใหญ่ผงกศีรษะ “อยู่ภายในโพรงน้ำแข็งเช่นนี้ กลับไม่รู้สึกความหนาวเหน็บอะไรขนาดนั้น ดังนั้นไอเย็นจึงถูกอัดแน่นอยู่ภายในธารแสงสีฟ้า เพียงแค่แลมองก็ทำให้รู้สึกหวาดผวาแล้ว”

“นี่ก็คือเขตธารน้ำแข็งสุดขอบแดนเหนือ แหล่งกำเนิดของหิมะและน้ำแข็งทั่วบริเวณ สรรสร้างโดยฟ้าดิน เป็นแก่นน้ำแข็งของใยดินใต้พื้นที่แห่งนี้” สีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอเคร่งขรึมอยู่บ้าง “อันที่จริงแล้วที่นี่ยังเป็นเพียงแค่เทือกเขาแยกเท่านั้น”

“ถ้าหากเป็นเทือกเขาหลัก เช่นนั้นแม้แต่จอมยุทธ์ศักดิ์ผู้นั้นก็ล้วนไม่สามารถแตะต้องได้ง่ายๆ ถ้าหากคนหนึ่งคนโถมเข้าไปภายในทั้งตัว เป็นไปได้ว่าอาจจะหนาวตายได้เช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอเอื้อนเอ่ยพลางทอดถอนใจ “ความหนาวเหน็บทั่วทั้งโลกแปดพิภพล้วนไม่เยียบเย็นสู้ที่นี่”

อาหู่หดคอลง “ถ้าอย่างนั้นคุณชาย พวกเรามาทำอะไรที่นี่เล่า?”

“ทดลองอย่างหนึ่ง ถ้าหากทดลองสำเร็จล่ะก็ อาจจะสามารถทำเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งให้ประสบผลสำเร็จก็เป็นได้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

เมื่อได้ยินดังนั้น อาหู่ก็กะพริบตาปริบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์

เยี่ยนจ้าวเกอหยิบวัตถุดิบต่างๆ นานาที่เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมามือเป็นระวิง จัดวางไปพลาง กล่าวพลาง “ในตำราโบราณบันทึกเอาไว้ว่าก่อนเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เคยมีกลุ่มอิทธิพลผู้ยิ่งใหญ่นามว่าตำหนักเซียนหิมะ ภายในนั้นมีบ่อน้ำเกล็ดน้ำแข็งบ่อหนึ่ง มหัศจรรย์อย่างยิ่งยวด”

“แต่หลังจากนั้น บ่อน้ำพุเกล็ดน้ำแข็งบ่อนี้พลันเริ่มแห้งเหือดลงช้าๆ โดยไม่มีเค้าลางมาก่อนแม้แต่น้อย แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หาสาเหตุไม่พบ”

ชายหนุ่มยกมือขึ้น ดาบเพชฌฆาตสีแดงเพลิงทั้งสี่เล่มก็ลอยออกไปตามลำดับ กระจายเสียบไปบนชั้นน้ำแข็งด้านบนทั้งหมดสี่ตำแหน่ง

“สาเหตุของเรื่องนี้ ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่พอมีการคาดคะเนอยู่ในใจอยู่บ้าง” เยี่ยนจ้าวเกอรำพัน “การที่ธรรมชาติสรรสร้างบางสิ่งขึ้นโดยธรรมชาติ แท้จริงแล้วนั่นเป็นหนึ่งเดียวกันโดยที่ไม่อาจแบ่งแยกได้”

“การไหลเวียนของพลังปราณทั่วทั้งโลกใบนี้ ดูเหมือนว่าต่างก็งดำเนินไปตามทาง ก่อเกิดความเปลี่ยนแปลงซ้ำแล้วซ้ำแล้ว หากแต่ถ้ามองจากแง่มุมทั่วทุกส่วนแล้ว ทั้งหมดต่างมีชีพจรเชื่อมถึงกัน สามารถตามถึงกันได้”

“เพียงแต่บางส่วนค่อนข้างแจ่มชัด บางส่วนกลับค่อนข้างหลบซ่อน บางส่วนสามารถพวกเราสัมผัสถึงได้ บางส่วนกลับไม่อาจสัมผัสถึงได้”

เยี่ยนจ้าวเกอใช้วัตถุดิบแต่ละรูปแบบ จัดวางค่ายกลค่ายหนึ่งอยู่ที่นี่อย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกันที่เขากำลังตั้งค่ายกลก็พลางเอ่ยว่า “ระหว่างความหนาวจัดกับร้อนสุดขั้ว ทั้งสองดูเหมือนว่าเป็นขั้วตรงกันข้าม หากแท้จริงแล้วภายใต้สถานการณ์ส่วนหนึ่ง พวกมันกลับผสมผสานกันราวกับหยินหยางก็ไม่ปาน”

“ในปีนั้นไม่มีผู้ใดบุกเข้ามาในตำหนักเซียนหิมะ ด้วยสถานการณ์ปกติ บ่อน้ำพุเทียนซวงของตำหนักเซียนหิมะก็ยังห่างจากเวลาที่พลังชีวิตจะผลาญจนแห้งเหือดหมดไปเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นแล้วสาเหตุอะไรทำให้บ่อน้ำพุแห้งกันเล่า?”

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเร่งจัดการงานในมือเสร็จสิ้น เขาก็นวดขมับตนเองเบาๆ “การคาดคะเนของข้าคือ มีคนใช้วิธีการรูปแบบใหม่ เหนือความคาดหมายของทุกคน เหนือความคาดหมายของตำหนักเซียนหิมะ ใช้วิธีที่ทุกคนคิดไม่ถึง ดูเหมือนว่าแปลกประหลาด แต่ทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ”

อาหู่สดับฟังถึงตรงนี้ ในใจขบคิดอะไรได้บ้าง จึงเย้าแหย่มาว่า “ความหมายของคุณชายคือ มีคนแตะต้องแก่นน้ำแข็งของใยดิน ส่งผลต่อน้ำแข็งคู่ตรงข้ามเพลิง หยินหยางผสมผสานกัน ครั้นแล้วจึงเปลี่ยนแปลงแก่นน้ำแข็งของใยดิน ทำให้บ่อน้ำพุเกล็ดน้ำแข็งของตำหนักเซียนหิมะเหือดแห้งไปตามธรรมชาติใช่หรือไม่?”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “พูดแล้วดูเหมือนยากมาก ภายใต้สถานการณ์ปกติ หากคนผู้นั้นมีฝีมือมากถึงเพียงนี้จริงๆ บุกไปที่ตำหนักเซียนหิมะ ถล่มอีกฝ่ายให้ราบคาบก็ใช้ได้แล้ว แต่คนผู้นี้กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น นั่นอธิบายได้ว่าเขาอาจจะใช้วิธีบางอย่างเล่นแง่ก็เป็นได้ สี่ตำลึงปาดพันชั่งโดยแท้ ครั้นแล้วจึงบรรลุเป้าหมาย”

ชายร่างใหญ่กล่าวด้วยความสงสัย “ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะมีพลังที่แก่กล้าถึงเพียงนั้นไปส่งผลกับใยดินหรือไม่ เขากำหนดได้อย่างไรว่าจะมีเพียงบ่อน้ำพุเกล็ดน้ำแข็งของตำหนักเซียนหิมะเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ ซึ่งแก่นน้ำแข็งของใยดินอื่นกลับไม่มีความเคลื่อนไหว?”

…………………