บทที่ 258 ของขวัญวันเกิด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

วันรุ่งขึ้น คนบ้างานอย่างเฉินหวั่นชิงไม่ได้ไปทำงานอย่างหาดูได้ยาก

ไม่มีเหตุผลอื่น วันนี้เป็นวันเกิดของท่านเฉินชังไห่ ถ้าหลานสาวอย่างเธอไม่ไปออกจะน่าเกลียดไปหน่อย

ความจริง หลายวันมานี้คุณหนูเฉินก็เตรียมพร้อมสำหรับวันนี้เมื่อว่างจากเวลางานอยู่

ดูจากที่เธอยอมทำตามที่ท่านปู่เฉินจดทะเบียนสมรสกับเย่เทียน รู้ได้ไม่ยากว่าเธอเป็นหลานสาวที่กตัญญูจนถึงขั้นตามืดตามัวเชียวล่ะ

และเพราะแบบนี้ แม้ว่าวันนี้เธอไม่ได้ไปที่บริษัท แต่ก็ยังเคาะประตูเย่เทียนอย่างหนักหน่วงตั้งแต่หกโมงเช้า ปลุกเย่เทียนที่ฝึกฝนมาทั้งคืนจนตื่น และโหวกเหวกว่าจะออกจากบ้าน

ประโยคจริงๆของเฉินหวั่นชิงคือ: แม้ว่างานเลี้ยงจะเริ่มตอนเที่ยง แต่ถึงยังไงตัวเอกในวันนี้คือคุณปู่ เธอต้องไปดูความเรียบร้อยก่อน จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด

กับเรื่องนี้ เย่เทียนได้แต่หัวเราะเฝื่อนๆ แล้วยอมอาบน้ำแต่งตัวแต่โดยดีเพื่อขับรถพาเด็กสาวไปยังสถานที่จัดงานในวันนี้ โรงแรมจุนหลิน

จากตอนแรกที่จะจัดงานในคฤหาสน์ตระกูลเฉิน แต่ช่วยไม่ได้ที่ก่อนหน้านี้สองสามวันเฉินหวั่นชิงได้รับลาภลอยจำนวนมหาศาลมา จึงเปลี่ยนสถานที่กะทันหันอย่างใจกว้าง

ยังไงซะถึงคฤหาสน์ตระกูลเฉินจะใหญ่พอ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่คนมาร่วมงานมีแต่คนมีหน้ามีตาฐานะสูงส่ง หากเกิดอะไรขึ้นต้องนำความยุ่งยากมาสู่ตระกูลเฉินเป็นแน่

โรงแรมจุนหลินเป็นหนึ่งในโรงแรมหรูหราแห่งเจียงหนันอันน้อยนิด

ไม่ต้องพูดเรื่องที่ตัวโรงแรมมีข้อดีเยอะแยะมากมายจนเกินจะเปรียบแล้ว สถานที่ตั้งก็ได้เปรียบสุดๆ ห่างจากสถานีตำรวจไม่กี่ถนน

หากเกิดอะไรขึ้นตำรวจมาถึงได้ในเวลาเพียงสิบนาที เทียบกับคฤหาสน์ตระกูลเฉินแล้วปลอดภัยกว่ามาก

หลายวันมานี้เย่เทียนหลงใหลในการฝึกฝน ไม่ค่อยรู้รายละเอียดการเตรียมงานวันเกิดของเฉินชังไห่

แต่จากข่าวอันจำกัดที่เฉินหวั่นชิงเปิดเผยมา งานวันเกิดนี้เธอทุ่มไปเกือบหลักสิบล้าน คิดว่าไม่น่าจะแย่นัก

นี่พอๆกับกำไรหนึ่งฤดูกาลของบริษัทแซ่เฉินเลยล่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเฉินหวั่นชิงไม่ทำอะไรแบบนี้แน่ แต่สองคนก่อนเธอได้กำไรจากตลาดหุ้นหลักพันล้าน จนเธออดมือเติบไม่ได้

เฉินหวั่นชิงในวันนี้แต่งหน้าแต่งตัวมาอย่างดี ผมสีดำขลับของเธอถูกมัดเป็นหางม้าสูง เผยให้เห็นสร้อยคอทับทิมมูลค่าสูง

ชุดทำงานล้าสมัยที่เธอมักจะใส่ก็ถูกแทนที่ด้วยกระโปรงยาวรัดตัวสีดำ เผยให้เห็นทรวดทรงองเอวอรชรเร่าร้อน

รูปโฉมที่งดงามอยู่แล้วของเธอถูกแต่งแต้มสีสัน แม้จะยังเย็นชาเหมือนเดิม แต่ทั้งตัวของเธอมีกลิ่นอายเทพธิดาเหนือมนุษย์แผ่ซ่านอยู่รอบๆ ประหนึ่งเรื่องทางโลกไม่อาจย่างกรายเธอได้ ผู้คนสามารถมองเธอได้จากที่ไกลๆเท่านั้น ไม่อาจเข้าใกล้ได้!

ระหว่างทางเฉินหวั่นชิงไม่คุยกับเย่เทียนเลย แต่คุยโทรศัพท์กับคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง

เห็นเด็กสาวกดเบอร์โทรออกไม่หยุด เย่เทียนไม่พูดแทรกอะไรอย่างรู้งาน เขาตั้งใจขับรถต่อไป

แต่จากหูของเขาที่ตั้งชันแล้ว ก็ยังคงแอบฟังเนื้อหาการคุยของเฉินหวั่นชิงอยู่ตลอด

สรุปก็คือ ก่อนที่รถจะไปจอดหน้าโรงแรมจุนหลิน เย่เทียนทำได้เพียงวิเคราะห์จากคำพูดไม่กี่คำว่าวันนี้เฉินหวั่นชิงจะถือโอกาสวันเกิดขอวเฉินชังไห่ทำอะไรสักอย่าง

ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นเขายังไม่รู้

รถเพิ่งจอดเสร็จ เฉินหวั่นชิงก็วางสายอย่างตรงเวลา ในที่สุดก็หันไปพูดกับเย่เทียนที่ยังไม่ปลดเข็มขัดนิรภัย

“เย่เทียน คุณไม่ต้องตามฉันเข้าไป คุณไปเอาของให้ฉันก่อน แล้วค่อยไปทำผม เปลี่ยนเสื้อผ้า”

“พวกที่อยู่ฉันส่งไปที่มือถือของคุณแล้ว ฉันจะให้เวลาคุณสามชั่วโมง คุณต้องกลับมาก่อนสิบโมง”

พูดจบ ไม่รอให้เย่เทียนตั้งตัว เฉินหวั่นชิงก็เปิดประตูรถและเดินออกไป ก้าวยาวๆไปที่โรงแรมจุนหลิน

เย่เทียนมองร่างบางที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ ตากระตุกเล็กน้อย นึกโมโหในใจ

เมียคนนี้นี่เห็นตัวเองเป็นคนขับรถชัดๆ!

แม้จะพูดเช่นนั้นแต่เย่เทียนก็ไม่ได้เดินลงรถไปด้วย

เดิมทีเขารีบร้อนออกจากบ้านเพราะการเร่งเร้าจากเฉินหวั่นชิง ไม่ได้แต่งตัวอะไรมาก

ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็เป็นงานวันเกิดของท่านปู่เฉินชังไห่ เขาในฐานะหลานเชยจะไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์ก็ได้ แต่ก็ต้องคิดในมุมของตระกูลเฉินและเฉินหวั่นชิงไม่ใช่รึ

คิดได้ดังนั้น เย่เทียนล้วงมือถือออกมาดูที่อยู่ที่เฉินหวั่นชิงส่งมาให้ และทันใดนั้นก็ตากระตุกหนักกว่าเดิม และดูเหมือนว่าจะลามไปทั่วหน้าจนหน้าตาแปลกประหลาด

ไม่มีเหตุผลอื่น เฉินหวั่นชิงส่งที่อยู่มาทั้งหมดสามที่ และอยู่ในสามเขตที่เหลือของเมืองเจียงหนัน สถานการณ์ปกติแค่ขับรถก็ต้องใช้เวลาสองชั่วโมงแล้ว ถ้านับเวลาทำผมด้วยสามชั่วโมงไม่เพียงพอเลยสักนิด!

“อย่าให้ฉันสบโอกาสนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะตีเธอให้ก้นลายเลย”

เวลากระชั้นชิด เย่เทียนได้แต่บ่นอุบอิบอย่างเง้างอนและสตาร์ทรถออกเดินทางอีกครั้ง

ระยะทางประมาณสี่สิบนาที เย่เทียนขับรถมาจอดอยู่หน้าโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง และกดโทรหาเบอร์ที่เฉินหวั่นชิงทิ้งไว้ให้

“ใครน่ะ?” หลังจากรออยู่หลายวิ ในที่สุดก็มีคนรับสายและมีเสียงชราเสียงหนึ่งดังมา ได้ยินเสียงโหวกเหวกอยู่ลางๆด้วย

“สวัสดีครับ หวั่นชิงเป็นคนส่งผมมาหาคุณ บอกว่าให้ผมมาเอาของกับคุณ”

“ตอนนี้นายอยู่หน้าโรงเรียนประถมแล้วใช่มั้ย รอก่อน!”

พูดจบ ไม่รอให้เย่เทียนตั้งสติใดๆก็มีเสียงตู๊ดๆดังมาตามสาย อีกสายตัดสายไปซะแล้ว

“โอ้โห โอหังขนาดนี้เชียว?!”

เย่เทียนเหนื่อยใจ วันนี้มันเรื่องอะไรกันเนี่ย สะอึกติดๆกันมาตลอดเช้า วันนี้เป็นวันชงหรือไง?

ก๊อกๆ

ไม่นานนักก็มีคนเคาะหน้าต่างรถ เย่เทียนกวาดสายตามองไปด้านนอกก็เห็นชายชราตัวเล็กคนหนึ่งถือถุงพลาสติกสีดำในมือ

เย่เทียนเลื่อนหน้าต่างรถลง ไม่รอให้เขาได้ไขความข้องใจ ชายชราตัวเล็กก็โยนถุงพลาสติกสีดำเข้ามาเสียก่อน

“ดูก่อนว่าสภาพเป็นไง”

เย่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาหยิบของในถุงพลาสติกสีดำออกมาด้วยสีหน้าประหลาด เมื่อมองเห็นจนชัดเจนแล้วว่าคืออะไรก็ตาค้างไปในบัดดล

ไม่มีเหตุผลอื่นใด นี่คือเทพซิ่วที่ปั้นด้วยหยกเขียวจักรพรรดิของแท้ขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือ

เทพซิ่วถูกสลักอย่างมีจิตวิญญาณ โฉมหน้าถูกสลักไว้อย่างประณีต แม้แต่คราวขาวที่คางยังเห็นเป็นเส้น

โดยเฉพาะใบหน้ายิ้มแย้มสดใสนั่น ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็รู้สึกเหมือนเทพซิ่วกำลังยิ้มให้ตัวเอง ช่างเป็นรูปปั้นสลักที่หาได้ยากเสียจริง

แม้จะมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น แต่ด้วยวัสดุและฝีมือการสลัก ราคาขั้นต่ำคงอยู่ที่ประมาณยี่สิบล้าน!

เย่เทียนกำลังจะชม “พ่อเฒ่า ท่านเป็นคนสลักรูปปั้นหยกนี้เหรอครับ? นี่…..”

แต่ไม่รอให้เขาพูดจบ ชายชราตัวเล็กก็ขัดจังหวะทันที

“ทำไมรึ อยากเรียนรึ? มาขายปาท่องโก๋กับฉันสักสิบปีก่อน แล้วฉันจะพิจราณาสอนนาย…..”