ตอนที่ 154 จะถือครองโฉนดที่ดินร่วมกันก็ดีทีเดียว / ตอนที่ 155 คุณชายเจียงเหวี่ยงวีน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 154 จะถือครองโฉนดที่ดินร่วมกันก็ดีทีเดียว

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางรีบร้อนเดินออกจากห้องน้ำของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเบาๆ

 

 

           เขาไม่โต้แย้งคำเปรียบเปรยตัวเองที่เจียงมู่เฉินมอบให้ ถึงอย่างไรเมื่อพบเจียงมู่เฉิน ทั้งร่างกายของเขาเอาแต่ร้องเรียกอยากครอบครองเจียงมู่เฉินเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว แม้เส้นผมเส้นเดียวก็ไม่อยากจะปล่อยไป

 

 

           ไม่มีเจียงมู่เฉินอยู่อาบน้ำด้วย ซือเหยี่ยนก็รีบอาบน้ำให้เสร็จไวไวแล้วออกจากห้องน้ำมา ผมเจียงมู่เฉินเปียกชื้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เช็ดอะไร เขานอนฟุบบนเตียงไปเสียแล้ว

 

 

           “กำลังดูอะไรอยู่”

 

 

           เจียงมู่เฉินยกถือแท็บเล็ตไว้ในมือ “เอกสารที่ซังจิ่งเพิ่งจะส่งมาเมื่อกี้ ฉันกำลังอ่านอยู่”

 

 

           ได้ยิน ‘ซังจิ่ง’ สองคนนี้ ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

 

           “เขาได้พูดอะไรหรือเปล่า” ซือเหยี่ยนเผลอถามขึ้น

 

 

           เจียงมู่เฉินจดจ่ออยู่ที่หน้าจอแท็บเล็ต ไม่ได้เห็นความแปลกจากเดิมของซือเหยี่ยน เขาถอนหายใจ “บอกว่าหลินไห่ทางนั้นเริ่มก่อสร้างใหม่ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงระแวกใกล้เคียงที่สำเร็จรูปเรียบร้อย ให้ฉันเข้าไปร่วมพิธีตัดริบบิ้นด้วย”

 

 

           “เคสของหลินไห่ตอนนี้คุณรับช่วงต่อใช่ไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้ารับ “พ่อฉันมอบงานนี้ให้ฉัน ทำได้ไม่ดีเมื่อไหร่ พ่อจะไล่ฉันออกจากบ้าน ไม่ให้ฉันกลับบ้านแล้ว”

 

 

           ซือเหยี่ยนขยี้ผมเจียงมู่เฉินที่เริ่มยาวขึ้นแล้ว “วางใจได้ ผมต้อนรับคุณเสมอ”

 

 

           จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็นึกถึงคฤหาสน์ของซือเหยี่ยนขึ้นมาได้ “ใช่สิ วันนี้ฉันไปหยิบเสื้อผ้าให้นายที่บ้าน นายอยากจะตกแต่งปรับปรุงคฤหาสน์ใหม่จริงๆ เหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้า “อยากเปลี่ยนสไตล์ใหม่”

 

 

           เจียงมู่เฉินก้มหน้าคิดใคร่ครวญ มีความลังเลว่าจะพูดหรือไม่พูดดี เขารู้สึกมาตลอดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ ถ้าพูดออกมา คงจะน่าอายทีเดียว

 

 

           “ซือเหยี่ยน……”

 

 

           เขาไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยปาก

 

 

           ซือเหยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองเขา “เป็นไรไป”

 

 

           “ถ้าไม่งั้นพวกเราเปลี่ยนไปอยู่ที่อื่นกันเถอะ” วันนี้เมื่อตอนที่เขาไปเห็นบ้านซือเหยี่ยนกำลังตกแต่งปรับปรุงอยู่ ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว พิงอยู่ข้างๆ “หมายความว่าไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินวางแท็บเล็ตในมือลงข้างๆ แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “พวกเราซื้อบ้านใหม่ ออกเงินกันคนละครึ่ง ซื้อคอนโดมีเนียมที่อยู่ชั้นสูงๆ หน่อย แล้วมีผนังเป็นกระจกหน้าต่างด้วย”

 

 

           เขาเป็นผู้ชาย ไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของซือเหยี่ยนเป็นระยะเวลานาน ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็มีความรู้สึกอยู่เรื่อยๆ ว่าเป็นที่ๆ ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่

 

 

           ถึงเขาจะไม่ได้เก่งอะไรมากมายเหมือนซือเหยี่ยน แต่เขาเจียงมู่เฉินก็ไม่ได้แย่ ไม่จำเป็นต้องให้ซือเหยี่ยนมาเลี้ยงเขา

 

 

           เขาคือแฟนของซือเหยี่ยน เป็นคนที่ร่วมยืนเคียงบ่าเคียงไหล่เขาได้ ไม่ใช่คนที่คอยพึ่งซือเหยี่ยน เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเขา

 

 

           ซือเหยี่ยนครุ่นคิดสักพัก ก่อนพยักหน้ารับ “ได้ งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปดูกันไหม”

 

 

           “นายเห็นด้วยเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนโน้มตัวเข้าไปงับเขาทีหนึ่ง “ต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว”

 

 

           มีบ้านที่เป็นของเขาและเจียงมู่เฉินเองได้ สำหรับซือเหยี่ยนแล้วไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีก

 

 

           เจียงมู่เฉิยเห็นเขายอมตกลงเร็วขนาดนี้ ก็ยังตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น เขายังคิดว่าซือเหยี่ยนจะไม่เห็นด้วยเสียอีก

 

 

           “ทำไมนายถึงเห็นด้วยกันตรงๆ แบบนี้ล่ะ”

 

 

           แววตาซือเหยี่ยนฉายสะท้อนรอยยิ้มบางๆ “ตอนนี้พวกเรายังถือครองใบทะเบียนสมรสไม่ได้ จะถือครองโฉนดที่ดินร่วมกันก็ดีทีเดียว”

 

 

           เจียงมู่เฉิน “……” ถึงจะพูดแบบนี้มา แต่ฟังแล้วทำไมรู้สึก……อายจังนะ               

 

 

           เขาดึงผ้าห่มข้างๆ มา “นอนๆๆๆ”

 

 

           ‘อืม~คุณชายเจียงเขินอีกแล้ว’

 

 

           ……

 

 

           วันต่อมา ช่วงเช้าทั้งสองคนไปดูบ้านด้วยกัน คอนโดมีเนียมสุดหรูใจกลางเมือง พื้นที่ใช้สอยสองร้อยกว่าตารางเมตร ผนังเป็นกระจกหน้าต่างแบบที่เจียงมู่เฉินชอบที่สุด ข้างในตกแต่งเรียบร้อยแล้ว เป็นสไตล์ที่เจียงมู่เฉินชอบด้วย

 

 

           เจียงมู่เฉินพอใจถึงที่สุด ไม่พูดอะไรให้มากความ จ่ายเงินซื้อทันที

 

 

           ที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินทำเลทอง ราคาแพงที่สุดในถานโจว อยู่ที่นี่มีบางคนที่ทั้งชีวิตแม้แต่ห้องน้ำก็ยังซื้อไม่ได้

 

 

           แต่เจียงมู่เฉินกับซือเหยี่ยนทำเหมือนกับซื้อของเล่นกันไม่มีผิด ท่าทางการจ่ายเงินคล่องแคล่วไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย

 

 

           ถึงอย่างไรทั้งสองคนนี้ก็รวยด้วยกันทั้งคู่ ขนหน้าแข้งไม่ร่วง

 

 

           รูดบัตรจ่ายเงินกันคนละครึ่ง เจียงมู่เฉินพยักหน้าอย่างพอใจ “นี่ก็ใช้ได้แล้ว”

 

 

           ในที่สุดก็ไม่มีความรู้สึกถูกซื่อเหยี่ยนเลี้ยงอีกแล้ว

 

 

           ต่อไปเวลาเอ่ยขึ้นมา ก็ไม่ต้องพูดว่าบ้านซือเหยี่ยนแล้ว แต่เป็นบ้านของพวกเขาแทน บ้านของกันและกัน

 

 

 

 

ตอนที่ 155 คุณชายเจียงเหวี่ยงวีน

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเจียงมู่เฉินขำๆ หัวเราะเล็กน้อย พลางเอ่ยถาม “คุณเจ้าของห้อง ดูเสร็จยังครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้าเชิดๆ “ก็พอได้”

 

 

           ทั้งสองคนเดินออกไป เจียงมู่เฉินเอ่ยถาม “นายคิดจะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่”

 

 

           “สัปดาห์หน้าเป็นไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินคำนวณเวลาดู จะซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่นี่ก็ต้องใช้เวลาสองวัน เวลาสัปดาห์หน้าก็พอได้ เขาพยักหน้ารับตกลง

 

 

           “ได้ งั้นสัปดาห์หน้าก็มาเลย”

 

 

           ออกจากคอนโดมิเนียม เจียงมู่เฉินรีบไปงานตัดริบบิ้นที่หลินไห่ทันที เขาไม่ได้มากับซือเหยี่ยน แต่ขับรถมุ่งหน้าไปหลินไห่เลย

 

 

           เจียงมู่เฉินไปเขตก่อสร้างที่เริ่มทำการก่อสร้างก่อน เข้าควบคุมตรวจดูพื้นที่ทั้งหมดที่จำเป็นต้องซ่อมแซมให้เรียบร้อยใหม่อีกครั้งก่อนหน้านี้ เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าการดำเนินการก่อสร้างครั้งนี้ไม่มีปัญหาอะไร ถึงค่อยไปถึงสถานที่จัดงานตัดริบบิ้น

 

 

           เมื่อเจียงมู่เฉินมาถึงสถานที่จัดงาน ก็รายล้อมไปด้วยผู้คนไม่น้อยทีเดียว สื่อมวลชนกลุ่มใหญ่เฝ้ารออยู่ด้านข้าง เจียงมู่เฉินตะลึงงัน นึกไม่ถึงว่าพิธีตัดริบบิ้นนี้จะมีสื่อเยอะขนาดนี้

 

 

           เขาไม่ได้รู้สึกว่าพิธีตัดริบบิ้นนี้จำเป็นต้องประกาศกันใหญ่โตเกินจริงด้วยซ้ำ

 

 

           เจียงมู่เฉินหาช่องทางที่คนอยู่กันไม่มากนัก แทรกตัวเข้าไปในโรงแรม ซังจิ่งถือแก้วไวน์ยืนอยู่โถงใหญ่ข้างใน เห็นเจียงมู่เฉินก็เดินตรงเข้ามาหาทันที

 

 

           “ผมคิดว่าคุณจะไม่มาแล้วซะอีก”

 

 

           “โครงการนี้ก็เป็นของตระกูลเจียงของฉัน ในฐานะผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลเจียง ก็ควรจะมาร่วมงานเป็นธรรมดา”

 

 

           ซังจิ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จ้องมองเจียงมู่เฉินอยู่นานสองนาน “ผมรู้สึกมาตลอดว่าคุณมีตรงไหนที่ไม่ค่อยเหมือนเดิม”

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “ตรงไหน?”

 

 

           “คุณในตอนนี้ดึงดูดคนได้มากกว่าเมื่อก่อนอีก”

 

 

           หลังจากตั้งแต่คราวก่อน เขาเองก็ไม่ได้มากวนใจคุณชายน้อยคนนี้ไปพักใหญ่ วันนี้ได้มีโอกาสเจอกันอีก ซังจิ่งรู้สึกตัวจริงๆ แล้วว่าตัวเองก็คิดถึงคุณชายน้อยคนนี้ไม่เบา

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาฉายสะท้อนความเย็นชา ในรอยยิ้มรู้สึกไม่ได้ถึงความอบอุ่นแม้เพียงครึ่ง ราวกับน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก “ประธานซังจะพูดจาอะไร ช่วยคิดไตร่ตรองสักนิดจะดีที่สุด ไม่อย่างงั้นฉันไม่รับประกันนะว่าวันไหนจะมีคนไปสร้างความเดือนร้อนให้ประธานซัง”

 

 

           คำขู่ในคำพูดของเขา ซังจิ่งได้ยินไม่ตกหล่นแม้สักคำ เขาหัวเราะไม่ได้เก็บมาใส่ใจ “ถ้าคนที่มาสร้างความเดือดร้อนให้ผมเป็นคุณ ผมยินดีต้อนรับครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นใบหน้ายิ้มๆ ของซังจิ่งนี้ แล้วรู้สึกว่าเมื่อก่อนที่เรียกไป๋จิ่งว่า ‘เดนคน’ เรียกผิดจริงๆ แล้ว พอมาเทียบกับไป๋จิ่งแล้ว ซังจิ่งถึงจะเป็น ‘เดนคน’ ตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

 

           “ฉันอยากจะไปห้องน้ำ นายจะมาไหม” จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็ยกมุมปากขึ้น

 

 

           ซังจิ่งเลิกคิ้ว “แน่นอน”

 

 

           ทั้งสองคนเดินตามกันไปเข้าห้องน้ำ ซังจิ่งมองตามแผ่นหลังของเจียงมู่เฉินที่เดินอยู่ข้างหน้า รูปร่างดี เอวก็บางมาก ถ้าจับกดลงกับเตียง แล้วแยกขาเรียวตรงสวยคู่นี้ออกจากกัน……

 

 

           ซังจิ่งลูบจมูกปอยๆ อย่าว่างั้นงี้เลย เขายังรอคอยอยู่จริงๆ

 

 

           ……

 

 

           เจียงมู่เฉินเข้าห้องน้ำแล้วหันหลังให้ซังจิ่ง ยืนอยู่ข้างใน จนได้ยินเสียงซังจิ่งเดินเข้ามาใกล้ ความโมโหในแววตาเพียงพริบตาเดียวก็แผ่กระจายออกมา

 

 

           เขารีบหมุนตัวกลับไป ดันซังจิ่งกดเข้าผนังแผ่นกระเบื้องสีเหลืองโทนอุ่นอย่างว่องไว

 

 

           “นายแม่งคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่” เจียงมู่เฉินกดตัวซังจิ่งไว้กระแทกเสียงถาม

 

 

           โดนคนจับอัดกับผนังแบบนี้ ซังจิ่งก็ไม่ได้โมโหร้ายอะไร จนกระทั่งจะขัดขืนสักนิดก็ไม่มี ปล่อยให้เจียงมู่เฉินกดเขาแบบนี้ต่อไป

 

 

           “ผมมีเป้าหมายของผมเองจริงๆ” ซังจิ่งหัวเราะเบาๆ

 

 

           นัยน์ตาดอกท้อของเจียงมู่เฉินไม่เคยฉายสะท้อนความโมโหที่คุกรุ่นอัดแน่นแบบนี้มาก่อน “ก่อนหน้านี้ฉันเคยเตือนนายแล้วใช่ไหม ไม่ว่านายคิดจะเอาอะไรไปจากฉัน ฉันก็ให้นายไม่ได้ ถ้านายอยากเล่นจริงๆ ฉันก็เล่นเป็นเพื่อนนายได้ ถึงยังไงตอนสุดท้าย คนที่แพ้ก็ไม่ใช่ฉันเสมอไป”

 

 

           “เป้าหมายของผมเป็นคุณมาตลอดนั่นแหละ” ซังจิ่งเอ่ยอย่างช้าๆ เนิบๆ “คุณฉลาดออกจะขนาดนี้ จะไม่รู้จริงๆ เลยเหรอ ว่าผมชอบคุณตั้งแต่แรกเห็น”

 

 

           แววตาของเจียงมู่เฉินเปลี่ยนมาดุดันอย่างรวดเร็ว “นายคิด ว่าฉันจะเชื่อคำแก้ต่างของนายจริงๆ งั้นเหรอ”