ตอนที่ 156 คุณชายเจียงถูกลอบยิง / ตอนที่ 157 ดูมีลับลมคมใน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 156 คุณชายเจียงถูกลอบยิง

 

 

           “มู่เฉิน จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ ถึงยังไงเป้าหมายของผมมีแต่คุณมาโดยตลอด”

 

 

           “ซังจิ่ง ฉันจะเตือนนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ อย่าคิดมาเล่นลิ้นอะไรกับฉัน ฉันเจียงมู่เฉินตลอดชีวิตนี้ไม่เคยกลัวใครหน้าไหน ในฐานะคนที่ต้องทำงานร่วมกัน ก่อนหน้านี้ฉันไว้หน้านายแค่ไหนแล้ว แต่ถ้านายยังมาล้ำเส้นตายฉันไม่เลิกรา ฉันจะไม่ปล่อยนายไปง่ายๆ เด็ดขาด”

 

 

           “เส้นตาย” ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ “ไม่ทราบว่าเส้นตายของคุณชายเจียงคืออะไร”

 

 

           “เจียงเฉินกรุ๊ป หรือว่าพ่อแม่คุณ หรือจะเป็น…ซือเหยี่ยน”

 

 

           ยามที่ได้ยิน ‘ซือเหยี่ยน’ สองคำนี้ นัยน์ตาเจียงมู่เฉินฉายความอันตรายขึ้นมาแวบหนึ่ง มือที่กักตัวซังจิ่งไว้กระชับแน่นขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นใคร นายอย่าแตะต้องจะดีที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองว่านายจะกลับจิงโจวได้อย่างปลอดภัย”

 

 

           เขากดหน้าลงกล่าวเตือน “ในเมื่อเป้าหมายของนายคือฉัน นายก็ควรจะรู้ไว้ ว่าฉันเจียงมู่เฉินพูดคำไหนคำนั้น ไม่เคยไม่เป็นจริง”

 

 

           เขาพูดจบก็สะบัดมือออก แฉลบผ่านข้างกายซังจิ่ง พาลมระลอกหนึ่งพัดผ่านเข้ามา

 

 

           ซังจิ่งยืนอยู่ในห้องน้ำ เขาจ้องมองกระจกตรงหน้า จัดระเบียบเสื้อผ้าที่เจียงมู่เฉินทำยับยุ่งเหยิงเอาไว้

 

 

           “มีเรื่องอะไรกับคุณชายน้อยเจียงเหรอ ฉันเห็นเขาฉุนเฉียวเดินออกไป” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เซวียยางมาปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ซังจิ่ง เขายืนกอดอกพิงประตูมองซังจิ่ง

 

 

           “คงเพราะเป้าหมายฉันแสดงออกชัดเจนเกินไป เขาเลยพาลโกรธเอาดื้อๆ” ซังจิ่งจัดระเบียบเสื้อผ้าเรียบร้อย จึงหมุนตัวเดินออกไปจากห้องน้ำ

 

 

           รู้ว่าเจียงมู่เฉินนิสัยเย่อหยิ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าตอนโกรธขึ้นมา จะเดือดดาลขนาดนี้

 

 

           ซังจิ่งลูบจมูกปอยๆ โดนคนตักเตือนขนาดนี้แล้ว เขาต้องคิดทบทวนใหม่แล้วใช่ไหมว่าตอนนี้ควรจะเก็บอาการสำรวมสักหน่อย เพื่อกันไม่ให้บีบคนจนร้อนตัวจริงๆ ถึงตอนนั้นปลาตายตาข่ายขาด[1]กันพอดี

 

 

           เวลาสี่โมงเย็น ในที่สุดพิธีตัดริบบิ้นก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินและซังจิ่งยืนอยู่ตรงกลาง ใบหน้าฉาบรอยยิ้ม ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าเมื่อก่อนนี้ไปมีเรื่องในห้องน้ำกันมา

 

 

           หญิงสาวผู้อัญเชิญในพิธีส่งกรรไกรขึ้นมาให้ เจียงมู่เฉินและซังจิ่งหยิบกรรไกรขึ้นมาพร้อมกัน แล้วตัดสายริบบิ้นที่อยู่ตรงหน้าทันที คนในงานต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี

 

 

           เจียงมู่เฉินตัดริบบิ้นเสร็จ กำลังจะเตรียมเอากรรไกรวางกลับบนถาด ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น คนทั้งคนถูกแรงมหาศาลตะครุบให้ล้มลงไป วุ่นวายสับสนอลหม่านกันทั้งงาน

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนชนจนล้มลงไปกองกับพื้น หัวลงกระแทกพื้นทำให้ค่อนข้างเวียนหัว เขาไม่มีเวลาจะมารอให้หายเวียนหัว จึงพลิกตัวให้กลับมา ประคองซังจิ่งที่เป็นคนผลักตัวเองล้มลงขึ้นมา

 

 

“เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม”

 

 

ซังจิ่งโดนกระสุนปืนถากที่ไหล่ เลือดไหลซึมออกมา

 

 

เขาเจ็บจนย่นคิ้ว หลังจากฟังคำพูดของเจียงมู่เฉิน ก็ส่ายหัวเล็กน้อย “ไม่เป็นไร บาดเจ็บเล็กน้อยเอง”

 

 

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หาคนยิงปืนไม่เจอ เจียงมู่เฉินมองดูไปรอบๆ กระสุนปืนลูกนั้นมาทางเขาชัดเจน

 

 

ถ้าซังจิ่งไม่ผลักเขาลงกับพื้น คนที่ตายตอนนี้ก็คือเขา

 

 

นอกจากซังจิ่งแล้ว ในที่เกิดเหตุยังมีหญิงสาวผู้อัญเชิญในพิธีที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย

 

 

เจียงมู่เฉินรีบหาคนมารักษาความเรียบร้อยในที่เกิดเหตุ ทันที ก่อนที่จะตามคนบาดเจ็บสองคนไปโรงพยาบาลด้วย

 

 

           หญิงสาวผู้อัญเชิญในพิธีอาการค่อนข้างสาหัส จึงเสียชีวิตระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาลแล้ว ส่วนซังจิ่งก็ถูกส่งตัวด่วนเข้าห้องฉุกเฉินไปเรียบร้อย

 

 

           เจียงมู่เฉินยืนพิงอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน ใครกันกล้าจะมาลอบฆ่าเขาต่อหน้าสื่อมวลชนเยอะขนาดนี้

 

 

           เขาอยู่ถานโจวมาหลายปีขนาดนี้ ยังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย อีกอย่างหลายปีมานี้เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรกับใคร ถึงขั้นต้องทำลายเอาชีวิตกันถึงเพียงนี้

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดไม่ตก สรุปแล้วใครกันที่อยากจะฆ่าเขา

 

 

           อาการบาดเจ็บของซังจิ่งไม่ถือว่าสาหัสเท่าไหร่ ทำแผลอะไรเรียบร้อยก็เดินออกมา เจียงมู่เฉินมองผ้าพันแผลที่พันอยู่บนแขนเขา “เป็นยังไงบ้าง อาการบาดเจ็บสาหัสไหม”

 

 

           ซังจิ่งเห็นสีหน้าวิตกกังวลของเขา ก็ยกมุมปากขึ้น “นี่คุณชายเจียงกำลังเป็นห่วงผมเหรอ”

 

 

 

 

[1] ปลาตายตาข่ายขาด คือสำนวนหมายถึง ต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย

 

 

 

 

ตอนที่ 157 ดูมีลับลมคมใน

 

 

           เจียงมู่เฉินหน้าตาบูดบึ้ง “นายบาดเจ็บเพราะช่วยชีวิตฉัน ฉันก็ควรจะต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา”

 

 

           “ผมยังคิดว่าเพราะตอนบ่ายคุณชายเจียงโมโหแบบนั้น จะไม่เป็นห่วงผมซะแล้ว เกินความคาดหมายผมไปเยอะเลย”

 

 

           “จะให้ส่งนายกลับหรือว่า” เจียงมู่เฉินคร้านจะเยิ่นเย้อกับเขาอีกต่อไป

 

 

           “ที่ช่วยคุณไว้ได้ก็แค่เป็นสัญชาตญาณของผมเท่านั้นเอง คุณชายเจียงไม่ต้องมาลำบากใจหรอก” เขามองดูเวลา “เซวียยางก็น่าจะมาถึงแล้ว”

 

 

           “ไม่ต้องแล้ว” ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ “วันนี้ตอนบ่ายพิธีตัดริบบิ้นของพวกเราเป็นงานถ่ายถอดสด ถ้าผมเดาไม่ผิด ตอนนี้ควรจะมีคนกำลังรีบเดินทางมาแล้ว”

 

 

           เขาพูดจบ โบกมือลาเจียงมู่เฉิน “เซวียยางมาแล้ว ผมไปก่อนนะ”

 

 

           เซวียยางยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลนัก เจียงมู่เฉินเห็นซังจิ่งเดินไปถึงตัวเซวียยาง แล้วทั้งสองคนก็ออกไปทันทีหลังจากนั้น

 

 

           เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายวันนี้ คนที่จัดการซังจิ่งในตอนนั้นอย่างเขายังไม่ค่อยเข้าใจ ยังอ่านซังจิ่งไม่ออก

 

 

           ทั้งที่ซังจิ่งมีจุดประสงค์แอบแฝงกับเขาอยู่ทนโท่ แต่ทำไมตอนที่มีคนจะยิงปืนมาใส่เขา ยังผลักเขาหลบกระสุนอีก

 

 

           ดวงตาเรียวยาวฉายแววความสับสน หรือว่าการลอบยิงครั้งนี้จะเป็นแผนของซังจิ่ง ดังนั้นตอนที่มีคนเล่งปืนมาใส่เขาถึงได้ผลักเขาหลบกระสุนได้พอดี

 

 

           ถ้าเป็นแผนของซังจิ่ง แล้วจุดประสงค์ของเขาคืออะไรอีก ถึงอย่างไรก็คือปืนจริง ถ้าซังจิ่งเป็นคนเล่นเองกำกับเองจริงๆ เขาก็ถือว่าเอาชีวิตมาเสี่ยงเหมือนกัน

 

 

           ถ้าเขากะจังหวะพลาด หรือว่าคนที่ยิงปืนดันยิงมาก่อนเวลา ถ้าแบบนั้นซังจิ่งที่เอาตัวเข้ามาผลักเขาหลบกระสุนก็มีสิทธิ์จะรับกระสุนแทนเขาเต็มๆ เวลานั้นไม่ใช่แค่โดนกระสุนถากไหล่ง่ายๆ ขนาดนี้แน่

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว ยังคิดไม่ตกเท่าไหร่

 

 

           เขาหยุดสักพักหนึ่ง เตรียมจะโทรหามั่วไป๋ ให้มั่วไป๋ช่วยเขาตรวจสอบเรื่องการลอบยิงในครั้งนี้ ดูว่าคนเบื้องหลังแผนทั้งหมดจะใช่ซังจิ่งหรือเปล่า

 

 

           เขาเพิ่งจะหยิบมือถือออกมาก็เห็นซือเหยี่ยนที่รีบเร่งฝีเท้ามาทางเขาจากที่ไม่ไกลนัก สีหน้าคร่ำเคร่งของเขาคือความน่าเกรงขามเอาจริงเอาจังแบบที่เจียงมู่เฉินไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

           นาทีนั้นที่ได้เห็นเจียงมู่เฉิน เขารู้สึกโล่งอกไปจริงๆ

 

 

           เขารีบเดินถึงตัวเจียงมู่เฉินสำรวจดูรอบๆ จนแน่ใจว่าเขาไม่เป็นไร ถึงได้วางใจลงได้

 

 

           “นายตามมาที่นี่ทันได้ยังไง” เจียงมู่เฉินงงงันไม่เบา ซือเหยี่ยนรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาล

 

 

           สีหน้าซือเหยี่ยนดูตื่นตระหนกทีเดียว “ผมเห็นในถ่ายทอดสดแล้ว ก็เลยรีบตามเข้าไป คนในที่เกิดเหตุบอกว่าคุณมาโรงพยาบาลแล้ว”

 

 

           “วางใจได้ ฉันไม่ได้บาดเจ็บ เอ่อใช่สิ ตอนนายมาจากที่เกิดเหตุ ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”

 

 

           ตอนที่เขาออกมา ทางนั้นอลหม่านไปหมด ไม่รู้ว่าตอนนี้ปลอบขวัญกันดีหรือเปล่า ครั้งนี้มีสื่อมวลชนมามากมาย แล้วยังเกิดเหตุลอบยิงอีก…

 

 

           ‘เดี๋ยวๆ…’

 

 

           เจียงมู่เฉินนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน ตอนที่เขามาก็รู้สึกว่าคนของสื่อมวลชนมาเยอะเกินไป

 

 

           ตอนนี้ยังเกิดคดีลอบสังหารโดยอาวุธปืนอีก

 

 

           ถ้ามีคนจัดฉากการลอบยิงนี้ล่วงหน้า แล้วระดมนักข่าวให้มาเยอะขนาดนี้ เป้าหมายก็เพื่อผลักดันให้คดีนี้มาอยู่ต่อหน้ามวลชนใช่ไหม

 

 

           ยืมมือสื่อมวลชนแพร่กระจายข่าวกันตามสบาย…

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว “ขับรถมาใช่ไหม ไปส่งฉันกลับที่เกิดเหตุได้หรือเปล่า”

 

 

           “ไปกัน ผมจะไปส่งคุณเอง”

 

 

           ตลอดทาง เจียงมู่เฉินเอาแต่ครุ่นคิด ตกลงใครกันที่แอบวางแผนเรื่องนี้ทั้งหมด แม้แต่นักข่าวก็เตรียมมาพร้อม วางแผนได้ครอบคลุมเชื่อมกันเป็นวงจรได้ขนาดนี้ ทำให้เขาคิดสาวไปถึงคนๆ นี้โดยไม่รู้ตัว

 

 

           ‘ซังจิ่ง…’

 

 

           ถ้าคนๆ นี้คือซังจิ่ง แล้วข้อดีของการทำแบบนี้คืออะไร โครงการนี้เขาเป็นผู้ร่วมลงทุนครึ่งหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป สำหรับซังจิ่งแล้ว ไม่ได้เป็นผลกับเขาเลย

 

 

           เจียงมู่เฉินย่นคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าทุกอย่างนี้ดูลับลมคมในเกินขอบเขตไปแล้ว