ตอนที่ 126 ไม่ได้สติ

พ่ายรักวิวาห์ลวง

ขณะเวินหลานฉีสะลึมสะลืออยู่นั้น เธอรู้สึกเหมือนมีคนกำลังเรียกชื่อเธออยู่ เธอรู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นเคยเหลือเกิน เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง ดังนั้นตอนเสียงนั้นดังขึ้นมา เธอจึงครางอืออารับสองคำ จากนั้นเธอก็เหมือนจะได้ยินเสียงนั้นพูดอะไรมากมาย ราวกับกำลังขอร้องเธอ

 

 

แต่ขอร้องอะไรเธอล่ะ เธอรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนัก เธอสะลึมสะลืออยากหลับอีกครั้ง ทว่าเสียงนั้นเอาแต่ดังอยู่ข้างหูเธอ บางครั้งเธอก็คิดว่าเสียงเพราะดีเหมือนกัน หากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบด้วยเช่นกัน บางครั้งก็พลอยตอบรับอืออากลับไปบ้าง ทางด้านฮั่วฉินเยี่ยนเมื่อได้ยินเวินหลานฉียังมีเสียงตอบกลับมาบ้าง ก็ค่อยหมดห่วงหน่อย ร่างกายของเธออ่อนแอเกินไปจริงๆ ถ้าได้กลับไปคงต้องให้เธอออกกำลังกายหนักหน่อยแล้วล่ะ!

 

 

ขณะเดียวกันเฉิงหมิงและหน่วยค้นหาที่อยู่ตีนเขาพร้อมอุปกรณ์มารวมตัวกันครบแล้ว พวกเขากระจายกำลังกันไปสองทาง ทางหนึ่งเป็นถนนเปลี่ยวเล็กๆ ไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา ส่วนอีกทางหนึ่งเป็นถนนใหญ่ซึ่งซ่อมแซมเสร็จแล้ว เฉิงหมิงเดินตามกลุ่มค้นหาไปทางถนนเส้นเล็ก เขาคิดว่าด้วยความสามารถของฮั่วฉินเยี่ยนแล้ว ถ้าเป็นถนนใหญ่คงไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร มีเพียงถนนเส้นเล็กเท่านั้นถึงจะพาเวินหลานฉีไปเกิดอุบัติเหตุได้

 

 

ทั้งสองทีมเดินไปหาไปตลอดทาง และด้วยสายตาอันแหลมคมของเฉิงหมิง เขาพบโทรศัพท์ของฮั่วฉินเยี่ยนตกอยู่ในป่ารกชัฏแห่งหนึ่ง ทว่าพอมองตามทิศทางของโทรศัพท์ไป บริเวณไม่ไกลกันนั้นมีเนินลาดแห่งหนึ่งอยู่ เขาจึงสรุปได้ว่าฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีอาจจะพลัดตกจากเนินลาดนี้ลงไป

 

 

หลังจากเฉิงหมิงพิจารณาระดับความสูงของเนินลาดนี้แล้ว เขาคิดว่าฮั่วฉินเยี่ยนน่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่เวินหลานฉีไม่แน่

 

 

พวกเขาเหล่านี้จึงเริ่มตามหาจากเนินลาดนี้ หากแต่ฝนเทลงมาหนักเกินไปจริงๆ ต่อให้ตอนนั้นฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีจะทิ้งสัญลักษณ์อะไรไว้ ก็คงถูกสายฝนชะล้างจนไม่เหลืออะไรแล้ว กอปรกับถนนเส้นนี้เดินลำบากมากจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงทำการค้นหาได้ช้านัก

 

 

ในที่สุดก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เฉิงหมิงพบว่าบนพื้นมีกิ่งไม้ปักอยู่ นี่มันไม่ปกติเอาเสียเลย อย่างไรเสียบริเวณรอบๆ ล้วนเป็นหญ้าทั้งนั้น ต่อให้มีกิ่งไม้จริง ก็คงไม่ปักอยู่บนพื้นเป็นแน่ เฉิงหมิงรีบเรียกทุกคนมารวมกันตรงนี้และเดินไปตามทิศทางของกิ่งไม้ แล้วก็เป็นไปดังคาด บริเวณไม่ไกลกันนั้นมีกิ่งไม้กิ่งที่สองปักอยู่จริง

 

 

พวกเขาเดินไปตามกิ่งไม้ ในที่สุดก็พบฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีอยู่ในที่ที่สามารถหลบฝนได้ระหว่างหินใหญ่สองก้อน

 

 

เวลานี้เวินหลานฉีหนาวจนตัวเย็นเฉียบ ใบหน้าซีดเซียว แม้แต่ริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อในวันปกติ ในตอนนี้ยังขาวซีดเลย เปลือกตาทั้งสองข้างของเธอปิดสนิทแลดูทรมานยิ่งนัก

 

 

โชคดีที่มีฝ่ายพยาบาลติดตามมาด้วย เมื่อเห็นสภาพเช่นนั้นก็ก้าวออกไปตรงหน้า ฮั่วฉินเยี่ยนอุ้มเวินหลานฉีวางลงบนเปลหาม หากแต่กลับนึกไม่ถึงว่าเวินหลานฉีจะจับมือเขาแน่นขนาดนี้ ปากเอ่ยเรียกด้วยเสียงเพลียๆ “อาเยี่ยน…”

 

 

“เด็กดี ผมอยู่นี่นะ ไม่ต้องกลัว เราจะลงจากเขาเดี๋ยวนี้แหละ” ฮั่วฉินเยี่ยนตบๆ มือของเวินหลานฉี เฉิงหมิงเรียกรถพยาบาลมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่รถพยาบาลจับพิกัดได้ก็รีบมาในทันที แล้วเวินหลานฉีก็ถูกส่งตัวลงเขา ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็ว

 

 

ผลตรวจออกมาว่าข้อเท้าของเวินหลานฉีเพียงแค่เคล็ดขัดยอกเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง ส่วนที่ไม่ได้สตินั้น เพราะไข้ขึ้นจากอาการหนาวเย็น แต่ฉีดยาลดไข้ให้แล้ว หลังจากนี้แค่รอให้เวินหลานฉีฟื้นเท่านั้น

 

 

“คุณหมอ เธอจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ครับ” ฮั่วฉินเยี่ยนเอ่ยถาม

 

 

“อันนี้เราก็ไม่มั่นใจ…” คุณหมอพูดยังไม่ทันจบดี ฮั่วฉินเยี่ยนก็พุ่งเข้ามาจับเสื้อของเขาอย่างหุนหันพลันแล่น “คุณพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงตอบไม่ได้ ว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาตอนไหนล่ะ!”

 

 

“ฮั่วฉินเยี่ยน คุณใจเย็นลงหน่อย หมอยังพูดไม่ทันจบเลยนะ!” เฉิงหมิงรีบเข้ามาขวางเจ้าไดโนเสาร์งุ่นง่านตัวนี้ เขารู้ว่าตอนนี้เวินหลานฉีถือเป็นดวงใจของฮั่วฉินเยี่ยนจริงๆ!

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนถูกเฉิงหมิงโน้มน้าวให้ปล่อยมือ คุณหมอคนนั้นเองก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัด ทว่าไม่นานก็กลับมาสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เขาจัดทรงเสื้อผ้าที่ถูกทำให้ยับเพียงครู่ และไม่ได้ถือเอาการกระทำของฮั่วฉินเยี่ยนมาใส่ใจ อย่างไรเสียเมื่อญาติคนไข้เห็นคนไข้นอนอยู่ที่นี่แบบนี้ อารมณ์ย่อมพลุ่งพล่านเป็นธรรมดา ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีความรู้สึกแล้วมั้ง

 

 

“ตอนนี้เธอยังไม่ฟื้นขึ้นมา อย่างแรกเพราะสลบจากไข้ขึ้นสูงทำให้เธอจำเป็นต้องพักผ่อน สองเพราะเราพบว่าคนไข้ไม่อยากตื่นขึ้นมา!”

 

 

“หมายความว่ายังไง” ฮั่วฉินเยี่ยนถามอย่างตื่นตะลึง

 

 

“หมายความว่าคนไข้มีอาการปฏิเสธความเป็นจริง อยากหลบหนีเรื่องบางอย่างในชีวิตจริง จึงเลือกที่จะหลับลึกแทน” คุณหมอพูดพลางดันแว่นขึ้นเล็กน้อยแล้วเดินจากไป เขาพูดตั้งมากมายขนาดนี้ ญาติคนไข้คงจะเข้าใจความหมายบ้างละมั้ง อย่างไรเสียชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ก็ไม่ได้ดูโง่ขนาดนั้น

 

 

เมื่อฮั่วฉินเยี่ยนได้ยินคำพูดของคุณหมอ ในใจเขารู้สึกไม่เชื่ออยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจนักว่าทำไมเวินหลานฉีถึงไม่อยากตื่นขึ้นมา ถ้าหมายถึงก่อนหน้านี้ที่เขาทำไม่ดีต่อเวินหลานฉีก็ว่าไปอย่าง ตอนนั้นถ้าเวินหลานฉีไม่อยากตื่นมาเขาก็เข้าใจได้ หากแต่ตอนนี้พวกเขาแก้ไขเรื่องบาดหมางทุกอย่างหมดแล้ว จนกระทั่งความรู้สึกของพวกเขานับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำไมเวินหลานฉีถึงไม่ยอมฟื้นขึ้นมาล่ะ จริงๆ แล้วเธอยังปฏิเสธอะไรอยู่กันแน่

 

 

เฉิงหมิงเมื่อเห็นฮั่วฉินเยี่ยนราวกับถูกฟ้าผ่าเปรี้ยง ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เรื่องระหว่างฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีพวกนั้น เขาเองก็เคยได้ยินมาบ้าง ตอนนั้นในฐานะเพื่อนสนิทของฮั่วฉินเยี่ยน เขายังคิดว่าฮั่วฉินเยี่ยนทำเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ดังนั้นคู่กรณีอย่างเวินหลานฉียิ่งแล้วใหญ่เลย ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนจะแก้ไขเรื่องบาดหมางทั้งหมดแล้ว และทั้งสองต่างมีใจตรงกัน แต่ในช่วงแรกนั้นก็ทำให้เกิดความเสียหายมากมายจริงๆ ซึ่งความเสียหายเหล่านั้นไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ฮั่วฉินเยี่ยนเลือกจะมองข้ามความเสียหายที่ทำให้เวินหลานฉีเจ็บปวดในอดีตเหล่านั้นได้ และคิดว่าตอนนี้แค่ทำดีกับเวินหลานฉีมากขึ้นก็สามารถชดเชยความผิดพลาดตอนนั้นได้แล้ว หากแต่ในความเป็นจริงในฐานะคนถูกทำร้ายอย่างเวินหลานฉี ถึงแม้จะให้อภัยฮั่วฉินเยี่ยนแล้ว แต่ความจริงจิตใต้สำนึกยังคงหลบหนีทุกอย่างอยู่ ปีศาจในใจเธอยังไม่ถูกกำจัดออกไป และทุกอย่างนี้คงทำได้เพียงเชื่อใจให้เวินหลานฉีฟื้นขึ้นมาเองเท่านั้น

 

 

ขณะเวินหลานฉีอยู่ในห้วงฝัน บางครั้งคิ้วของเธอก็ขมวดแน่น บางครั้งก็คลายออก ราวกับฝันเรื่องแล้วเรื่องเล่าอย่างนั้น

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนนั่งอยู่ข้างเตียงเธอ มือใหญ่กุมมือเล็กเนียนนุ่มของเวินหลานฉี เขานึกถึงความหลังที่อยู่ด้วยกันกับเวินหลานฉี

 

 

ตอนเขาไร้เดียงสาอ่อนประสบการณ์ แล้วเจอกับวัยรุ่นอย่างเวินหลานฉี ตอนนั้นเธอกำลังหลงทาง นั่งยองร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เพียงลำพังข้างถนน แต่มีคนเข้าไปใกล้เพื่อจะพาเธอกลับไปส่ง ทว่าเธอกลับแยกเขี้ยวยิงฟันปฏิเสธความหวังดีของคนอื่น เขาดูออกว่าเด็กน้อยคนนั้นระวังตัวเป็นอย่างมาก

 

 

เขาจึงรู้สึกสนใจ ลองไปหยอกเด็กคนนั้นสักหน่อยดีกว่ามั้ง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไป หากแต่เมื่อเวินหลานฉีเงยหน้าขึ้นมา พร้อมใช้ดวงตาโตผ่านการร้องไห้จนฉ่ำน้ำคู่นั้นมองเขา ใจของเขาก็อ่อนยวบลงในทันที ใจของเขาเต็มไปด้วยความเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงเก็บเจตนาหยอกเย้าทั้งหมดกลับไป ถามชื่อแซ่ของเธอ แล้วพาเธอกลับไปส่งที่บ้าน

 

 

หลังจากนั้นเธอก็ตามติดข้างหลังเขาอย่างกับหนอนตามก้น และเขายังได้ร่วมเป็นประจักษ์พยานกับการเติบโตของเธอ ตั้งแต่เป็นเด็กสาวไร้เดียงสาซื่อบื้อตัวน้อย จนกลายเป็นหญิงสาวร่าเริงแจ่มใส

 

 

เธอตามติดข้างกายเขา ความจริงมีคนชอบเธอตั้งมากมาย รวมถึงเขาเองก็ชอบเธอเช่นกัน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งต่อมาเพื่อนร่วมแก๊งของเขาคนหนึ่งสารภาพรักกับเธอ เขาจึงเกิดความรู้สึกไม่มั่นคง เขากำลังจะไปอเมริกาอยู่แล้ว แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ

 

 

พอเธอบอกว่าเธอจะรอเขากลับมา เขารู้สึกดีใจมาก ซ้ำยังทิ้งสร้อยคริสตัลเส้นหนึ่งไว้เป็นของแทนใจอีกต่างหาก

 

 

หลังจากมาถึงอเมริกา ช่วงแรกๆ พวกเขายังส่งจดหมายหากันอยู่บ้าง แต่ภายหลังจดหมายก็ขาดหายไปเสียดื้อๆ หากแต่เขาคิดว่าเธอยังคงรอเขาอยู่แน่นอน เธอออกจะไร้เดียงสาและใจดีปานนั้น หนำซ้ำเธอยังเป็นเด็กสาวผู้ยึดมั่นถือมั่นในความรักอีกด้วย เธอยังรอเขาอยู่แน่ๆ เขาคิดอย่างแน่วแน่

 

 

ห้าปีผ่านไป เขาเรียนจบและเดินทางกลับจีน เขาอยากจะไปหาเธอในทันที ตลอดช่วงเวลาเหล่านั้นในอเมริกาเพียงแค่เขาคิดถึงเวินหลานฉี ก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาเหลือเฟือ ทว่าหลังจากกลับประเทศแล้ว เขามีเรื่องสำคัญต้องจัดการ และเขาก็ยุ่งเกินกว่าจะบอกได้

 

 

ต่อมาครั้งหนึ่ง ณ งานเลี้ยง เขาเจอกับเวินหลานซินที่สวมสร้อยคออยู่ หากแต่ตอนนั้นแม้เขาจะรู้สึกว่าเวินหลานซิน กับคนในจินตนาการเขาแตกต่างกันอยู่บ้าง ทว่าเขากลับคิดว่านี่ก็ห้าปีมาแล้ว สาวน้อยในตอนนั้นคงเปลี่ยนไปเกินกว่าจินตนาการเขาแล้วล่ะ มิหนำซ้ำเด็กสาวตรงหน้ากับคนในจินตนาการเขายังเหมือนกันอยู่มาก นอกจากนิสัยที่ไม่ค่อยเหมือนกันแล้ว ส่วนอื่นเหมือนกันหมดทุกประการ เขาจึงไม่ค่อยสนใจมากนัก

 

 

หลังจากผ่านพ้นช่วงยุ่งๆ ในตอนแรก เขาก็ไปสู่ขอกับตระกูลเวินทันที ตอนนั้นเวินหลานซินนั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามชื่ออะไรพรรค์นั้น เขาเพียงบอกว่าอยากแต่งงานกับเธอ ตอนนั้นเขาเห็นสายตาแปลกใจของเวินหลานซิน ทว่าเขากลับไม่ได้ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ ต่อมาวันงานแต่งงาน เขาไม่ได้คัดค้านอะไร ที่ความจริงคนในพิธีแต่งงานคือเวินหลานฉีตัวจริง แต่เขากลับเข้าใจว่าเวินหลานฉีแอบอ้างเป็นเวินหลานซินแทน เขายังจำได้ว่าในงานแต่งงาน เธอพูดต่อหน้าบาทหลวงอย่างขัดเขิน ว่าไม่ว่าจะเกิดแก่เจ็บตาย ไม่ว่าจะรวยหรือจน ก็จะเป็นภรรยาของเขาอย่างเต็มใจ ความจริงตอนนั้นเธอมีแต่รอคอยเขา จริงๆ แล้วหลังจากแต่งงานเธอก็แสดงออกตามคุณสมบัติของภรรยาที่ดีคนหนึ่ง เธอใส่ใจดูแลอาหารการกิน ชีวิตประจำวันของเขาเสียขนาดนั้น และยิ้มแย้มให้เขาตลอดเวลา แม้เขาจะไม่เคยยิ้มให้เธอเลยก็ตาม

 

 

แต่สุดท้ายความเย็นชาและการกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุของเขาทำให้ต้องสูญเสียเธอไป ทำให้เธอสูญเสียความอดทน จนที่สุดเธอจึงเลือกหนีออกนอกประเทศ สองปีต่อมาเขาก็ได้รู้ความจริงของเรื่องราวมากมาย ว่าที่แท้เธอคือเวินหลานฉีจริง และเธอคือคนที่ตนรักคนนั้นจริงๆ แต่เขาทำอะไรลงไปเหรอ เขาเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปยิ่งนัก ทว่าเขากลับหาเธอไม่เจอเลย

 

 

จนกระทั่งต่อมาอาการป่วยของคุณพ่อเวินหนักขึ้น เธอจึงรีบกลับมาจีน และรับช่วงต่อทุกอย่างจากสกุลเวิน เขาจึงตัดสินใจจะเอาชนะใจเธออีกครั้ง หากแต่เธอกลับบอกพี่สาวของเธอ ว่าเธอจะไม่รักเขาอีกต่อไปแล้ว หัวใจของเธอถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บไปทั้งใจ จนเธอไม่สามารถรักใครได้อีก

 

 

เธอเริ่มปฏิเสธเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาเป็นคนไม่หยุดหากไม่บรรลุเป้าหมาย เขาเริ่มตามจีบเธออย่างกระตือรือร้น แต่พอเป็นแบบนี้ก็ผลักเธอเข้าไปสู่จุดอันตราย เธอโดนเดนนรกอย่างฮั่วจวินคนนั้นลักพาตัวไป แล้วเขาก็ได้เผยความในใจต่อเวินหลานฉีไปโดยไม่ได้คาดคิด โทสะของฮั่วฉินเยี่ยนพุ่งขึ้นอย่างสุดขีด เขาแทบจะฆ่าฮั่วจวินเสียด้วยซ้ำ แต่ชีวิตของเวินหลานฉียังอยู่ในกำมือของเดนนรกอย่างฮั่วจวินอยู่ เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ ทว่าใครจะไปรู้ว่าฮั่วจวินจะขอให้เขาคุกเข่าขอร้อง หากจะบอกว่าเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนหยิ่งยโสมาตั้งแต่เด็กจนโต