ตอนที่ 127 คนคิวแน่น

พ่ายรักวิวาห์ลวง

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยโดนใครสบประมาทเช่นนี้มาก่อน แต่เมื่อเห็นเวินหลานฉี เขากลับรู้สึกว่าต่อให้โดนดูถูกมากกว่านี้ เขาจะต้องรับให้ได้ นับแต่นั้นมาในที่สุดความสัมพันธ์ของเขากับเวินหลานฉี ก็ไม่มึนตึงใส่กันอย่างเมื่อก่อนอีก เขาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็ทำทุกอย่างเพื่อเวินหลานฉี ชดเชยความละอายใจที่มีต่อเวินหลานฉีในตอนนั้น

 

 

แต่ตอนนี้เขาเองเพิ่งรู้ ความจริงเวินหลานฉีพยายามเก็บกดตัวเองเพื่อร่วมมือกับเขามาโดยตลอด

 

 

เขากุมมือของเวินหลานฉีจุมพิตเบาๆ เรียกชื่อเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเขาหวังว่าหากทำอย่างนี้จะสามารถปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราได้

 

 

หากแต่ความฝันของเวินหลานฉีในห้วงนิทรานั้นซับซ้อนเกินไป บ้างก็เป็นใบหน้าระทมทุกข์ของคุณพ่อ บ้างก็เป็นรอยยิ้มสวยสดของพี่สาว สักพักก็เป็นใบหน้าเต็มไปด้วยความรักใคร่รู้ใจ และเอ็นดูของคุณแม่ บ้างเป็นใบหน้าเย็นชาของฮั่วฉินเยี่ยน ใบหน้าอันเร่าร้อน ทั้งหมดนี้ล้วนปรากฏขึ้นในห้วงฝันของเธอทั้งสิ้น

 

 

เธอกังวลจนอยากหลบพวกเขาสักพัก เรื่องในอดีตปรากฏขึ้นในหัวเธอราวกับน้ำ จนเธอเจ็บปวดทรมานสุดจะทานทน หากแต่ต่อมาก็เกิดเรื่องสุขสันต์ชื่นมื่นขึ้นมากมาย ฮั่วฉินเยี่ยนรักเธอแล้ว เขาไม่ใช่คนที่เธออยากได้แต่ไม่อาจครอบครองคนนั้นอีกแล้ว คนที่เขารักตั้งแต่ต้นคือเธอเอง เขาเรียกหาเธอด้วยรักละมุน เธออยากลืมตามองเขา แต่หนังตาของเธอกลับหนักอึ้งประหนึ่งหนักเป็นพันจิน [1] ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยกหนังตาไม่ขึ้น เธอได้ยินใครสักคนกระซิบแผ่วเบาข้างหูเธอ และเธอจำเสียงนี้ได้ดี เสียงนี้คือฮั่วฉินเยี่ยน หลังจากเขารับประกันกับเธอว่าจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง ถ้าอย่างนั้นเธอจะเชื่อใจเขาได้หรือไม่ หากแต่เธออยากจะเชื่อใจเขามากเหลือเกิน เพราะเธอก็คิดถึงเขามากเช่นกัน เธอได้ยินเหมือนมีใครสักคนกำลังร้องไห้ เสียงนั้นฟังดูอัดอั้นตันใจ และเหมือนจะเป็นฮั่วฉินเยี่ยนอีกนั่นแหละ เขาเลิกกับเธอไม่ได้ เขากำลังขอร้องให้เธอรีบตื่นขึ้นมา เธอเองก็อยากตื่นเหมือนกัน อยากตื่นไปปลอบฮั่วฉินเยี่ยน เมื่อเธอคิดได้ดังนั้นจึงพยายามลืมตา จนในที่สุดพอเหมือนจะลืมตาได้แล้ว แต่เธอเห็นอะไรล่ะ

 

 

คาดไม่ถึงว่าใบหน้าของฮั่วฉินเยี่ยนผู้สูงส่งยโสโอหังจะอาบไปด้วยน้ำตา

 

 

“อาเยี่ยน คุณอย่าร้องเลยนะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้วนี่ไง” เวินหลานฉีออดอ้อน

 

 

“ใครร้องกัน!” ฮั่วฉินเยี่ยนจะแสดงออกว่าตัวเองอ่อนแอได้อย่างไร เขาเห็นเวินหลานฉีนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แถมยังผอมเซียวอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงเผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มนี้ก็ได้ปลอบโยนเวินหลานฉี ทั้งสองจ้องหน้ากันแล้วเผยรอยยิ้มออกมา

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนพาเวินหลานฉีกลับมาดูแลปรนนิบัติอยู่บ้านหลายวันแล้ว ถึงขนาดขุนเธอให้อ้วนขึ้นอีกนิดด้วย เพราะเหตุนี้ฮั่วฉินเยี่ยนถึงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

 

 

ในคืนนี้ฮั่วฉินเยี่ยนอาบน้ำเสร็จ ก็ใส่เพียงกางเกงนอนเท่านั้น เขากอดเวินหลานฉีและถูๆ ไถๆ เหลือบมองเวินหลานฉีอย่างกระหาย ก่อกวนจนเวินหลานฉีหน้าแดงฉาน

 

 

ครั้นแล้วเธอจึงหลบเข้าห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว

 

 

รอจนกระทั่งเธอออกมา ฮั่วฉินเยี่ยนก็โถมตัวเข้าหาโดยไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย…

 

 

พอตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว

 

 

เวินหลานฉีที่เพิ่งตื่นนอน ทั้งสติสัมปชัญญะและร่างกายนั้นยังอยู่ในสภาพสะลึมสะลืออยู่ ทว่าฮั่วฉินเยี่ยนกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น เขาอุ้มเวินหลานฉีขึ้นมา

 

 

ทว่าในตอนนั้นเองก็มีเรื่องให้ต้องเสียบรรยากาศ อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของเวินหลานฉี ซึ่งวางอยู่บนหัวเตียงก็ดังขึ้นมา หนำซ้ำคนโทรมาก็ไม่จบไม่สิ้นสักที พออีกฝ่ายไม่รับสาย สายที่สองก็ดังขึ้นมาอีก จนโทรศัพท์สั่นเป็นเจ้าเข้าอย่างมีความสุข

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนไม่สบายใจนัก เมื่อคิดว่าวันนี้เป็นวันหยุดทั้งที แต่ใครกันตาไม่มีแววขนาดนี้ ทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของเขาเสียได้!

 

 

แล้วเวินหลานฉีก็รำคาญในที่สุด จึงถือโอกาสตอนเขาหลับตา หยิกจุดไวสัมผัสบริเวณเอวของเขา เพื่อผลักเขาออก เธอรับโทรศัพท์แล้วเดินไปทางห้องอาบน้ำ หากแต่ฮั่วฉินเยี่ยนที่ถูกสลัดออกถึงกับมึนงง เขาโดนเมียไล่ลงจากเตียงขนาดนี้เลยเหรอ เขาเดินไปทางห้องอาบน้ำ แต่สุดท้ายพบว่าประตูล็อกอยู่ ประธานฮั่วเจ็บยิ่งนัก เขาแอบดักฟังอยู่มุมผนัง ถึงรู้ว่าเมียเขากำลังคุยเรื่องงานกับใครสักคนอยู่

 

 

เฮ้อ มีเมียเก่งก็งี้ บางครั้งก็ไม่ได้มีความสุขนักหรอก! ฮั่วฉินเยี่ยนอุทานในใจ

 

 

ตอนเวินหลานฉีออกมาจากห้องน้ำ เธอจัดการล้างเนื้อล้างตัวสะอาดหมดจดแล้ว ทำให้ประธานฮั่วต้องล้มเลิกความคิดเดิม และดับฝันหวานที่จะจับเมียกดลงบนเตียง เขาเดินตามหลังเวินหลานฉีต้อยๆ อย่างมีความสุข โดยไม่แคร์ภาพลักษณ์ตัวเองเลยแม้แต่น้อย “บริษัทมีปัญหาเหรอ”

 

 

“ใช่แล้ว ฉันต้องกลับบริษัทสักหน่อย คงอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้แล้ว” เวินหลานฉีสวมเสื้อคลุมเรียบร้อย ก็หันกลับมามองฮั่วฉินเยี่ยน และเอ่ยพูด “ประธานฮั่ว ฉันละอยากเอาท่าทางของคุณตอนนี้อัพลงอินเทอร์เน็ตจริงๆ คนจะได้รู้ว่าประธานฮั่วผู้สูงส่งเย็นชาของพวกเขาคนนั้น ความจริงแล้วในเวลาส่วนตัวนั้นเป็นไอ้บ้าโรคจิต!”

 

 

“คุณภรรยาครับ ผมเป็นแบบนี้แค่ต่อหน้าคุณเท่านั้นนะ!” ประธานฮั่วพูดอย่างไม่ยี่หระ

 

 

เวินหลานฉีพูดพลางเอามือกุมหน้าผากอย่างหมดคำจะพูดเสียเต็มประดา “ฉันจะสะสางปัญหาในหน้าที่ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แล้วกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ คุณอยู่บ้านก็อย่าลืมกินข้าวนะ แล้วตอนเย็นฉันจะรีบกลับมา!”

 

 

“โอเค!” ฮั่วฉินเยี่ยนตอบรับ

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนรอทั้งวันจวบจนสี่ทุ่ม เวินหลานฉีก็ยังไม่กลับมา เขาจึงโทรไปหาเวินหลานฉี แต่ปลายสายอย่างเวินหลานฉีดูเหมือนกำลังยุ่งอยู่กับงาน

 

 

ความจริงฮั่วฉินเยี่ยนเองก็เข้าใจ ว่าตอนนี้เวินหลานฉียุ่งอยู่ เพราะตอนเขาเพิ่งรับช่วงต่อกิจการของครอบครัวใหม่ๆ เขาก็ยุ่งอยู่กับงานทั้งวันจนไม่มีเวลาพักผ่อน หากแต่ฮั่วฉินเยี่ยนกลับยังคงไม่สบายใจอยู่หน่อย เพราะเขาอยากเป็นที่หนึ่งในใจเวินหลานฉี ทว่าแนวโน้มตอนนี้เหมือนงานจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเวินหลานฉีมากกว่า

 

 

เขาถึงขั้นมีความคิดผุดขึ้นมา ว่าไม่อยากให้เวินหลานฉีออกไปทำงาน เพราะเขาเองหาเงินได้มากพอแล้ว เพียงพอจะให้พวกเขาถลุงเงินได้ตามอำเภอใจเสียด้วยซ้ำ เวินหลานไม่จำเป็นต้องโหมงานหนักอย่างยากลำบากขนาดนั้น เขาก็เลี้ยงดูเธอได้อยู่แล้ว

 

 

เขาขับรถไปรับเวินหลานฉีเลิกงาน เธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถึงอย่างไรวันนี้ทั้งวันเธอไม่ได้พักผ่อนเลย อีกอย่างเธอก็คิดถึงฮั่วฉินเยี่ยนบ้างแล้วเหมือนกัน ก่อนฮั่วฉินเยี่ยนจะมารับเธอ เขาได้วนไปซื้อเจียนปิ่งกั่วจือ [2] ที่เธอชอบกินมากที่สุดมาให้เธอด้วย ตอนเธอหยิบขึ้นมายังร้อนๆ อยู่เลย จริงๆ ในใจเธอประทับใจมากเป็นพิเศษ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ระหว่างทางกลับบ้านเธอง่วงจนทนไม่ไหว ขนาดกลับถึงบ้านแล้วฮั่วฉินเยี่ยนเข้ามาอุ้มเธอ เธอยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ

 

 

หลังจากนั้นมาเวินหลานฉีมักจะไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนฮั่วฉินเยี่ยนเลย บางครั้งพวกเขานัดกันเสียดิบดี ว่ากลางวันจะไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน แต่พอถึงตอนกลางวัน เวินหลานฉีกลับโทรมาบอกว่าเธอมีธุระชั่วคราวจึงไปตามนัดไม่ได้แล้ว หนำซ้ำนับวันตอนเย็นเวินหลานฉีก็ยิ่งกลับบ้านดึกเข้าไปทุกที พอกลับมาเธอก็แสดงออกว่าเหนื่อยล้าเหลือเกิน ทันทีที่อาบน้ำอาบท่าเสร็จเธอก็ผล็อยหลับไป ฮั่วฉินเยี่ยนสงสารยิ่งนัก หากแต่เธอกลับไม่พูดอะไร และนี่มันก็นานมากแล้วที่ทั้งสองไม่เคยได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมเลย

 

 

 

 

——

 

 

[1] จิน (斤) มาตราชั่งวัดของจีน โดย 1 จิน เท่ากับ 500 กรัม

 

 

[2] เจียนปิ่งกั่วจือ (煎饼果子) มีลักษณะคล้ายเครป อาจเรียกได้ว่า ‘เครปจีน’ เป็นของทานเล่นขึ้นชื่อของเมืองเทียนจิน แต่ปัจจุบันสามารถหากินได้ทั่วไปในประเทศจีน ซึ่ง 果子 ก็คือปาท่องโก๋นั่นเอง