เล่มที่ 14 เล่มที่ 14 ตอนที่ 398 เจ้ามันสตรีโง่

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เยี่ยโยวเหยาเดินเข้าไปในเรือนอวิ๋นไค

เดิมทีซูจิ่นซีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ทันใดนั้นนางก็หันหลังกลับลงไปนอน แสร้งทำเป็นหลับ

เยี่ยโยวเหยาเดินไปนั่งที่ข้างเตียง และยื่นมือออกไปจับมือของซูจิ่นซี “เป็นอย่างไร? โกรธหรือ? ”

ซูจิ่นซีหลับตา ไม่พูดจา

เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลางโน้มตัวลงไปหวังจุมพิตซูจิ่นซี

ซูจิ่นซียังคงหลับตานิ่ง ไม่ขยับตัว

แก้มของเยี่ยโยวเหยาอยู่ห่างจากริมฝีปากอวบอิ่มของซูจิ่นซีเพียงหนึ่งนิ้ว ทันใดนั้นเขาก็หยุดนิ่งชั่วครู่ และเบี่ยงไปกัดที่ลำคอของซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นทันที นางร้องเสียงต่ำด้วยความเจ็บปวด “เยี่ยโยวเหยา ท่านคิดจะทำสิ่งใด? ”

เยี่ยโยวเหยายืนตัวตรง มองไปทางซูจิ่นซีที่กำลังโกรธจัด ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นสัมผัสที่รอยจูบบนลำคอของตน “ข้ามักวางแผนการอย่างรอบคอบมาโดยตลอด ทั้งไม่ชอบติดหนี้บุญคุณผู้อื่น ยิ่งไม่ชอบให้ผู้ใดติดค้างบุญคุณข้า ดังนั้น… พระชายาที่รัก เมื่อคืนเจ้าเอาเปรียบข้าไปแล้ว ข้าต้องเอาคืนเป็นธรรมดา”

ซูจิ่นซีตกตะลึงไปชั่วขณะ นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทีมึนงง

เยี่ยโยวเหยาเลิกคิ้ว “เป็นอย่างไร? พระชายาที่รัก เมื่อคืนเจ้ายังใจกล้ามากกว่านี้ เช้าวันนี้เพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม เมื่อสวมเสื้อผ้าแล้วก็ทำเป็นไม่ยอมรับแล้วหรือ? ”

ใจกล้ามากกว่านี้?

สวมเสื้อผ้าแล้วก็ทำเป็นไม่ยอมรับ?

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วสงสัย นางเม้มริมฝีปากพลางเงยหน้ามองเยี่ยโยวเหยา ก่อนจะมองดูตนเองอีกครั้ง

“เยี่ยโยวเหยา ท่าน… พูดอันใด? ”

เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย และค่อยๆ เดินไปประชิดตัวซูจิ่นซี ซูจิ่นซีจึงถูกบังคับให้เอนตัวลง

เมื่อศีรษะของซูจิ่นซีกำลังจะกระแทกผนังเตียงที่อยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็คว้าตัวซูจิ่นซีไว้

ลมหายใจทรงเสน่ห์ลึกล้ำวูบไหวผ่านใบหูของซูจิ่นซี “พระชายาที่รัก เจ้าหลับนอนกับข้าถึงสองครั้ง ต้องรับผิดชอบ! ”

“หลับนอน… หลับนอน… ”

ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็เบิกตากว้าง นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาเหลือเชื่อ

เยี่ยโยวเหยาผลักร่างซูจิ่นซีให้นอนราบบนเตียง ก่อนจะลุกขึ้นยืนกอดอก ขมวดคิ้วมองซูจิ่นซี

“ข้าเป็นคนของพระชายาที่รักไปแล้ว พระชายาที่รัก เจ้าอย่าเป็นผู้ที่เริ่มก่อนแล้วทอดทิ้งภายหลัง”

เริ่มก่อนแล้วทอดทิ้งภายหลังหรือ?

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วมุ่นด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นจากเตียงด้วยใบหน้าสำนึกผิด และดึงมือเยี่ยโยวเหยามาตรวจชีพจร

“เยี่ยโยวเหยา หม่อมฉัน… หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคืนหม่อมฉันหลับลึกไปหน่อย ไม่รู้สึกตัว… ไม่รู้สึกตัว… ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? หมุดกร่อนรักส่งผลกระทบอันใดอีกหรือไม่? ท่านรู้สึกว่าไม่สบายที่ใดบ้างหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีทำการตรวจชีพจรอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นความผิดปกติใดๆ จึงหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง “เชิญหมอเทวดาหวามาตรวจดูสักหน่อยเถิดเพคะ”

ซูจิ่นซีเพิ่งพูดถึงหมอเทวดาหวา ขณะที่นางเดินไปถึงบันไดก็เห็นแม่นมฮวาพาหมอเทวดาหวาเดินมาที่ประตูพอดี จึงพูดขึ้นว่า “หมอเทวดาหวา ท่านรีบเข้ามาตรวจอาการของท่านอ๋องเถิด”

“ท่านอ๋อง? ”

หมอเทวดาหวามองแม่นมฮวาด้วยใบหน้าสงสัย นางไม่ได้บอกให้เขามาตรวจชีพจรให้พระชายาหรอกหรือ? เหตุใดจึงเป็นท่านอ๋องแทนเล่า?

หมอเทวดาหวายังไม่ทันได้ตอบอันใด เขากับแม่นมฮวาหันมาสบตากัน ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาที่อยู่ด้านหลังซูจิ่นซีก็ปรากฏกายขึ้น และเดินมาทางนี้ด้วยท่าทางเย็นชา

เยี่ยโยวเหยากอดซูจิ่นซีไว้ในอ้อนแขน

หมอเทวดาหวาและแม่นมฮวาต่างตกใจ หมอเทวดาหวาเอ่ยกับแม่นมฮวาด้วยท่าทีอึดอัดเล็กน้อย “เอ่อ… ”

ใบหน้าของแม่นมฮวาแสดงออกถึงความอยากรู้อยากเห็น นางชี้ไปทางประตู หมอเทวดาหวาเข้าใจในทันที เขาเดินตามแม่นมฮวาออกไปเงียบๆ และปิดประตูลง ดังนั้นภายในเรือนอวิ๋นไคจึงเหลือเพียงเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซี

“เยี่ยโยวเหยา! ”

“…”

“เยี่ยโยวเหยา! ”

“…”

“เยี่ยโยวเหยา! ”

“ซูจิ่นซี เจ้าเป็นสตรีที่โง่เขลาจริงๆ ! ”

“…? ”

ซูจิ่นซีรู้สึกได้ว่าเยี่ยโยวเหยาใช้แรงอย่างมากในการโอบกอดนาง ทำให้นางแทบหายใจไม่ออก ทว่าซูจิ่นซีกลับไม่ขยับเขยื้อน ทั้งไม่ได้ผลักไสเยี่ยโยวเหยาออกไป นางยอมให้เยี่ยโยวเหยาโอบกอดแต่โดยดี

ครู่หนึ่ง ภายในห้องก็มีเสียงของเยี่ยโยวเหยาดังขึ้น

“ซูจิ่นซี ข้าหลอกลวงเจ้า! ”

ผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีจึงส่งเสียงตอบแผ่วเบา “อืม”

“ซูจิ่นซี! ”

“อืม! ”

“ซูจิ่นซี! ”

“อืม! ”

“ซูจิ่นซี! ”

“อืม! ”

……

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม เป็นเวลาที่เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีต้องลงมารับประทานอาหาร เยี่ยโยวเหยาคีบอาหารให้ซูจิ่นซีหลายครั้ง ซูจิ่นซีก็คีบอาหารให้เยี่ยโยวเหยาไปไม่น้อย

ในสายตาของแม่นมฮวา ทั้งสองต่างรักใคร่หวานแหวว ตัวชิดติดกันเหมือนตังเม ทำให้นางยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มใจ

หลังรับประทานอาหารเสร็จ ลวี่หลีก็ยกสำรับอาหารไปเก็บ แม่นมฮวาหัวเราะ ฮิ ฮิ พลางรินน้ำชาให้เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี ก่อนจะพูดกับซูจิ่นซีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พระชายา ท่านเสวยเรียบร้อยแล้วหรือ? ”

ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าแม่นมฮวาต้องการสิ่งใด จึงตอบไปโดยไม่ใส่ใจว่า “เรียบร้อยแล้ว! ”

“แหะ แหะ เสวยแล้วก็ดี เสวยแล้วก็ดี! ”

ซูจิ่นซีรู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ของแม่นมฮวา ต้องไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ นางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “แม่นมฮวา เจ้าต้องการทำอันใด? ”

“แหะ แหะ พระชายา ท่านดูสิ หมอเทวดาหวาอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นให้หมอเทวดาหวาตรวจชีพจรให้ท่านดีหรือไม่? ”

“ตรวจชีพจร? ข้าหรือ? ข้าสบายดี จะตรวจชีพจรทำไม? ”

“แหะ แหะ คือว่า… คือว่า… ”

“แม่นมฮวา มีอันใดก็พูดออกมา อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง! ”

“แหะ แหะ ในเมื่อพระชายาไม่คิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย บ่าวก็ไม่รู้สึกอึดอัดเพคะ บ่าวเชิญหมอเทวดาหวามาก็เพื่อตรวจชีพจรครรภ์ให้พระชายาเพคะ! ”

“พรวด… ”

ซูจิ่นซีที่เพิ่งดื่มชา พลันพ่นน้ำชาออกมาทันที หากไม่ใช่เพราะเยี่ยโยวเหยาที่นั่งอยู่ด้านหน้าสามารถหลบได้อย่างรวดเร็ว นางก็เกือบจะพ่นน้ำชาไปโดนเยี่ยโยวเหยาแล้ว

“แม่นมฮวา เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด? ” ซูจิ่นซีรู้สึกไม่ใคร่พอใจนัก

แม่นมฮวายังคงหัวเราะ ฮิ ฮิ “พระชายา ท่านก็ให้หมอเทวดาหวาตรวจดูหน่อยเถิด ไม่แน่ว่าพระชายาอาจทรงพระครรภ์แล้วก็เป็นได้นะเพคะ! แม่นมอาบน้ำร้อนมาก่อน ท่านเชื่อข้า ไม่ผิดแน่เพคะ! ”

ซูจิ่นซีพลันรู้สึกอารมณเสีย นางลุกขึ้นยืนและกางมือทั้งสองข้างออกให้แม่นมฮวาดูร่างกายของตน “แม่นมฮวา ดวงตาของเจ้ามีปัญหาหรืออย่างไร? เจ้าดู ข้าเหมือนคนตั้งครรภ์หรือ? เหมือนที่ใด? ยิ่งไปกว่านั้น… ”

ซูจิ่นซีกำลังจะพูดว่านางกับเยี่ยโยวเหยายังไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน จะตั้งครรภ์ได้อย่างไร ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับดึงมือของนางไว้

“พระชายาที่รัก ให้หมอเทวดาหวาตรวจดูสักหน่อยเถิด ไม่เห็นเป็นไร”

ซูจิ่นซีมีท่าทีลำบากใจ ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับออกคำสั่งให้หมอเทวดาหวาเริ่มตรวจชีพจรของนาง “ตรวจให้ละเอียด”

“พ่ะย่ะค่ะ! ”

หมอเทวดาหวาเดินมาด้านหน้าซูจิ่นซี “เชิญพระชายา! ”

ซูจิ่นซีรู้สึกอับจนหนทาง แต่เมื่อเห็นท่าทีอ่อนโยนสงบนิ่งของเยี่ยโยวเหยา นางจึงทำได้เพียงยื่นมือให้หมอเทวดาหวาแต่โดยดี

“หมอเทวดาหวา เป็นอย่างไร? ”

หมอเทวดาหวาใช้เวลาตรวจชีพจรครู่หนึ่ง การแสดงออกของเขาดูสับสน แม่นมฮวาจึงรีบถามด้วยความกังวลและตื่นเต้น

หมอเทวดาหวาดึงมือกลับมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนคำนับซูจิ่นซีอย่างนอบน้อม “พระวรกายของพระชายาไม่ผิดปกติอันใด แข็งแรงอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”

นี่ไม่ใช่เรื่องที่แม่นมฮวาต้องการรู้ นางจึงถามต่อไปว่า “โธ่ ท่านพูดสิ่งเหล่านี้เพื่ออันใด? ท่านอ๋องน้อยกี่เดือนแล้ว? ”

หมอเทวดาหวาทำอันใดไม่ถูก

ปกติแล้ว เมื่อหมอเทวดาหวาพูดคำเหล่านี้ออกมา แม่นมฮวาก็ควรเข้าใจอันใดได้บ้าง ทว่าวันนี้สติปัญญาของแม่นมกลับลดต่ำลงหลายเท่า นางฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจสักที

ดังนั้นหมอเทวดาหวาจึงอธิบายว่า

“ท่านอ๋องน้อย? พระชายาไม่มีสัญญาณการตั้งพระครรภ์ ท่านอ๋องน้อยมาจากที่ใด? ”

แม่นมฮวารู้สึกประหลาดใจ นางชะงักไปครู่หนึ่ง ใบหน้ายิ่งแสดงออกอย่างตกตะลึง

“แหะ แหะ หมอเทวดาหวา ท่าน… ท่านคงไม่ได้ตรวจผิดกระมัง? ”