บทที่ 646 : หงุดหงิดรำคาญ!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 646 : หงุดหงิดรำคาญ!

หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงกันเสร็จแล้ว หลิงหยุนจึงสั่งให้ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋กลับไปทำงานที่คั่งค้างของตนเองได้ ส่วนตัวเขาก็เข้าไปที่คลินิกสามัญชน

เสี่ยวเม่ยหนิง เหมี่ยวเสี่ยวเหมา เหยาลู่ พร้อมด้วยพยาบาลสาวสวยอีกสามคนก็อยู่ที่นั่น..

“โอ้โห.. วันนนี้เจ้านายเข้าคลินิกด้วย!”

ชางเสี่ยวเหมิงเป็นคนแรกที่เห็นหลิงหยุนเดินเข้ามา เธอจึงรีบชี้ให้ทุกคนดู และกรีดร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ท่าทางกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจของชางเสี่ยวเหมิงนั้น ทำให้หน้าอกของเธอสั่นจนผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆ ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่

ซันยู่วเจียวที่กำลังจดจ่ออยู่กับคนไข้รอบตัว และกำลังทำงานอย่างจริงจังอยู่นั้น เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนมาแล้ว  ก็รีบเหลือบไปมองที่หน้าประตู และใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย

“หลิงหยุนมาแล้วเหรอ? ไม่รู้ว่าการสอบเอนทรานซ์เป็นยังไงบ้าง? แต่ฉันว่าต้องได้คะแนนสูงสุดของประเทศแน่เลย?”

หลี่จินเลียนพูดขึ้นมา.. เธอเป็นพยาบาลที่อายุมากที่สุดในจำนวนพยาบาลสาวทั้งสามคน จึงมีความใจกล้ากว่าหญิงสาวคนอื่นๆ  ทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้ามาในคลินิก เธอก็รีบลุกขึ้นเดินส่ายสะโพกเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของหลิงหยุนด้วยความรู้สึกเสียดาย

และเมื่อได้เห็นท่าทางของหลี่จินเหลียน ทั้งซันยู่วเจียวและจางเสี่ยวเหมิงต่างก็กรีดร้องอยู่ในใจ ‘เธอกล้าดียังไงถึงได้ไปยืนจ้องหลิงหยุนแบบนั้น แถมยังกอดแขนของเขาไว้ด้วย!’

หลิงหยุนยิ้มให้หลี่จินเหลียนเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปมองคนไข้รอบตัว ส่วนเสี่ยวเม่ยหนิงและเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้น ต่างก็ยุ่งอยู่กับการดูแลรักษาคนไข้ แม้จะได้ยินว่าหลิงหยุนมาถึงแล้ว ก็ยังไม่มีเวลาว่างที่จะเดินมาทักทาย

“สองคนนั้นได้ทานข้าวเที่ยงหรือยัง?” หลิงหยุนชี้ไปทางสาวสวยทั้งสองคนซึ่งเป็นหลานของท่านเสี่ยวหมอเทวดาพร้อมกับกระซิบถามเสียงเบา

“จะมีเวลาว่างไปกินได้ยังไง?”

หลี่จินเหลียนเลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับบ่นพึมพำว่า “เจ้านาย.. คุณดูสิคะ! คนไข้นั่งกันเต็มคลินิกแบบนี้ จะเอาเวลาที่ใหนไปกิน!”

ภายในคลินิกตอนนี้มีคนไข้นั่งรออยู่มากมาย ม้ายาวจากเดิมที่มีอยู่ถึงสี่ตัวนั้น ตอนนี้ก็ไม่เพียงพอแล้ว และได้ซื้อเพิ่มมาอีกแปดตัว รวมเป็นทั้งหมดสิบสองตัว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่เพียงพออยู่ดี เพราะยังมีคนไข้บางส่วนที่ยังต้องยืนรอ

หลิงหยุนเห็นภาพคนไข้แน่นคลินิกแบบนี้ ก็ทั้งโมโหและเศร้าใจ!

เมื่อครั้งที่วางแผนเปิดคลินิกในตอนแรกนั้น หลิงหยุนได้บอกกับเหยาลู่ไว้ว่า เขาจะคิดค่ารักษาผู้ป่วยสามแสนหยวนต่อคน แต่ตอนนี้กลับถูกเสี่ยวเม่ยหนิงและเหมี่ยวเสี่ยวเหมายกเลิกไป!

“อะไรกันพี่หลิงหยุน.. สามแสนหยวน! มันไม่ค้ากำไรเกินควรไปหน่อยเหรอ?”

นี่เป็นคำอุทานของเสี่ยวเม่ยหนิงเมื่อครั้งที่เธอได้ยินค่ารักษาที่หลิงหยุนตั้งไว้ตั้งแต่แรก!

และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็ถึงกับกร่นด่าหลิงหยุนอยู่ในใจว่า เขาเป็นคนโลภมากและไร้ยางอายอย่างที่สุด!

สองสาวจึงได้กำหนดค่ารักษาของคลินิกสามัญชนขึ้นมาใหม่ และแน่นอนว่ามันได้นำความเจ็บปวดมาให้หลิงหยุนอย่างมาก ทุกวันตั้งแต่เช้าจนดึกจะมีคนไข้เข้ามารอรับการรักษาจนแน่นคลินิกไปหมด ทุกคนจึงไม่มีเวลาแม้แต่จะได้กินข้าว  และต้องใช้เวลาทั้งหมดอยู่ที่คลินิก ไม่มีเวลาได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ใหนเลย!

หลิงหยุนขมวดคิ้วขณะที่เดินเข้าไปหาเหยาลู่ในห้องลงทะเบียน เขายิ้มให้กับเหยาลู่พร้อมกับถามขึ้นว่า

“เหยาลู่.. วันนี้มีรายได้เข้ามาเท่าไหร่?”

เหยาลู่รีบส่งยิ้มสดใสให้กับหลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า “วันนี้มีคนไข้เกือบเจ็ดสิบราย รวมแล้วก็สามพันหยวน..”

“เฮ้อ.. ค่ารักษาครั้งละห้าสิบหยวน!” หลิงหยุนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม เมื่อคิดว่าค่ารักษาของคลินิกเขานั้นช่างถูกมากเสียเหลือเกิน..

“เหยาลู่.. คุณได้ทานข้าวบ้างหรือยัง?”  หลิงหยุนถามขึ้น

เหยาลู่ยกมือขึ้นชี้ไปทางเสี่ยวเม่ยหนิงกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาพร้อมกับส่ายหน้า แต่ก็ไม่พูดอะไร.. และหลิงหยุนก็เข้าใจได้ทันทีว่า ในเมื่อหญิงสาวทั้งสองคนยังไม่ได้กิน เธอจะเลี่ยงไปกินคนเดียวได้อย่างไร?

หลิงหยุนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก  เขารีบเดินไปหาเสี่ยวเม่ยหนิงพร้อมกับร้องบอกไปว่า

“พวกคุณสองคนยุ่งอยู่.. ผมจะพาคนที่เหลือไปกินข้าวเที่ยงก่อนนะ!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็ดึงเหยาลู่ให้ลุกขึ้น และร้องบอกพยาบาลสาวสวยทั้งสามคนว่า “ไปกัน.. ผมจะพาพวกคุณไปกินมื้อใหญ่!”

 “จริงๆเหรอ?!”

หลี่จินเหลียนตื่นเต้นดีใจจนตัวสั่น และรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที

“ห๊ะ! ไปกินข้าวเหรอ?!”

ชางเสี่ยวเหมิงหิวมากจริงๆ และเมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนจะพาพวกเธอไปทานอาหาร ก็ถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความหิวทันที แต่เมื่อมองคนไข้ที่อยู่เต็มคลินิกไปหมด พยาบาลสาวทั้งสองคนก็เริ่มลังเล

ซันยู่วเจียวนั้นแทบไม่สนใจฟังคำพูดของหลิงหยุน เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการดูแลคนไข้

หลิงหยุนเห็นท่าทางลังเลของทุกคนก็เริ่มโมโห และคร้านที่จะสนใจอะไรอีก จึงพูดขึ้นว่า

“ผมกับเหยาลู่จะออกไปทานข้าว  ใครอยากจะกินก็ตามมา แต่ถ้าไม่อยากไปกินก็ทำงานต่อไป..”

เสี่ยวเม่ยหนิงได้ยินว่าหลิงหยุนมาก็ดีใจอย่างมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะมา แต่เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนกำลังจะพาเหยาลู่กับพยาบาลสาวทั้งสามคนไปกินข้าวโดยไม่สนใจเธอกับพี่สาว ก็ถึงกับเจ็บปวดใจจนแทบฝังเข็มไม่ถูก..

“รอเดี๋ยวนะคะ!”

เสี่ยวเม่ยหนิงร้องบอกคนไข้ให้คอยเธอประเดี๋ยว แล้วรีบวิ่งออกมาหาหลิงหยุน ดวงตากลมโตรื้อไปด้วยน้ำตานั้นจ้องมองหลิงหยุนไม่กระพริบ..

น่าแปลก..! เด็กสาวตัวแสบสามารถฝึกวิชาหลิงซีจนสามารถดูดซับพลังชีวิตบางอย่างได้แล้ว อีกทั้งหลังจากได้รับคำแนะนำจากหลิงหยุนอย่างใกล้ชิด ทำให้เธอสามารถใช้เก้าเข็มปลุกชีพรักษาคนไข้ได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย

นับว่าทักษะทางการแพทย์ของเสี่ยวเม่ยหนิงนั้น ได้ถูกถ่ายทอดทางสายเลือดโดยตรงจากท่านเสี่ยวหมอเทวดา เพราะเวลานี้วิชาเก้าเข็มปลุกชีพของเธอนั้นนับว่าทรงอานุภาพไม่น้อยเลยทีเดียว และหากรักษาที่คลินิกสามัญชนอีกไม่นาน เธอก็คงจะมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน!

“พี่หลิงหยุน.. นี่พี่..”

เมื่อสาวน้อยตัวแสบวิ่งออกมาเห็นหลิงหยุนกำลังยืนกอดเอวเหยาลู่ไว้ ดวงตากลมโตของเธอก็มีน้ำตาเอ่อขึ้นมาทันที

เหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่ได้เดินออกมาด้วย เธอยังคงใช้เข็มเงินรักษาให้กับคนไข้ต่อไป แต่เข็มเงินในมือก็หยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงหยุน แต่ก็รีบทำการฝังเข็มให้คนไข้ต่อไปทันที

“คนไข้ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการที่คุณกำหนดค่ารักษาขึ้นมาใหม่ แต่ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว ยังไม่มีใครได้กินข้าวเที่ยงเลย ผมจะพาทุกคนไปกินข้าวก่อน ถ้าคุณสองคนอยากจะอยู่รักษาคนไข้ต่อ ก็อยู่ไป!”

และนี่คือราคาที่การเป็นคนดีจะต้องจ่าย!

จนถึงตอนนี้หลิงหยุนเพิ่งจะเข้าใจว่า.. เหตุใดในคืนที่เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้งบนโลกใบนี้ในสภาพที่นั่งจมกองเลือดนั้น จึงไม่มีรถคันใหนหยุดช่วยเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทั้งที่มีรถวิ่งผ่านไปผ่านมามากมาย!

ไม่มีเลย.. แม้แต่คนเดียว!

หลิงหยุนดึงมือเหยาลู่ออกจากคลินิกไปทันทีโดยไม่สนใจใครอีกเลย และใครอยากจะตามเขามา ก็ตามมา  แต่ถ้าใครไม่อยากตามมา ก็ไม่ต้องมา!

หลี่จินเหลียนไม่รีรอ เธอรีบวิ่งตามหลิงหยุนออกไปทันที ชางเสี่ยวเหมิงนั้นลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็วิ่งตามออกไปเช่นกัน ภายในคลินนิกจึงเหลือเพียงแค่เหมี่ยวเสี่ยวเหมา เสี่ยวเม่ยหนิงที่ยืนน้ำตาไหลอาบแก้ม และซันยู่วเจียวเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย และเดินโอบเหยาลู่ออกไปทันที  เสี่ยวเม่ยหนิงก็ถึงกับสะอื้นด้วยหัวใจที่แตกสลาย

ทางด้านนอกคลินิกนั้น..

“สวัสดี.. ผมได้ยินว่าที่คลินิกนี้มีหมอเก่งมาก แล้วก็คิดค่ารักษาไม่แพงด้วย ไม่ทราบว่าเป็นความจริงมั๊ย?”

รถหรูหราคันหนึ่งมาจอดอยู่ที่หน้าประตูคลินิก และชายวัยกลางคนท่าทางร่ำรวยมากคนหนึ่งก็เดินออกมาจากรถ และหยุดถามหลิงหยุนที่เดินมาพร้อมกับสาวๆอีกสามคนด้วยท่าทางสุภาพ

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปว่า “จริง! ที่นี่มีหมอเก่งมาก แต่ราคาไม่ได้ถูกมาก ตรงกันข้าม.. ค่ารักษาแพงมากต่างหาก!”

“ค่ารักษาห้าสิบหยวนนี่แพงแล้วเหรอ? หรือผมเข้าใจอะไรผิดไป?”  ชายวัยกลางคนถามอย่างประหลาดใจ

“คุณไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรอกครับ แค่จำราคาค่ารักษาผิดไปเท่านั้น ที่นี่ค่ารักษาอยู่ที่สามแสนหยวน..  ไม่ใช่ห้าสิบหยวน!” หลิงหยุนตอบหน้าตาเฉย

“ห๊ะ! สามแสนหยวน!”  ชายวัยกลางคนท่าทางร่ำรวยถึงกับอึ้งไป

“นี่คุณอย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย.. คลินิกที่ใหนกันคิดค่ารักษาครั้งละสามแสน?!”

ชายวัยกลางคนท่าทางร่ำรวยเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เพราะคิดว่าหลิงหยุนกำลังล้อเขาเล่น

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับยกมือชี้ไปที่ป้ายคลินิก แล้วตอบไปว่า “ผมเป็นหมอและเป็นเจ้าของคลินิกแห่งนี้ คุณคิดว่าผมจะพูดล้อเล่นงั้นเหรอ?”

“บ้าไปแล้ว!” ชายวัยกลางคนท่าทางร่ำรวยถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในรถด้วยความไม่พอใจ แล้วขับออกไปทันที!

แม้แต่หลี่จินเหลียนและชางเสี่ยวเหมิงเองก็ถึงกับอึ้งไปเช่นกัน.. ‘สามแสนหยวน?!’

หญิงสาวทั้งสองคนหันกลับไปมองที่คลินิก นึกถึงเงินเดือนที่หลิงหยุนจ่ายให้กับพวกเธอ แล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ในวันเปิดคลินิก ทั้งคู่ได้แต่นึกสับสนอยู่ในว่าหลิงหยุนนั้นเป็นคนเช่นไรกันแน่?

นี่หลิงหยุนไม่ใช่คนใจบุญ.. เขาเปิดคลินิกขึ้นมาเพื่อหาเงิน และต้องการหาเงินให้ได้มากๆด้วย!

หลิงหยุนไม่ได้ออกไปกินไกลนัก เขาหาร้านอาหารซีฟู้ดใกล้ๆ และให้เหยาลู่สั่งอาหารซีฟู้ดมื้อใหญ่มากินกัน หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงทุกคนก็กลับไปที่คลินิก

เมื่อทั้งสี่คนเดินกลับมาถึง คนไข้ที่อยู่ในคลินิกก็ลดจำนวนลงมากแล้ว เหลือเพียงแค่สิบกว่าคนเท่านั้นที่กำลังรอให้เสี่ยวเม่ยหนิง และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาทำการรักษา

หลิงหยุนจงใจพูดกับชางเสี่ยวเหมิงเสียงดัง “หลังจากนี้ไป ถ้ามีคนไข้เข้ามา ให้บอกไปว่าที่นี่คิดค่ารักษาพยาบาลครั้งละสามแสน แล้วก็ลดไม่ได้แม้แต่หยวนเดียว เข้าใจมั๊ย?”

ชางเสี่ยวเหมิงได้ยินคำสั่งของหลิงหยุนก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆเป็นไก่จิกข้าวเปลือกทันที..

“ไปเหยาลู่..  ขึ้นไปข้างบนแล้วก็ช่วยเตรียมชาชั้นเยี่ยมมาให้ผมด้วย เสร็จแล้วก็มาช่วยนวดให้ผมหน่อย ที่ร้านอาหารซีฟู้ดนั่น อาหารทะเลก็อร่อยดีอยู่หรอก แต่ชารสชาติแย่มาก!”

จากนั้นหลิงหยุนก็พาเหยาลู่เดินขึ้นไปชั้นสอง และยังคงไม่สนใจเสี่ยวเม่ยหนิง ราวกับว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย

แทบไม่ต้องพูดถึง.. เสี่ยวเม่ยหนิงนั้นเสียใจอย่างมาก ดวงตากลมโตนั้นแดงก่ำและมีน้ำตาไหลพรากในระหว่างที่ทำการฝังเข็มให้กับคนไข้

หลิงหยุนเดินขึ้นไปชั้นสอง ระหว่างที่เหยาลู่ไปเตรียมน้ำชาให้นั้น เขาก็นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับแสยะยิ้มและพึมพำออกไปว่า

“ค่ารักษาห้าสิบหยวนงั้นเหรอ!?”

เหยาลู่จัดการยกชามาให้หลิงหยุนเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มนวดผ่อนคลายให้กับเขา

“เหยาลู่ คุณนวดเก่งขึ้นมากเลยนี่..”

เหยาลู่ยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ฉันเสียเงินไปเรียนนวดกับอาจารย์ที่เก่งที่สุดเชียวนะ! จะได้เอาไว้ใช้นวดให้คุณไง”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังมีความสุขอยู่นั้น เขาก็เห็นเหมี่ยวเสี่ยวเหมาลากเสี่ยวเม่ยหนิงขึ้นมาชั้นสองพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ

“หลิงหยุน!  ฉันต้องการคำอธิบาย!”