เย่เทียนกวาดตามองแขกเหรื่อที่จับกลุ่มคุยกันอยู่แล้วคลี่ยิ้มบางๆที่มุมปาก
นี่แหละเหตุผลที่ทำไมแวดวงไฮโซถึงชอบจัดปาร์ตี้แบบตะวันตกไม่ว่าจะงานไหน
หนึ่งเพื่อไม่ให้เบื่อก่อนงานเริ่ม สองคือให้ช่องทางทุกคนได้รู้จักกัน
นี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำไมบรรดาเจ้าของธุรกิจเล็กถึงกลางตัดสินใจมาหลังจากได้รับคำเชิญจากตระกูลเฉิน ไม่แน่ว่าแค่เวลาที่ดื่มกันอาจจะได้พาร์ทเนอร์ธุรกิจเพิ่มมาก็ได้
น่าเสียดายที่ถึงคนจะมากันไม่น้อย แต่จนบัดนี้ในบรรดาคนทั้งงานเย่เทียนรู้จักแค่สองคน—สองพี่น้องเฉินจงเหอ
ทั้งสองเดินไปทางนู้นทีทางนี้ทีท่ามกลางผู้คนอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะเจอใครก็พูดคุยทักทายกับเขาได้ สวมหน้ากากเสแสร้งได้เนียนถึงขีดสุด
ทว่าภรรยาของสองพี่น้องเฉินจงเหอไม่ได้มากับพวกเขาด้วย สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เย่เทียนสรุปข้อเท็จจริงได้หนึ่งข้อ
ลูกสะใภ้สองคนของตระกูลเฉินคงจะอยู่กับเฉินชังไห่ เจ้าของวันเกิดวันนี้ในสักห้องของโรงแรมนี้ล่ะสิ
ยังไงซะตัวเอกก็มักจะออกโรงทีหลังไม่ใช่เหรอ
“คนหล่อ ดื่มเป็นเพื่อนฉันสักแก้วได้มั้ย”
เวลานั้น จู่ๆก็มีเสียงเย้ายวนของหญิงสาวดังมาจากด้านหลัง เรียกสติเย่เทียนจากการใช้ความคิด
หันมองไปตามเสียง เป็นหญิงสาวอายุน้อยพราวเสน่ห์ที่แต่งหน้าอ่อนๆ เธอสวมกระโปรงยาวปาดไหล่ แทบจะบีบหน้าอกหน้าใจให้ทะลักออกมานอกชุด
เขาเหลือบมองร่องลึกของหญิงสาวตามสัญชาตญาณแล้วสีหน้าประหลาดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ความเว้าความโค้งของผู้หญิงก็เป็นเหมือนเวลา หากพยายามเจียดก็พอจะมีได้บ้าง แต่น่าสงสารหญิงสาวอายุน้อยตรงหน้า รัดขนาดนี้ไม่ทรมานบ้างเหรอ
เคร้ง!
แม้จะแดกดันอยู่ในใจ แต่เย่เทียนยังคงรักษาสีหน้าสงบและลุกขึ้นอย่างเป็นสุภาพบุรุษ พร้อมยกแก้วไวน์ชนกับแก้วของหญิงสาว
“คนสวยคนนี้ ได้ดื่มกับคุณเป็นเกียรติของผม”
ในที่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนไม่สนใจในตัวหญิงสาวพราวเสน่ห์ผู้นี้ แต่ก็ต้องรักษาภาพพจน์สุภาพบุรุษของตัวเองไว้ไม่ใช่หรือไง
ยังไงซะเฉินหวั่นชิงก็ให้ความสำคัญกับวันนี้มาก ถ้าเขาผู้เป็นสามีทำให้เธอต้องขายหน้า ใครจะรู้ว่าเธอจะทำอะไรตัวเองบ้าง
หญิงสาวพราวเสน่ห์จิบไวน์อย่างพอใจพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มหวาน “เมื่อกี้ฉันเห็นคุณคุยกับประธานเฉิน ดูท่าคุณจะสนิทกันมากนะคะ ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
เย่เทียนอมยิ้มและตอบ “ผมเหรอครับ ผมเป็นแค่คนไร้ชื่อเท่านั้นแหละครับ”
“คนหล่อ อย่าล้อฉันเล่นเลยค่ะ ถ้าคุณเป็นคนไร้นามจริงๆ ฉันคงเป็นแค่กบในกะลาแล้วค่ะ”
ดวงตาที่ปัดมาสคาร่ามาของหญิงสาวพราวเสน่ห์ส่งสายตาหยอกเย้าให้อย่างไม่เกรงกลัว เธอถามหยั่งเชิงด้วยรอยยิ้มหวาน “คนหล่อ คุณต้องเป็นประธานใหญ่ของที่ไหนสักแห่งใช่มั้ยคะ มิฉะนั้นจะได้พูดคุยกับประธานเฉินได้ยังไง”
เย่เทียนชะงัก เขารู้ดีว่าถ้าตัวเองยอมรับตามที่หญิงสาวพราวเสน่ห์คนนี้พูด คงไม่ต้องรอให้ถึงกลางคืน แค่กินข้าวเที่ยงมื้อนี้เสร็จผู้หญิงคนนี้ก็จะคลาสขึ้นเตียงไปรอตัวเองแต่โดยดี
น่าเสียดายที่ไม่ว่าเย่เทียนมีความคิดแบบนี้หรือไม่ เขาก็ไม่กล้าอยู่ดี
นอกใจในวันเกิดท่านปู่เฉิน? ได้โดนเฉินหวั่นชิงเฉือนตรงนั้นทิ้งพอดี
“ผมไม่ใช่ประธานใหญ่อะไรหรอกครับ ที่ผมได้พูดคุยกับประธานเฉิน ก็เพราะ…..”
การจะพูดแต่ไม่พูดของเย่เทียนกลับกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาวพราวเสน่ห์จนถึงขีดสุด เธอเบิกตากว้างและพูดอย่างร้อนใจ “เพราะอะไรคะ คุณรีบบอกมาสิคะ”
เย่เทียนแสยะยิ้มมุมปาก “ผมเป็นบอดี้การ์ดของประธานเฉินครับ”
หญิงสาวพราวเสน่ห์ได้ฟังดังนั้นก็อึ้งไปเลย ผ่านไปหลายวิกว่าจะได้สติและหันหลังเดินออกไปทันที
“ชิ อะไรกัน เป็นแค่บอดี้การ์ดแต่แต่งตัวอย่างกับคุณชาย ไม่สำเหนียกตัวเองเลยจริงๆ”
ขณะนั้น หน้าประตูมีเสียงดังกังวานของคนติดตามดังมากะทันหัน
“ผู้นำตระกูลเหลียงแห่งเจียงหนัน เหลียงเหวินเห้า และลูกสาวเหลียงเยว่หรูมาถึงแล้ว!”
ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ส่งผลให้ผู้คนที่กำลังคุยกันในห้องจัดเลี้ยงหยุดสิ่งที่ทำอยู่ และพากันมองไปที่ทางเข้า
“ผู้นำเหลียง เสียมารยาทจริงๆที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ!”
เฉินจงเหอสองพี่น้องในฐานะผู้นำตระกูลเหมือนกันถึงขั้นเดินออกมาจากฝูงชน และเข้าไปร้อนรับร่างสองร่างที่ค่อยๆเดินเข้ามาทางประตู
ยังไงซะตระกูลเหลียงก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงหนันเหมือนกับตระกูลเฉิน พวกเขาไม่กล้าเสียมารยาทกับเหลียงเหวินเห้าที่มาด้วยตัวเองหรอก
แต่เย่เทียนกลับเฉยเมย หรือเรียกได้ว่าเขามองร่างองอาจตรงหน้าทางเข้าด้วยสายตาขุ่นเคืองก็ว่าได้
เมื่อวานเหลียงเหวินเห้าขุดหลุมพรางใหญ่ขนาดนั้นให้เขา และชนิดที่เขาไม่ยอมกระโดดลงไปก็ไม่ได้ เขาจะอารมณ์ดีต่อการมาของเหลียงเหวินเห้าสิแปลก
“เย่เทียน”
ระหว่างที่เหลียงเหวินเห้าคุยกับเฉินจงเหอสองพี่น้องอยู่ เหลียงเยว่หรูหันมองไปรอบๆและพบเย่เทียนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูนักอย่างว่องไว จึงวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าดีใจ
เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวแต่งหน้าแต่งตัวมาเป็นพิเศษ เธอสวมกระโปรงยาวสีฟ้า ยิ้มแล้วตาโค้งประหนึ่งดวงจันทร์ ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กสาวข้างบ้านที่เพิ่งโตเป็นสาว
เหลียงเยว่หรูไม่สนเลยว่ามีคนอยู่ตั้งมากมาย เธอกอดแขนเย่เทียนอย่างไม่เกรงกลัว
ภาพนี้เป็นการท้าทายความรู้สึกของผู้คนในที่นี้อย่างไม่ต้องสงสัย ต่างพากันสอบถามเรื่องราวของเย่เทียนจากคนข้างๆ
คนที่เสียใจที่สุดเห็นจะเป็นหญิงสาวพราวเสน่ห์ที่ให้ท่าเย่เทียนก่อนหน้านี้ เธอนิ่งอึ้งมองทั้งสองคนราวกับโดนสะกดจุด
แค่บอดี้การ์ดจะให้คุณหนูตระกูลเหลียงทำท่าทำทางสนิทสนมเช่นนี้ต่อหน้าสาธารณชนได้เหรอ?
หญิงสาวพราวเสน่ห์รู้สึกโลกหมุน สำนึกเสียใจจนแทบอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆสักที ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้เธอกลับพลาดไป
เพียงครู่เดียว ต่อให้เป็นคนส่วนน้อยที่ดูคนไม่เป็นอย่างหญิงสาวพราวเสน่ห์คนนั้น ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในงานก็ทราบความสัมพันธ์ของเย่เทียนและเฉินหวั่นชิงแห่งตระกูลเฉินแล้ว
ยังไงซะสองสามวันก่อนหน้านี้พวกเขาขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มา ขอเพียงนึกย้อนไปหน่อยจะนึกให้ออกไม่ใช่เรื่องยาก
แต่หลังจากรู้พื้นเพของเย่เทียนแล้วพวกเขายิ่งต้องตกใจ
ไหนคนอื่นบอกว่าเย่เทียนเป็นเขยตระกูลเฉินไง เหลียงเยว่หรูทำแบบนี้หมายความว่ายังไง
เหลียงเยว่หรูไม่สนสายตาประหลาดที่คนอื่นมองมาเลย เธอควงแขนเย่เทียนราวกับไม่มีใครอยู่ที่นี่ และยิ้มเบิกบานราวดอกไม้
การสนับสนุนของเหลียงเหวินเห้าเป็นสิ่งสำคัญที่หนุนหลังเธออยู่ ขอเพียงคว้าความสุขมาได้ เธอไม่ถือถ้าต้องเล่นละครบทเมียน้อยที่ขึ้นมาแทนที่เมียหลวง
ภาพนี้ดึงดูดสายตาของเหลียงเหวินเห้าและสองพี่น้องเฉินจงเหอด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
สีหน้าเหลียงเหวินเห้าอึดอัดขึ้นมาทันใด รำพึงในใจว่าลูกสาวคนนี้โดนตามใจจนไม่สนสิ่งใดๆจริงๆ ต่อให้พ่อจะสนับสนุนก็ต้องดูกาลเทศะหน่อยสิ?
สีหน้าเฉินจงเหออึมครึมลงในบัดดล เขาจ้องเย่เทียนอย่างดุดัน ส่วนลึกของนัยน์ตาฉายความเกรี้ยวกราดอยู่ลางๆ
ว่ากันว่า: จะทำตัวให้เป็นคนดีใช้เวลาสามปี จะทำตัวให้เป็นคนเลวใช้เวลาเพียงสามวัน
แม้ว่าเขาจะพอรู้คร่าวๆถึงความเปลี่ยนแปลงของเย่เทียนในหลายเดือนมานี้ แต่เขาก็ยังไม่ค่อยประทับใจลูกเขยอย่างเย่เทียน
ถ้าเย่เทียนกล้าทรยศเฉินหวั่นชิงจริงๆ เขาในฐานะพ่อไม่ยอมปล่อยเย่เทียนไปง่ายๆแน่นอน!
แต่เฉินจูนหือกลับยิ้มกว้างยิ่งขึ้น และเป็นรอยยิ้มจากใจจริง
ถ้าถามว่าใครในงานนี้อยากให้เย่เทียนก่อเรื่อง ต้องเป็นเขาแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย..