เทาเท่พาหลินจือกลับบ้าน ขณะเดียวกันไกรภพก็ไปเยี่ยมซูซีที่โรงพยาบาล
พอซูซีเห็นไกรภพก็ร้องไห้ขึ้นมา เธอโอบเอวของไกรภพและพูดอย่างน้อยใจว่า “Eric ฉันเจ็บจังเลยค่ะ รู้สึกเหมือนกระดูกทั้งร่างใกล้จะหักหมดแล้ว หมดบอกว่าฉันยังมีภาวะไขสันหลังถูกกระทบอย่างแรงอีก”
“ทำให้คุณต้องเจ็บตัวเลย” ไกรภพก้มหน้าลงมองไปที่เธอที่กำลังโอบเอวเขาอยู่ นัยน์ตากลับมีความโหดเหี้ยมอยู่
ตกจากบันไดสูงออกอย่างนั้น ทำไมไม่ตายนะ?
หรือไม่ทำไมไม่แขนขาหักนะ ทำไมถึงเป็นแค่ภาวะไขสันหลังถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงเท่านั้น?
ใช้วิธีการอย่างนี้ใส่ร้ายหลินจือ ไอเดียเป็นเขาที่คิดขึ้นออกมา จุดประสงค์ที่เขาคิดไอเดียนี้ออกมาก็คือต้องการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งใส่ร้ายหลินจือ และอยากให้ซูซีได้รับบาดเจ็บด้วย
ในใจเขาหวังไว้ว่าอยากที่จะให้ซูซีตกลงมาตายในตอนนั้น อย่างนี้แล้วหลินจือก็แก้ต่างไม่ได้ โทษทำร้ายคนคงสำเร็จ ถึงแม้ว่าไม่ถึงขั้นประหาร แต่ครึ่งนึงของชีวิตก็ต้องอยู่ในคุก
ก่อนหน้านี้ข่าวที่หลินจือเป็นลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัสดังระเบิดออกอย่างนั้น และถึงเวลานั้นตระกูลแม็กซิมัสก็คงไม่มีทางออกหน้าปกป้องหลินจือได้ หลินจือเลยจะได้ถูกต้องโทษว่าเป็นผู้ร้ายฆ่าคน
ใครจะคิดว่าซูซีกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยแค่นั้น แต่ก็รับกับคำพูดที่ว่า “คนเลวมักอยู่นาน”
แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อน ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก็พอ ยังไงซะตอนนี้หลินจือก็ถูกคิดบัญชีเข้าแล้ว
แน่นอนว่าซูซีไม่รู้ความคิดพวกนี้ของไกรภพ ตอนนี้เธอตายใจต่อไกรภพ ไกรภพพูดอะไรก็ฟังหมด ไม่งั้นถ้าอิงตามนิสัยของเธอแล้วจะเป็นไปได้ไงที่จะทำเรื่องอันตรายตกบันไดลงมาอย่างนี้
เธอเงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมกอดของไกรภพและถามว่า “คุณแน่ใจนะคะว่าได้ทำลายกล้องวงจรไปทั้งหมดแล้ว?”
ไกรภพตอบกลับอย่างชัดเจนว่า “แน่นอน”
ซูซีพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “งั้นก็ดี ครั้งนี้ฉันจะให้นังหลินจือมันไม่ได้เกิดแน่!”
ไกรภพพูดว่า “เพียงแค่คุณกัดมันไม่ปล่อย มันคงหนีไม่พ้นหรอก”
เทาเท่รักหลินจือไม่ใช่หรอ รักจนขาดหลินจือไม่ได้เลยไม่ใช่หรอ งั้นเขาทำได้แค่ลงมือกับหลินจือนั่นจะได้ทำให้เทาเท่มีชีวิตอย่างไม่เป็นสุข
“จัดการกับหลินจือแล้ว ต่อมาพวกเราก็จัดการกับเทาเท่” ไกรภพพูดเสียงเรียบ “ก่อนกลับประเทศผมได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทคู่แข่งของเทาเท่แล้ว พวกเราจะจัดการเก็บตระกูลฟอเรนาราบเรียบ ถึงเวลานั้นเทาเท่ได้เห็นดีกัน”
“จริงหรอ?” ซูซีทั้งตะลึงทั้งดีใจระคนกัน
เธอคิดไม่ถึงว่าไกรภพจะมีความสามารถอย่างนี้
ไกรภพยกมือลูบบนศรีษะของเธออย่างรักใคร่ “เพื่อช่วยคุณแก้แค้น ให้ผมทำอะไรผมทำได้หมด”
“Eric คุณดีจังเลย!” ซูซีโผเข้ากอดในอ้อมกอดของไกรภพอีกครั้ง “หลังจากนี้คุณพูดอะไรฉันจะฟังทุกอย่าง”
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเธออยากให้เทาเท่กับหลินจือใช้ชีวิตอย่างไม่สงบสุขมากแค่ไหน ตอนนี้ไกรภพกลับช่วยเธออย่างเต็มที่ แน่นอนว่าเธอจะต้องฟังคำพูดของไกรภพทุกอย่าง
ไกรภพที่ถูกเธอโอบกอดนั้น นัยน์ตาก็ฉายให้เห็นถึงความเย็นชา แต่ปากกลับพูดว่า “โอเค แต่ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นให้คุณทำอะไร คุณรักษาแผลก็พอ เรื่องอื่นนั้นเดี๋ยวผมจัดการเอง”
“คุณพักผ่อนนะ ผมไปจัดการเรื่องฟ้องหลินจือ” ไกรภพพูดจบก็ปล่อยซูซี ซูซีปล่อยเขาไปอย่างไม่อยากที่จะปล่อยซะเท่าไหร่
หลังจากที่ไกรภพได้จากไปแล้ว เนียร์ก็มาเยี่ยมซูซี แต่ว่าเรื่องแรกที่เนียร์ทำหลังจากเข้าห้องผู้ป่วยคือต่อว่าซูซี “ทำไมลูกโง่อย่างนี้ ทำตัวเองตกลงจากบันได มันอันตรายนะ”
ซูซีไม่ใส่ใจ “นี่ก็ไม่ใช่เพื่อให้นังหลินจือลงนรกหรอ ถ้าไม่ทำจะกำจัดมันไปได้ยังไง”
Ericพูดกับเธอแบบนี้ เดิมทีเธอก็กลัวตัวเองบาดเจ็บเหมือนกัน ไม่อยากทำตามแผนการที่Ericเสนอขึ้น แต่หลังจากที่ฟังEricพูดโน้มน้าวแล้ว เธอก็ลังเลใจ
แค่ให้ได้ทำลายหลินจือ เธอบาดเจ็บหน่อยจะเป็นไรไป?
พระเจ้าก็คุ้มครองเธอ ตอนนี้เธอก็ไมได้เป็นอะไร
เนียร์พูดอย่างไม่พอใจว่า “แต่ถ้าลูกตกลงมาแล้วเป็นอะไรขึ้นจะทำยังไง?”
ถึงอย่างไรเนียร์ก็เป็นแม่ของซูซีเลยยังคงสนใจเรื่องความเป็นความตายของซูซี ตอนนี้เบลซก็อยู่ในคุก คนที่เนียร์มีอยู่ก็มีแค่ซูซี เธอไม่อยากให้ซูซีเป็นอะไรขึ้นมา
ซูซีสีหน้าไม่พอใจ “แต่หนูก็ไม่เป็นอะไรแล้วนิ”
เนียร์ก็พูดอีกว่า “นี่เป็นไอเดียของEricที่เสนอให้ลูกหรอ? เขาให้ลูกทำเรื่องอันตรายแบบนี้ เขามีลูกอยู่ในใจซะที่ไหน?”
ซูซีทนไม่ไหวที่จะตะคอกเนียร์ขึ้น “พอได้แล้วแม่ แม่อย่าพูดมาก หนูก็ไม่เป็นไรแล้วไง”
ตอนนี้ซูซีทนฟังคนอื่นพูดถึงไกรภพไม่ดีไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ต่อให้คนนั้นจะเป็นแม่แท้ๆของเธอก็ไม่ได้ ในสายตาของเธอ ตอนนี้ไกรภพเป็นคนที่รักเธอมากที่สุด
เนียร์เห็นลูกสาวมีท่าทีรำคาญ เลยเม้มปากไม่พูดว่าอะไร
Ericคนนั้นรักลูกสาวของเธอจริงๆหรอ? ได้เห็นเขาช่วยพวกเธอในยามยากเธอเชื่อความบริสุทธิ์ใจของเขา แต่การที่รักผู้หญิงคนนึงจริงๆทำไมถึงยอมให้เธอไปเสี่ยงอันตราย?
นทีบดีรวดเร็วมาก คืนวันนั้นก็นั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับมาจากต่างประเทศ วันถัดมาจึงมาปรากฏอยู่ที่บ้านของหลินจือ แน่นอนว่าเทาเท่ก็อยู่ด้วย
หลินจือทำกาแฟด้วยตัวเองสองแก้ว แก้วนึงให้นทีบดี อีกแก้วให้เทาเท่
ทนายนทีบดีที่หน้าตาหล่อเหลาและดูหยิ่งยโสนั้นซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล “ผ่านไปนานอย่างนี้ ในที่สุดก็ได้กินกาแฟของคุณอีก”
แต่ก่อนตอนที่หลินจือเป็นภรรยาเทาเท่ พวกนทีบดีก็ไปหาเทาเท่เพื่อรวมตัวกัน ดังนั้นเลยเคยดื่มการแฟที่หลินจือทำด้วยตัวเธอเองและก็ยังเคยชิมอาหารที่เธอทำด้วย และทุกคนต่างก็คิดถึงมันเหมือนกัน
เทาเท่ที่อยู่ด้านข้างพูดรับว่า “เป็นเพราะความโชคดีของทนาย วันนี้ฉันเลยได้มีโอกาสชิมด้วย”
ความเศร้าใจที่อยู่ในคำพูดของเทาเท่ได้ทะลักออกมา ตั้งแต่เขาทำอาหารเป็นก็ทำกาแฟเป็นด้วย หลินจือก็เลยทำเรื่องพวกนี้น้อยลง
เขาก็ไม่กล้าที่จะขอให้หลินจือทำ พอขอให้ทำก็ถูกเธอสวนกลับว่า “คุณก็ทำเป็นแล้วไม่ใช่หรอ”
“สมน้ำหน้า” นทีบดีหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ
คนทั้งสามพูดคุยพลางดื่มกาแฟไป จริงๆแล้วหลินจือมีความทุกข์ใจอยู่ลึกๆตั้งแต่เมื่อวานที่ได้รู้ว่ากล้องวงจรปิดทั้งหมดถูกทำลาย
แต่ท่าทางของนทีบดีกลับมีตั้งมั่นว่า “ความจริงมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น คุณไม่ได้ผลัก งั้นก็เป็นซูซีที่เป็นคนทำเอง พวกเขาจะต้องทิ้งร่องรอยไว้
นทีบดีพูดอีกว่า “ผมกับเทาเท่คิดวิธีให้พวกเขาเผยไต๋ออกมาแล้ว คุณไม่ต้องกังวล”
หลินจือมองไปยังเทาเท่อย่างประหลาดใจ นทีบดีรีบกลับมาในคืนเดียวกัน เขาไปหารือกับนทีบดีตั้งแต่เมื่อไหร่?หรือว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้นอน?
เทาเท่รู้ความคิดของเธอเลยพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “นทีบดีถึงตอนเที่ยงคืนแล้วโทรหาผมๆก็เลยตื่นขึ้น ถึงได้หารือกันตอนนั้น”
หลินจือพูดอ๋อและไม่ได้ว่าอะไรต่อ แต่ในใจกลับมีความรู้หลากหลายผสมกันขึ้นมา
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยคิดว่าจะคืนดีกับเทาเท่เร็วอย่างนี้ แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่าการกระทำของซูซีและเบลซจะทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเทาเท่ใกล้ชิดกันเร็วขึ้น
ทุกๆครั้งที่เขาวิ่งเต้นช่วยเธอไกล่เกลี่ย เธอจะยังใจนิ่งไม่สะทกสะท้านอะไรต่อไปได้ยังไง?
ก่อนหน้านี้จอร์แดนยังพูดกับหลินจือว่าอย่ามอบตัวมอบหัวใจให้เพียงเพราะเป็นบุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ แต่ครั้งนี้อาจจะต้องมอบตัวมอบหัวใจให้แล้วจริงๆ