ตอนที่ 560 การแต่งงาน
แล้วไหนจะแววตาที่ดูผ่อนคลายของกูซูเฉี่ยอวี่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความตั้งใจของเขา !
กูซูเฉี่ยอวี่อยากให้หนานกงหลิวเยว่รับรู้เพราะอยากให้นางมาเตือนคนอื่น เขาอยากให้พวกตนได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความความสุข จุดประสงค์ของเขาบริสุทธิ์!
หนานกงหลิงเยว่หันไปมองอันหลิงเกอด้วยความมิเข้าใจ แต่ในเวลาเดียวกันดูเหมือนฟางหลิงซู่จะเข้าใจจึงรีบเข้าไปแตะหน้าอกของคุณชายกูซูเพื่อห้ามเลือดให้
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนทำให้เขาสะเทือนใจเยี่ยงนี้ เดิมทีพวกเขาอยู่ในตำแหน่งแตกต่างกัน แต่ตนก็ใช้วิธีเผด็จการมาทำให้หนานกงหลิงเยว่ต้องเลือก
เมื่อเห็นรอยยิ้มปลอบโยนบนใบหน้าของกูซูเฉี่ยอวี่ หนานกงหลิงเยว่ก็เบิกตากว้าง
นางมองไปทางอันหลิงเกอและมองพี่ชายอีกครั้ง…
“เขา…เป็นไปมิได้ เขาหักหลังเรา ใช่…”
หนานกงหลิงเยว่ร้องไห้พลางส่ายหน้าด้วยท่าทางมิอยากเชื่อ น้ำตานองหน้าและหยดลงบนตัวของกูซูเฉี่ยอวี่
เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาให้นาง อันหลิงเกอพยายามจัดการบาดแผลให้เขาพลางกำจัดพิษออก
ผู้ใดจะรู้ว่าหนานกงหลิงเยว่ซึ่งเป็นสตรีร้ายกาจที่สุดในหอพิษกู่จักเสียสละยาพิษที่นางเฝ้าทะนุถนอมอย่างดีให้คนที่รักนางอย่างจริงใจ
“ในตอนที่เห็นเจ้า ข้าก็รู้ทันทีว่าเจ้าไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม เจ้ามิใช่ของข้า…”น้ำเสียงของกูซูเฉี่ยอวี่อ่อนแอมาก แต่อันหลิงเกอก็ยังพยายามช่วยชีวิตเขา
“กูซูเฉี่ยอวี่…”
หนานกงหลิงเยว่เรียกชื่อเขาอย่างคนไร้สติพลางกุมมือของเขาไว้
เพราะความบุ่มบ่ามของตน เพราะความเกลียดชังของตนจึงทำร้ายบุรุษที่รักสุดดวงใจและยังทำร้ายคนในห้องโถงมากมายเยี่ยงนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่หนานกงหลิงเยว่เสียใจที่สุด ในอดีตมิว่านางสังหารคนไปเท่าไรก็มิเคยรู้สึกเยี่ยงนี้ แต่เวลานี้นางรู้สึกเสียใจมากจริงๆ
หนานกงหลิงเยว่รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของตนค่อย ๆ เย็นยะเยือก บางทีอาจเพราะคุกเข่านานเกินไปก็ได้ นางรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างสูญเสียความรู้สึกไปแล้ว แต่ครั้งนี้นางมิได้สนใจว่ามันจะกลับมาแข็งแรงได้อีกหรือไม่
“หลิงเยว่…”
ดูเหมือนฟางหลิงซู่รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่มิชอบมาพากล เขาตรวจชีพจรของนางและพบว่านางกำลังแพร่กระจายพิษ
“อันหลิงเกอ รีบตรวจร่างกายหลิงเยว่เร็วเข้า ! ”
ฟางหลิงซู่กระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้บาดแผลของกูซูเฉี่ยอวี่ห้ามเลือดได้แล้ว แต่เขาถูกอันหลิงเกอกดจุดให้หมดสติไป
“หนานกงหลิงเยว่…”
อันหลิงเกอคาดมิถึงว่าความเสียใจที่สุดจักนำมาซึ่งความโง่เขลา เดิมทีพิษของหนานกงหลิงเยว่คงที่มากแล้วแต่ยามนี้กระจายออกมาอีกโดยมิน่าเชื่อ
ครั้นเห็นสีหน้าซีดเผือดของหนานกงหลิงเยว่ อันหลิงเกอจึงให้นางกลืนยาเม็ดหนึ่งลงคอ
“ข้าจะพานางกลับไป ส่วนเจ้าดูแลกูซูเฉี่ยอวี่ไปก่อน อย่าให้เขาเป็นอันใดเด็ดขาด”
อันหลิงเกอยกกูซูเฉี่ยอวี่ให้ฟางหลิงซู่รับผิดชอบ นางเชื่อว่าฟางหลิงซู่จะเลือกทางที่ดีที่สุด มิมีทางทำร้ายอีกฝ่ายแน่นอน
“ขาของข้าจะไม่กลับมาดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่ ? ” นัยน์ตาของหนานกงหลิงเยว่เปล่งประกายราวกับหวังให้ผลเป็นเยี่ยงนี้
แต่อันหลิงเกอรู้ว่าพิษนี้ยังมิมากเท่าไร ไม่มีทางสร้างผลกระทบได้
ความรู้สึกเมื่อครู่ของนางคงอ่อนล้ามากจึงเป็นเยี่ยงนี้ อย่างไรนางก็วิ่งมาจากโรงน้ำชาตลอดทาง ย่อมเสียกำลังไปมากแน่นอน
“หากใช่ก็ดีเพราะเราจักได้อยู่ด้วยกัน” นางเอียงคอพลางยกยิ้มเล็กน้อย ความอ้างว้างที่สะท้อนออกมาทางแววตาทำให้อันหลิงเกอเจ็บปวดมิน้อยเลย
หนานกงหลิงเยว่กล้ารักกล้าเกลียด บางทีเพราะเยี่ยงนี้นางจึงทำร้ายของกูซูเฉี่ยอวี่ แต่ก็ทำร้ายตัวเองเช่นกัน
หนานกงหลิวเยว่ทำร้ายผู้อื่นและตัวเองอย่างง่ายดาย มิรู้ว่าการถูกนางรักเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่
“เขาเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
หนานกงหลิงเยว่เชื่อใจอันหลิงเกอเพราะเมื่อครู่นางก็เห็นว่ากูซูเฉี่ยอวี่มิได้เป็นอันใด แต่ก็ยังห่วงมิน้อยจึงอดถามมิได้
“เขามิเป็นอันใดหรอก พี่ชายของเจ้าจะดูแลเขาอย่างดี”
“ท่านพี่จะฆ่าเขา อันหลิงเกอ รีบไปดูเขาเร็ว ! ”
หนานกงหลิงเยว่ได้ยินดังนั้นก็พยายามลุกขึ้น
“ไม่มีทาง ฟางหลิงซู่มีความยับยั้งชั่งใจมากพอ”
เมื่อหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่พี่ชายช่วยห้ามเลือดให้เขา หนานกงหลิงเยว่ก็วางใจ
“อันหลิงเกอ ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”
ใช่ อันหลิงเกอก็มองออก
หากหนานกงหลิงเยว่เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง กูซูเฉี่ยอวี่ผู้นั้นก็คงดีเกินไปสำหรับนาง พวกเขาอาจมิได้มาพบเจอกันตลอดชีวิตก็ได้
แต่นางเป็นหนานกงหลิงเยว่ซึ่งถูกกำหนดให้มีชีวิตมิธรรมดา
เพราะนางเป็นคนของหอพิษกู่จึงเกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้น ส่วนกูซูเฉี่ยอวี่มิต้องการทำร้ายนางจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้อง
เมื่อนึกถึงเรื่องของพวกเขาก็มีความคล้ายคลึงกับนางและมู่จวินฮานมิน้อย
ชีวิตเรียบง่ายเยี่ยงนี้ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกผ่อนคลาย
ทุกวันที่นางลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องเตือนว่าตนคืออันหลิงเกอหรือคือพระชายามู่อีก นางมิได้ยินและมิได้เห็นจึงทำให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น
“นอนเถิด ข้าจะไปดูแลกูซูเฉี่ยอวี่ เจ้าวางใจได้ ข้ามิให้เขาเป็นอันใดหรอก รอเจ้าตื่นขึ้นมา แล้วเขาจะมาปรากฎตรงหน้าของเจ้า”
อันหลิงเกอยกยิ้ม ดูเหมือนหนานกงหลิงเยว่เชื่อฟังนางมากทีเดียวจึงหลับไปในที่สุด
ส่วนกูซูเฉี่ยอวี่ก็โชคดีที่ในช่วงสองสามวันนี้หนานกงหลิงเยว่มีร่างกายอ่อนแอจึงมิอาจทำร้ายจุดสำคัญของเขาได้ บัดนี้พอห้ามเลือดและล้างพิษได้แล้วจึงค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น
“เจ้าอยู่ในหอพิษกู่เถิด” ฟางหลิงซู่เอ่ยปากขอร้อง
กูซูเฉี่ยอวี่คาดมิถึงว่าคุณชายหอพิษกู่ก็เลือกเชื่อใจตน
“ข้าไม่คิดหักหลังหลิงเยว่และไม่สามารถอกตัญญูต่อบิดาได้เช่นกัน” กล่าวจบ กูซูเฉี่ยอวี่ก็เตรียมตัวจากไป
“เอาล่ะ ดูแลตัวเองให้ดีก่อนแล้วค่อยไป เจ้าเองก็มิหวังให้หนานกงหลิงเยว่ตื่นขึ้นมาโดยไม่เห็นเจ้าหรอก”
อันหลิงเกอกดไหล่ของเขาไว้ ครานี้กูซูเฉี่ยอวี่หมดหนทางปฏิเสธได้
อย่างไรทุกคนก็คิดว่าหนานกงหลิงเยว่ไปได้ยินบทสนทนาของพวกเขาโดยมิได้ตั้งใจ ส่วนกูซูเฉี่ยอวี่ก็ควรกลับไปเพราะบิดาจะตำหนิเขามิได้
กูซูเฉี่ยอวี่พิงหัวเตียงพร้อมมองไปทางอันหลิงเกอและฟางหลิงซู่ที่กำลังคุยอันใดบางอย่างอยู่ด้านข้าง
“พระชายา ท่านจะมิกลับจวนอ๋องจริงหรือขอรับ ? ”
คำเรียกที่ห่างหายไปเนิ่นนานทำให้อันหลิงเกอได้แต่ส่ายหน้า
“ก็เหมือนที่เจ้ารู้สึกว่าหนานกงหลิงเยว่มิใช่ของตน เจ้าคิดว่าข้าควรอยู่ในกำแพงสูงตระหง่านเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
รอยยิ้มของอันหลิงเกอทำให้กูซูเฉี่ยอวี่ตกตะลึง สตรีผู้นี้ดูเหมือนมีความสามารถในการควบคุมความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างดี ใครก็อดฟังมิได้และคล้อยตามนาง
“ขอรับ พระชายา ข้าเข้าใจแล้ว”
เรามิอาจฝืนควบคุมเรื่องราวมากมายได้ หากทางเลือกของเขาคือหนานกงหลิงเยว่ก็น่าจะรู้ชัดเจนว่าเขาควรปล่อยวางอันใดบ้าง
แต่ บิดา…
“บิดาของเจ้าต้องการให้เจ้ารับมือด้วยตนเอง เพียงแต่เจ้ามิเคยคิดมาก่อนว่าหนานกงหลิงเยว่ทำเพื่อเจ้าถึงเพียงนี้ นางเสี่ยงชีวิตเพื่อเปิดเผยให้หอพิษกู่ทราบ แต่ทุกคนในหอพิษกู่ก็เลือกที่จะเชื่อเจ้า”
ได้ยินคำพูดของอันหลิงเกอแล้วกูซูเฉี่ยอวี่ก็ตกตะลึง เขารู้สึกว่าตนทำเรื่องที่สมควรต้องทำและพยายามรักษาสัจจะจนถึงที่สุดแล้ว
ทว่าการรักษาสัจจะนี้ใช้มิได้กับสนามรบเพราะมีแค่เจ้าตายข้ารอดเท่านั้น
คนเหล่านี้เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเพราะเชื่อว่าเขาจะจริงใจต่อหนานกงหลิงเยว่ การเชื่อใจนี้อาจต้องสังหารทุกคน แต่คนเหล่านี้ก็ยังเลือกกระทำ