ตอนที่ 210 พระสนมโหรวโหดร้าย

 

 

 

 

ไทเฮาตรัสชม “ช่างเป็นเด็กมีคุณธรรมจริงๆ  รีบลุกขึ้นเถอะ!”

 

 

“เพคะ”

 

 

ซูจิ่วซือลุกขึ้น นางไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว ร่างกายจึงอ่อนแอ เวลานี้นางเหนื่อยล้าจริงๆ ตอนลุกนางเซจนเกือบจะล้ม ยังดีที่นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตาไวรีบเข้ามาประคอง

 

 

“รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้หมอหลวงไปรักษาเจ้าที่จวนอันผิงโหว”

 

 

“เพคะ หม่อมฉันทูลลา”

 

 

ซูจิ่วซือค้อมคารวะ แล้วถอยออกไป

 

 

จื่อหลานประคองซูจิ่วซือ เห็นสีหน้าของซูจิ่วซือเหนื่อยล้าอย่างเห็นชัด จึงเตือน “คุณหนู เชือกถักลายมงคลทำเสร็จแล้ว พอกลับจวน คุณหนูนอนหลับให้เต็มที่เถิดเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าคุณหนูจะเป็นลม”

 

 

“งั้นก็กลับจวน”

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า นางอยากนอนหลับให้เต็มที่ ไม่อย่างนั้นจะปวดหัว

 

 

ทั้งสองมุ่งหน้าเดินไปยังประตูวัง ขณะผ่านอุทยานหลวง มีเงาคนสีแดงดอกท้อมาขวางข้างหน้าซูจิ่วซือ “ไทเฮาทรงโปรดปรานองค์หญิงจริงๆ ”

 

 

พอเห็นพระสนมโหรว สมองที่เลือนรางของซูจิ่วซือก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที นางถวายบังคมพระสนมโหรว แล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยิ้มพอสมควร “ถวายบังคมพระสนมโหรว”

 

 

“องค์หญิงไม่ต้องเกรงใจ”

 

 

น้ำเสียงของพระสนมโหรวนุ่มนวล ให้ความรู้สึกเหมือนออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ

 

 

นางทาแป้งหอม กลิ่นอบอวลฟุ้งออกมาเป็นระยะ ทำให้ซูจิ่วซือขมวดคิ้ว พระสนมโหรวเพิ่งแท้งไม่นาน ก็ฟื้นฟูแข็งแรงเป็นปกติแล้ว สีหน้าดูสดใส

 

 

“วันนี้อากาศไม่ร้อน แต่ข้างนอกลมแรง พระสนมยังต้องพักฟื้น ไม่ควรถูกลม”

 

 

“ข้านอนมาหลายวันแล้ว ควรออกมาเดินบ้าง องค์หญิงคงลำบาก มือยังไม่หายหรือ”

 

 

“ขอบใจพระสนมที่ห่วง อีกไม่กี่วันมือก็คงจะหาย วันนี้พบพระสนม ข้ารู้สึกสงสัย ไม่ทราบว่าพระสนมจะช่วยข้าแก้ข้อสงสัยได้หรือไม่”

 

 

พระสนมโหรวจับมือไฉ่ซือเพื่อพยุงตัว ยิ้ม “องค์หญิงมีข้อสงสัยอะไรก็ถามได้เลย เราเดินคุยกันไปเรื่อยๆ เถอะ”

 

 

ซูจิ่วซือกับพระสนมโหรวเดินเคียงกันไป รักษาระยะห่างสองสามก้าว ในอุทยานหลวงมีกลิ่นรวยริน แม้ไม่ใช่ฤดูดอกไม้บานเหมือนฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็มีดอกไม้บานอยู่บ้าง พอลมพัดก็มีกลิ่นหอมโชยเป็นระยะ

 

 

เมืองหลวงยามฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนมาก แคว้นเว่ยตั้งอยู่ทางภาคเหนือ ฤดูร้อนอากาศจึงเย็นกว่าแคว้นเจียงซึ่งอยู่ภาคใต้

 

 

“พระสนมโหรวเดิมทีวันนั้นวางแผนไว้อย่างไร”

 

 

พระสนมโหรวหัวเราะออกมา “องค์หญิงฉลาดอย่างนี้ ยังเดาไม่ออกหรือ”

 

 

“พระสนมเป็นแม่คน หม่อมฉันไม่อาจคาดคิดว่าจะมีแม่ที่ใจร้ายอย่างนี้”

 

 

“ใจร้ายแล้วอย่างไร เพื่อรักษาตัวรอด บางครั้งก็ต้องใจร้ายบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สาหัสกว่า ลูกคนนี้ไม่มีวาสนาได้เกิดมาในโลก”

 

 

พระสนมโหรวไม่แสดงความรู้สึกเสียดาย นางสงบมาก ราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา

 

 

“เดิมทีข้าวางแผนไว้ว่าจะอาศัยเด็กคนนี้มาใส่ร้ายเจ้า นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่ตกหลุมพราง พอดีฮองเฮาเข้ามาร่วมด้วย ข้ารู้ว่าเจ้าใส่ใจกู้หลียวน ข้าก็อยากดูว่าเจ้าใส่ใจเรื่องของพระสนมกู้หรือไม่ ในเมื่อนางเป็นญาติผู้พี่ของเจ้า นึกไม่ถึงว่าข้าจะชนะพนัน เจ้าใส่ใจพระสนมกู้จริงๆ ”

 

 

“พระสนมโหรววางแผนไว้แล้วหรือว่าจะไม่เอาลูกไว้”

 

 

“ในเมื่อรักษาไว้ไม่ได้ ทำไมต้องเสียเวลาคิดด้วย” พูดจบพระสนมโหรวก็หลุบตา แล้วเหลือบตาขึ้นอย่างรวดเร็ว แววตาไร้ความรู้สึก

 

 

“เสือไม่กินลูก พระสนมช่างโหดร้ายจริงๆ ข้าได้เห็นแล้ว”