ตอนที่ 211 พบชิงเฉิง

 

 

 

 

“องค์หญิงชมเกินไปแล้ว สักวันหนึ่งองค์หญิงจะเข้าใจ สิ่งที่เรียกว่าความเมตตาจะทำให้ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาหัส การมีชีวิตรอดไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีอย่างองค์หญิง”

 

 

พระสนมโหรวพูดเหมือนเย้ยตัวเอง

 

 

“พระสนมพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร”

 

 

“องค์หญิงไม่เข้าใจหรือ” พระสนมโหรวไม่พูดต่อ ยื่นมือไปแตะระย้าที่เครื่องประดับผม

 

 

ซูจิ่วซือรู้ว่าคำพูดนี้หมายถึงกู้เฉินหรง แต่นางไม่เข้าใจว่าพระสนมโหรวมีข้อตกลงอะไรกับกู้เฉินหรง พระสนมโหรวไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาแน่ สิ่งที่พระสนมโหรวต้องการมีอย่างเดียว คือชีวิตของกู้เฉินหรง

 

 

กู้เฉินหรงบอกว่าเขากุมความลับของพระสนมโหรวไว้ในมือ หลายวันมานี้ นางเห็นกู้เฉินหรงมีเรื่องครุ่นคิด ในใจนางจึงอดห่วงเขาไม่ได้

 

 

“ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพระสนมโหรวจริงๆ ”

 

 

“ไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ เวลานี้ยังไม่เข้าใจสักวันหนึ่งก็จะเข้าใจเอง องค์หญิงรีบกลับไปพักผ่อนเถิด ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว ไปละ”

 

 

พระสนมโหรวหาว พาไฉ่ซือออกไป

 

 

ซูจิ่วซือรู้สึกปวดหัว สองวันมานี้นางเหนื่อยจริงๆ จื่อหลานเห็นซูจิ่วซือไม่ปกติ รีบเข้ามาประคอง

 

 

“ไปกันเถอะ!”

 

 

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

 

 

ซูจิ่วซือได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิงอันผิง แต่จื่อหลานกับจื่อซูยังเรียกนางเป็นคุณหนูเหมือนเดิม ซูจิ่วซือเองก็ไม่ได้บอกให้เปลี่ยน

 

 

ซูจิ่วซือพาจื่อหลานเดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็มีนางกำนัลเดินตามมาหา ซูจิ่วซือจำได้ว่านางกำนัลผู้นี้ ชื่อเสี่ยวเหลียน เป็นคนใกล้ชิดของกู้ชิงเฉิง ซูจิ่วซือยิ้มให้เสี่ยวเหลียน “แม่นางเสี่ยวเหลียน”

 

 

“ในที่สุดก็ตามทันองค์หญิง องค์หญิง เจ้านายของข้าต้องการพบองค์หญิงเพคะ”

 

 

ถ้าเป็นคนอื่น ซูจิ่วซือคงไม่อยากไปหา แต่ชิงเฉิงเป็นข้อยกเว้น ซูจิ่วซือพยักหน้า “แม่นางเสี่ยวเหลียนนำทางเถอะ”

 

 

“เชิญองค์หญิง”

 

 

เสี่ยวเหลียนทำท่าเชิญ แล้วเดินนำทางไป

 

 

กู้ชิงเฉิงอยู่ตามลำพังที่วังจื่อจิง วังจื่อจิงตั้งอยู่โดดเดี่ยว รอบข้างเงียบสงัด บริเวณนั้นมีป่าไผ่ ยามว่างกู้ชิงเฉิงมักจะเล่นกู่เจิงที่ป่าไผ่ และเวลานี้นางกำลังเล่นกู่เจิงอยู่ที่ป่าไผ่

 

 

ซูจิ่วซือเดินตามเสียงกู่เจิง มองแต่ไกลก็เห็นกู้ชิงเฉิง

 

 

นางสวมชุดผ้าโปร่งสีเขียวอ่อนนั่งอยู่หน้ากู่เจิง แต่งตัวเรียบง่ายสง่างาม สีหน้าสงบ เสียงกู่เจิงดังกังวานออกจากปลายนิ้ว ช่างไม่เหมือนพระสนมวังใน แต่คล้ายเทพธิดาบนสวรรค์

 

 

เสี่ยวเหลียนจะเข้าไปรายงาน แต่ซูจิ่วซือปรามไว้

 

 

ซูจิ่วซือเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ยืนพิงต้นไผ่ หลับตาฟังอย่างตั้งใจ นางเข้าใจเรื่องดนตรีดี ท่วงทำนองที่กู้ชิงเฉิงเล่นก็ไม่ต่างจากนิสัยของเจ้าตัว ไม่ใช่อารมณ์ของสาวน้อย แต่มีความใจกว้าง แฝงไว้ซึ่งความทระนง

 

 

“จิ่วซือ เพลงนี้เป็นอย่างไร”

 

 

“นี่คือบทเพลงแห่งทะเลทราย บรรยายถึงทัศนียภาพในทะเลทรายกว้าง สะท้อนถึงความอ้างว้างว่างเปล่าของทะเลทราย เสียงกู่เจิงของเจ้า แม้ยามหลับตา ก็ยังรู้สึกเหมือนเห็นภาพทะเลทราย”

 

 

กู้ชิงเฉิงลุกขึ้น สีหน้าประหลาดใจ “เจ้าก็เข้าใจดนตรีดีนี่”

 

 

“พอรู้บ้าง จึงเข้าใจ”

 

 

กู้ชิงเฉิงยิ้ม “เช่นนั้นเราสองคนก็รู้ใจกัน สีหน้าเจ้าไม่ดีเลย ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

 

 

“ไม่เป็นไร เพียงแต่ว่าหลายวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนให้ดี ชิงเฉิง แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

กู้ชิงเฉิงเดินเข้ามาหาซูจิ่วซือ ยิ้มให้ซูจิ่วซือ “ข้าก็เป็นของข้าอย่างนี้แหละ ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างสงบ จิ่วซือ เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว ขอบใจเจ้ามาก”