ตอนที่ 351 จิตวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

หลังจากตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปชั่วครู่หนึ่ง ฉินอวี้โม่ก็รีบก้าวออกไปข้างหน้าและประคองหยินหึน—ผู้นำขุมกำลังเอกพิภพให้ลุกขึ้นทันที

“ท่านผู้นำ นี่มันเรื่องอะไรกันรึ?”

ฉินอวี้โม่มองหยินหึนด้วยความสับสนอย่างแท้จริง นางคิดว่าตนเองมีปัญญาเป็นเลิศมาตลอด ทว่าตอนนี้นางกลับคาดเดาไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

“นายหญิงน้อย อย่าเรียกข้าแบบนั้นเลย ท่านคือนายหญิงในอนาคตของหยินหึนผู้นี้และเป็นนายหญิงที่แท้จริงของขุมกำลังเอกพิภพ”

แม้ว่าหยินหึนยืนขึ้นแล้ว แววตาที่เขามองมาที่สตรีเยาว์วัยตรงหน้าก็เปี่ยมด้วยความเคารพเทิดทูน

ฉุ่ยเยว่เองก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน นางถึงกับอ้าปากค้างเล็กน้อยด้วยความตกใจ

นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดผู้นำขุมกำลังเอกพิภพผู้แกร่งกล้าและไม่ยอมก้มหัวให้ผู้ใดกลับแสดงอากัปกิริยาสุภาพอย่างยิ่งต่อฉินอวี้โม่และเรียกนางว่า ‘นายหญิงน้อย’ เช่นนี้

“ผู้บัญชาการหยิน?”

ทันใดนั้น เสียงของซิวก็ดังขึ้นในห้องอย่างชัดเจนส่งผลให้หยินหึนตกใจเล็กน้อย

“นั่น..ท่านซิวรึ?”

หยินหึนตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู เสียงนี้เป็นเสียงที่เขาไม่ได้ยินมานานแค่ไหนแล้วกัน?

ฉินอวี้โม่ตั้งสติและพยายามทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมด และเพียงครู่เดียว นางก็คาดเดาบางอย่างขึ้นมาได้

หากนางคิดไม่ผิด หยินหึนน่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเทพมายาคนก่อน สาเหตุที่นางถูกเรียกว่า ‘นายหญิงน้อย’ ก็เป็นเพราะเขารับรู้ว่านางมีกายเทพมายา

ในฐานะผู้สืบทอดของเทพมายา ฉินอวี้โม่จึงเป็นเทพมายาคนใหม่ไปโดยปริยาย สำหรับคนอย่างหยินหึนที่จงรักภักดีต่อเทพมายาตราบจนชีวิตจะหาไม่ เขาย่อมเคารพและนอบน้อมต่อนางอย่างไม่มีเงื่อนไข

“หยินหึน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่”

เสียงของซิวยังคงดังต่อไปและน้ำเสียงของมันเจือความไม่อยากเชื่ออย่างชัดเจน

สงครามการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อนยังคงสดใหม่และชัดเจนในความทรงจำของมัน ครานั้น ชนเผ่าของเทพมายาเผชิญกับการต่อสู้ครั้งรุนแรงกับฝ่ายมารร้าย แม้ว่าท้ายที่สุดพวกเขาคว้าชัยชนะมาได้ ชนเผ่ามายาก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ในเวลานั้น ผู้ทรยศก็ปรากฏตัวในชนเผ่าของพวกเขาและทำการโจมตีชนเผ่าเทพมายาที่พลังความแข็งแกร่งลดลงมากอยู่แล้ว

ซิวจำได้ดีว่าเกือบทุกคนในชนเผ่าเทพมายาล้มหายตายจากเพราะคนทรยศผู้นั้น ไม่คิดเลยว่าหยินหึนผู้นี้จะรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์

“ท่านซิว มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆที่ข้ารอดมาได้ ท่านอาจจำไม่ได้ ทว่าตอนที่เทพมายากำลังจะล่มสลาย นางใช้จิตที่เปี่ยมด้วยพลังมายาช่วยชีวิตข้าไว้และช่วยให้ข้าหนีออกไปได้”

หยินหึนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพอย่างยิ่ง แม้ว่าเขามองไม่เห็นตัวตนของซิว เขาก็รู้ว่าเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่จากครั้งอดีตจะได้ยินเขาอย่างชัดเจน

“อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ข้าโชคดีและหนีออกมาได้ ข้าก็สูญเสียพลังความสามารถไปมาก และท่านก็น่าจะสัมผัสได้เช่นกันว่าตอนนี้ร่างกายของข้าไม่สมบูรณ์อีกต่อไป”

หยินหึนทอดถอนหายใจอย่างปลงตก ในเวลานั้น เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและได้รับการช่วยชีวิตไว้โดยเทพมายาคนก่อน

ในครานั้น จิตของเขาได้รับความเสียหายและแทบที่จะสูญสลายไป มันเป็นในตอนนั้นเองที่เทพมายาคนก่อนที่ใช้พลังเฮือกสุดท้ายในการรักษาจิตสองดวงของเขาไว้เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่รอด ทว่าจิตอีกดวงหนึ่งของเขาก็ต้องสูญหายไป

นั่นหมายความว่าพลังความแข็งแกร่งของเขาลดฮวบลงอย่างมาก หากเขาตามหาเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่สูญหายนั้นไม่พบ ไม่เพียงแต่หยินหึนจะไม่สามารถทะลวงพลังได้อีกเท่านั้น ทว่าอายุขัยของเขาก็จะสั้นลงหลายปีด้วยเช่นกัน

หากไม่ใช่เพราะวาจาและเจตจำนงที่ยิ่งใหญ่ของเทพมายาในตอนนั้น เกรงว่าหยินหึนคงไม่สามารถยืนหยัดและยึดมั่นมาได้นานขนาดนี้

ตอนที่เทพมายาคนก่อนช่วยชีวิตเขาไว้ นางได้กล่าวกับเขาไว้ว่าเขาจะต้องตามหาเทพมายาคนใหม่ให้พบและคอยช่วยเหลือนาง ในขณะเดียวกันนั้น บรรพชนเทพมายาได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในดินแดนหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งพันปี นางกล่าวกับหยินหึนไว้ว่า หากเป็นไปได้ นางหวังว่าเทพมายาคนใหม่จะสามารถนำทัพของพวกเขาเพื่อแก้ไขวิกฤตและนำพาแสงสว่างมาสู่ดินแดนนี้

ฉินอวี้โม่ก็ทราบดีว่าคนๆหนึ่งจะมีสามจิต-เจ็ดวิญญาณ ในสถานการณ์ทั่วไป เมื่อผู้ใดสูญเสียจิตหรือวิญญาณใดๆไป คนผู้นั้นไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่อย่างปกติได้อีกต่อไป มีเพียงยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่และทรงพลังเท่านั้นที่จะสามารถก้าวผ่านข้อจำกัดเหล่านั้นได้เป็นการชั่วคราว

*ซานหุนซีพั่ว (三魂七魄) เชื่อว่าการจะเป็นคนที่สมบูรณ์ต้องมี สามจิต-เจ็ดวิญญาณ

จากสิ่งนี้ก็พอจะเห็นได้อย่างแน่ชัดแล้วว่าหยินหึนผู้นี้เป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม การสูญเสียจิตหนึ่งดวงนั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตของหยินหึนเป็นอย่างมาก พลังของเขาอ่อนแอกว่าในอดีตหลายเท่าตัวและเขาก็ไม่ได้อาจหาญขวัญกล้าอย่างเดิมอีกต่อไป

เพราะเหตุนั้น หยินหึนจึงอยู่ในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้มาตลอดช่วงที่ผ่านมาและเขาเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนอ้างว้างอย่างไม่ต้องสงสัย

หากเขาเหยียบย่างเข้าไปในแผ่นดินเทพมายา เขาเกรงว่าบุคคลทรยศจะรู้เข้า เมื่อถึงตอนนั้นเขากลัวว่าตนเองจะต้องเผชิญภยันตรายมากมายจนเกินรับมือ

ตลอดเวลาที่ล่วงเลยมา หยินหึนจึงอุทิศตนกับการฝึกยุทธ์พร้อมกับส่งคนออกไปสืบหาข่าวคราวเรื่อง ‘เทพมายา’ คนใหม่

เทพมายาคนก่อนเคยกล่าวกับเขาไว้ว่าเทพมายาคนใหม่ที่ว่าจะไม่ถือกำเนิดบนดินแดนเทพมายา หากแต่จะเป็นดินแดนในทางตอนล่าง

เป็นเพราะการยับยั้งที่มีอยู่ในทุกดินแดน ด้วยพลังของหยินหึน เขาจึงไม่สามารถเดินทางไปที่ดินแดนหวนหลิงได้ ตลอดเวลานับพันปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้เบาะแสของเทพมายาคนใหม่เลยแม้สักนิด

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ชื่อของ ‘ฉินอวี้โม่’ ก็เลื่องลือขึ้นมา หยินหึนส่งคนออกไปสืบข่าวเรื่องนี้โดยเฉพาะและได้รู้ว่านางมาจากดินแดนหวนหลิง นอกจากนี้เขาก็ได้รับรู้ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์เหนือมนุษย์ของนาง

แรกเริ่มเดิมที เขาไม่มั่นใจว่าฉินอวี้โม่คือผู้สืบทอดกายเทพมายาจริงหรือไม่ เขาเพียงคิดว่าฉินอวี้โม่เป็นสตรีที่มีความสามารถและต้องการทาบทามเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์สำหรับขุมกำลังของตนเอง

จนกระทั่งในงานชุมนุมช่างหลอมคราที่ผ่านมา เขาได้พบสิ่งที่คุ้นตาซึ่งก็คือเพลิงจักรพรรดิของฉินอวี้โม่ อีกทั้งเขาก็ได้รู้ว่าจอมยุทธ์หญิงจากต่างแดนผู้นี้ชำนาญด้านการใช้ข่ายอาคม หลังจากได้รู้ตัวตนของฉินอวี้โม่และรู้ว่านางคือคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉิน เขาก็ไม่สงสัยสิ่งใดอีกต่อไป

หยินหึนเป็นยอดฝีมือผู้ทรงพลังของดินแดนอ้างว้าง ข่าวสารหลายอย่างจึงเดินทางมาถึงเร็วกว่าคนอื่นๆ

เมื่อรู้ว่าฉินอวี้โม่จะเดินทางมาเข้าร่วมงานชุมนุมวายุเมฆา เขาก็วางแผนไว้แล้วว่าจะมาพบกับนางให้ได้และบอกเรื่องราวทุกอย่างให้นางทราบ

“ท่านผู้อาวุโสหยินหึน ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าคือเทพมายาคนใหม่?”

ฉินอวี้โม่มองหยินหึนด้วยแววตาอยากรู้และเอ่ยถามอย่างฉงนสงสัย

“ฮ่าๆๆ ไม่ยากเลย ข้ารู้จักบุคลิกนิสัยของท่านซิวเป็นอย่างดี หากไม่ใช่เพราะความเกี่ยวข้องกับเทพมายา ไม่มีทางที่ท่านซิวจะยอมทำพันธสัญญากับผู้ใด เพลิงจักรพรรดิที่ท่านแสดงออกมาในวันนั้นก็ทำให้ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของท่านซิว เพียงแต่ตอนนั้นมันยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะบอกทุกอย่างกับท่าน”

หยินหึนยิ้มและกล่าวด้วยใบหน้าแสดงถึงความพึงพอใจ

เขาพอจะคาดเดามาก่อนแล้วว่าเทพมายาคนใหม่จะเป็นอย่างไร ถึงแม้เขารู้ว่ากายเทพมายาที่สืบทอดมานั้นจะไม่ธรรมดาเป็นทุนเดิม ฉินอวี้โม่ก็ยังทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก

ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เหนือกว่าความคาดหมายของเขามาก ยิ่งไปกว่านั้น ลักษณะนิสัยส่วนตัวของนางก็ทำให้เขาชื่นชมเช่นกัน เมื่อเทพมายาคนใหม่มีลักษณะนิสัยเช่นนี้ เขามั่นใจเลยว่าฉินอวี้โม่มีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าเทพมายาคนก่อนเสียอีก

อดีตนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูพยักศีรษะเบาๆ ทว่านางยังไม่เข้าใจทุกอย่างที่หยินหึนกล่าวมา

ซิวบอกเรื่องราวเกี่ยวกับบรรพชนเทพมายาให้นางรู้ไม่มากนัก สำหรับเรื่องหยินหึนและผู้ทรยศที่โจมตีเทพมายาคนก่อน นางไม่เคยได้ยินซิวกล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อน บัดนี้เมื่อได้รู้เรื่องราวมากขึ้น นางรู้สึกชื่นชมเทพมายายิ่งกว่าเดิม การที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งอย่างหยินหึนและซิวจงรักภักดีแม้ผ่านมานานนับพันปีเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเทพมายาคนก่อนเป็นคนที่น่าสนใจและน่าเคารพอย่างมาก

สายตาทั้งสองดวงของหยินหึนที่มองมาที่นางก็ทำให้ฉินอวี้โม่ยืนยันความคิดของเขาได้ มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพนับถือต่อเทพมายาคนก่อน มันเพียงแต่ว่าเทพมายาคนนั้นได้หมดลมหายใจไปแล้ว

“นายหญิง ข้าไม่มีเวลาบอกเรื่องราวกับท่านมากนัก เดิมทีข้าตั้งใจที่จะเล่าทุกอย่างให้ท่านทราบหลังออกจากการเก็บตัว ไม่คิดเลยว่าท่านจะได้พบกับหยินหึนก่อน เขาเป็นคนที่ไว้วางใจได้ จากนี้ไปข้าจะได้วางใจเกี่ยวกับการเดินทางท่องดินแดนอ้างว้างของท่าน”

ซิวเอ่ยขึ้นเบาๆและกล่าวต่อ “จากนี้ เกรงว่าข้าจะต้องจำศีลอีกพักใหญ่ การที่จู่ๆขุมกำลังมารร้ายก็ปรากฏตัวขึ้นมา หากข้าไม่รีบทะลวงพลังให้ได้โดยเร็วที่สุด เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็อาจช่วยท่านไม่ได้ เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาใกล้ๆนี้ ท่านจะต้องดูแลตนเองไปก่อน”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะรับทราบ นางเข้าใจความกดดันของซิวเป็นอย่างดีและเข้าใจว่ามันกำลังคิดอะไร

“ไม่ต้องห่วง ข้าดูแลตัวเองได้”

นางพยักศีรษะและปล่อยให้ซิวเข้าสู่ช่วงจำศีลเพื่อสั่งสมพลัง

“ในการเก็บตัวครานี้ ข้าจะมอบพลังของเพลิงอสูรไว้กับท่าน ถึงแม้ท่านจะสื่อสารกับข้าไม่ได้ ท่านก็สามารถใช้เพลิงของข้าได้ตามต้องการ ข้าเชื่อว่ามันจะช่วยท่านได้ไม่มากก็น้อย”

หลังจากกล่าวทิ้งท้าย เสียงของซิวก็เงียบหายไปในห้วงจิตของฉินอวี้โม่ จากนั้นฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ว่ามิติเชื่อมอสูรที่เป็นตำแหน่งของซิวแยกตัวออกไปโดยสมบูรณ์ซึ่งแม้แต่จิตของนางก็ล่วงล้ำเข้าไปไม่ได้

“ท่านซิว.. มันเกิดอะไรขึ้นรึ?”

แน่นอนว่าบทสนทนาระหว่างซิวและฉินอวี้โม่เมื่อครู่รับรู้ไปถึงหยินหึนอย่างชัดเจน

“ตลอดเวลาพันปี ซิวสูญเสียพลังไปมากและทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ข้าพบมันเมื่อมากกว่าสามปีก่อนและทำพันธสัญญากับมัน ตลอดช่วงที่ผ่านมานี้ มันฝึกฝนสั่งสมพลังอยู่ในสภาวะเก็บตัวและพยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่ต้องห่วงหรอก”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและอธิบายให้หยินหึนได้รู้

หยินหึนพยักศีรษะ แม้ว่าฉินอวี้โม่และซิวไม่ขยายความมากนัก เขาก็พอจะรู้ว่าซิวผ่านอะไรมาบ้าง

ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานนานนับพันปี หรือการรอคอยตลอดช่วงเวลานั้น เขาและซิวได้ประสบพบเจอมาไม่ต่างกัน

อย่างไรก็ตาม การที่ฉินอวี้โม่บอกว่าเพิ่งพบซิวเพียงเมื่อประมาณสามปีก่อน เพราะเหตุนั้นสายเลือดเทพมายาก็น่าจะเพิ่งถูกปลุกขึ้นมาในตอนนั้น

ภายในเวลาเพียงสามปี พลังของฉินอวี้โม่พัฒนาเพิ่มขึ้นจนถึงระดับนี้ หยินหึนต้องยอมรับเลยว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

“ท่านผู้อาวุโสหยินหึน..”

“นายหญิงน้อย อย่าเรียกข้าว่าท่านผู้อาวุโสเลย หากท่านไม่รังเกียจ เรียกข้าว่าลุงหยินหึนเถอะ”

หยินหึนยิ้มและกล่าวออกมา เขาไม่ยอมให้ฉินอวี้โม่เรียกเขาด้วยคำพูดที่เคารพมากเช่นนั้น

เขามีอายุมากกว่าหนึ่งพันปีแล้วและก็เป็นคนที่ได้รับความยกย่องสรรเสริญในชนเผ่ามายา ยิ่งไปกว่านั้น พลังของเขาในปัจจุบันก็แกร่งกล้ากว่าฉินอวี้โม่มาก การที่ฉินอวี้โม่จะเรียกเขาเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

อย่างก็ตามไร ฉินอวี้โม่เป็นผู้สืบทอดของกายเทพมายาและเป็นนายหญิงคนใหม่ของชนเผ่ามายา หากนางยังเรียกเขาว่าท่านผู้อาวุโสต่อเช่นนี้ เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัดใจ

ทว่าหากฉินอวี้โม่เรียกเขาว่าท่านลุงโดยอิงจากอายุและความอาวุโส เขาก็ยอมรับได้

“เข้าใจแล้ว ลุงหยินหึน ท่านคงจะหมั่นเพียรและทุ่มเทพยายามอย่างหนักมาตลอดเวลาที่ผ่านมา”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและมองหยินหึนพลางกล่าวอย่างจริงใจ

หยินหึนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของนางและสีหน้าของเขาก็แสดงความโล่งใจ จากคำพูดของผู้เป็น ‘นายหญิง’ ดูเหมือนความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านจะถือว่าคุ้มค่า

เพื่อชนเผ่ามายา เพื่อความเชื่อใจและไว้วางใจของเทพมายาคนก่อนที่มีต่อเขา หยินหึนจะทำทุกอย่างเหล่านี้ด้วยความเต็มที่

“ไม่สำคัญหรอกว่าข้าเพียรพยายามแค่ไหน ข้าเพียงหวังว่าวันหนึ่งจะได้เห็นว่าดินแดนของเราปราศจากความขัดแย้งและความปรารถนาของนายหญิงได้รับการเติมเต็มจนกลายเป็นจริง”

หยินหึนกล่าวด้วยคำพูดและแววตาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง จู่ๆหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความหวังและความมั่นใจ เขาเชื่อว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้จะนำพาพวกเขาไปสู่ความรุ่งเรืองในภายภาคหน้าได้อย่างแน่นอนและสิ่งที่เทพมายาคนก่อนทำไม่สำเร็จในอดีตจะได้บรรลุเป้าหมาย

.