ตอนที่ 132 ลงโทษ

พ่ายรักวิวาห์ลวง

“ต้าฉี เธอว่าถ้าบอกผู้ชายคนที่เอาแต่จ้องเธออยู่คนนั้น ว่าความจริงเธอเป็นผู้หญิงมีสามีแล้ว แถมยังเป็นภรรยาของประธานฮั่วอีก เขาจะว่ายังไงนะ จะอ้าปากค้างจนกรามแทบร่วงเลยหรือเปล่า!” เฉียวมู่กระซิบเสียงเบาข้างหูของเวินหลานฉี เฉียวมู่ดื่มเหล้าไปเล็กน้อย ทำให้ตอนนี้หน้าของเธอขึ้นริ้วแดงเลือดฝาด ภายใต้ความบริสุทธิ์ฉายแววเจ้าชู้ เมื่อเวินหลานฉีเห็นท่าทางเธอเช่นนั้น ในใจก็คิดว่าแย่ละ เฉียวมู่คออ่อนไม่ไหว พอเมาแล้วไม่รู้จริงๆ ว่าเธอจะทำอะไรบ้าง ตอนเธอเมาครั้งที่แล้วทำตนขายหน้า จนทุกวันนี้ยังไถ่ถอนไม่ได้เลยนะ!

 

 

เธอไม่รู้ว่าเมื่อกี้เฉียวมู่ดื่มเหล้าไปกี่แก้วกันแน่ แต่ตอนนี้อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้วจริงๆ

 

 

เธอพยุงเฉียวมู่เดินออกไปข้างนอก ทว่าเฉียวมู่กลับไม่ให้ความร่วมมือโดยสิ้นเชิง เธอบิดตัวไปมาพูดแต่ว่าตนยังสนุกไม่พอเลย กลับไปยังต้องโดนคุมเข้มแทบตายอีกต่างหาก เลยอยากปล่อยตามใจตัวเองอีกสักหน่อย! ลำบากเวินหลานฉีเสียแล้วสิ เธอโน้มน้าวทีหัวเราะที จนในที่สุดก็เกลี้ยกล่อมเฉียวมู่ให้กลับไปกับตนได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะโดนชายหนุ่มที่เอาแต่มองเธอเมื่อสักครู่คนนั้นมาขวางเอาไว้

 

 

“คุณผู้หญิง สนใจดื่มกับผมสักแก้วไหมครับ” คนนั้นคิดว่าตัวเองก็พกพาความหล่อมาพอตัว

 

 

“ไม่สน!” หากแต่เวินหลานฉีกลับไม่ให้ความสนใจเขา เตรียมจะเดินจากไป แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะตามมาขวางไว้อีก “แค่ดื่มด้วยกันแก้วเดียวเอง! อย่าหักหน้าผมอย่างนี้สิ!” คนนั้นหัวเราะร่า ตั้งแต่เวินหลานฉีเดินเข้ามาในบาร์ เขาก็ให้ความสนใจแล้ว คืนนี้เขาต้องได้ผู้หญิงคนนี้ และแน่นอนว่าถ้าได้ผู้หญิงข้างกายเธอ ไปสำราญด้วยกันก็คงจะดีไม่น้อย พอคิดได้เช่นนี้เขาจึงมองเวินหลานฉีกับเฉียวมู่ที่สติเลือนรางอยู่บ้างด้วยท่าทีกะลิ้มกะเหลี่ย

 

 

“ฉันพูดกับคุณชัดเจนแล้วนะ เราไม่ใช่เป้าหมายที่คุณจะมายั่วยุอารมณ์ได้ตามใจนะ ถ้าคุณอ่านสถานการณ์ออกแล้วฟังคำแนะนำนี้บ้าง ก็รีบหลีกทางให้เราออกไปด้วย!” เวินหลานฉีดูออกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาดี และไม่ใช่แค่ชายหนุ่มคนนี้คนเดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลายคนพยายามเข้าใกล้พวกเธอ ตอนนั้นเวินหลานฉีใช้รองเท้าส้นสูงเหยียบเท้าหนุ่มๆ หลายคนไปอย่างโหดเหี้ยม ทำให้พวกเขาไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้อีก

 

 

สำหรับชายคนนั้นแล้วนับว่าคำพูดนี้ของเวินหลานฉี ทำให้เขาขายหน้าอยู่กลายๆ เขาจึงตบหน้าเวินหลานฉีหน้าหันอย่างฉับพลัน พร้อมทั้งด่าว่า “นังแรดหน้าด้าน ฉันไว้หน้าเธอแล้วนะ แต่เธอก็ยังจะหน้าด้านอีก ไม่รู้ซะบ้างว่าฉันเป็นใคร ริอ่านกล้ามาใช้อำนาจคุกคามฉันอีก!”

 

 

แรงตบนี้ทำให้เวินหลานฉีถึงกับมึนงง เธอโตมาขนาดนี้เคยโดยตีเสียเมื่อไหร่กัน ส่วนเฉียวมู่ที่ก่อนหน้านี้ซบเธออยู่ พอเห็นว่าเวินหลานฉีถูกคนรังแก ก็สร่างเมาทันที หยิบเบียร์ขวดหนึ่งจากมือของบาร์เทนเดอร์ที่เดินผ่านมาข้างกาย ยกแขนขึ้นแล้วออกแรงตีลงไปบนหัวของชายหนุ่มคนนั้นโดยไม่สนไม่แคร์อะไรเลย “แกเป็นใคร กล้าดียังไงมาตีต้าฉีของเรา!”

 

 

เหตุการณ์ชุลมุนขึ้นมาทันที และมีใครบางคนรีบโทรแจ้งตำรวจอย่างรวดเร็ว

 

 

ทั้งชีวิตถือเป็นครั้งแรกได้ย่างกรายเข้าสถานีตำรวจ แม้เวินหลานฉีจะอยากรู้อยากเห็นมากแค่ไหน แต่พอสัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวของชายข้างกาย เธอจึงทำได้เพียงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างว่าง่ายโดยไม่ร้องสักแอะ

 

 

ส่วนเฉียวมู่นั้นเวลานี้ว่าง่ายกว่าเธอเสียอีก ตอนนี้บนร่างกายของเธอมีเสื้อตำรวจพาดไว้บนไหล่ เธอนั่งให้ปากคำ อยู่หน้าผู้ชายเย็นชาแข็งกร้าวอย่างตรงไปตรงมา

 

 

“ชื่อ” เสียงพูดของหนุ่มเย็นชานั้นไพเราะมาก

 

 

“เฉียวมู่”

 

 

“เวินหลานฉี”

 

 

“อือ อายุ?”

 

 

“เอ่อ…” เฉียวมู่แอบเหลือบตามองสหายตำรวจผู้เคร่งขรึมแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างระมัดระวัง “อาซั่ว…”

 

 

“ตอนนี้ผมกำลังถามคุณอยู่นะ ห้ามพูดหัวข้ออื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง!” สหายตำรวจมองเฉียวมู่ก้มหน้าด้วยท่าทีน่าสงสารอย่างเย็นชา กอปรกับน้ำเสียงหงอยๆ ของเธออย่างน้อยนักจะเห็น

 

 

“ก่อเรื่องวิวาททำไม”

 

 

“เพราะผู้ชายคนนั้นตบต้าฉี ฉันทนดูไม่ได้…”

 

 

ทันทีที่เฉียวมู่พูดประโยคนี้จบ เวินหลานฉีก็รู้สึกว่าวงแขนที่โอบไหล่ของตนอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้น ในใจเวินหลานฉีรู้สึกเห็นใจชายคนนั้นยิ่งนัก ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามายั่วโมโหเธอน่ะ!

 

 

“บาดเจ็บตรงไหนไหม”

 

 

“เจ็บ!” เฉียวมู่ยื่นแขนเรียวบางนั้นไปข้างหน้าสหายตำรวจผู้เย็นชาอย่างมีเหตุผลพอจะพูดได้อย่างเต็มที่ “คุณดูสิมือฉันแดงไปหมดแล้ว!” น้ำเสียงเจือแววออดอ้อน

 

 

“สมน้ำหน้า!” สหายตำรวจไม่ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย

 

 

เฉียวมู่เบะปาก แล้วไม่พูดอะไรอีก

 

 

ลงบันทึกได้สักพัก ในที่สุดคุณตำรวจก็บอกให้ไปได้ ฮั่วฉินเยี่ยนเอาแต่ลากแขนเวินหลานฉีโดยไม่ยอมปล่อยเลย เขาโอบเวินหลานฉีเดินออกไปข้างนอก เธอรู้ว่าตอนนี้เป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมาเท่านั้น แต่ใครบอกว่าครั้งนี้เธอรนหาที่ตาย ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้กันล่ะ

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนเปิดประตูรถให้เวินหลานฉีขึ้นไปนั่ง เขาไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง เวินหลานฉีอยากจะพูดตั้งหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดออกมา

 

 

ไม่พูดไม่จากันมาตลอดทาง จนกระทั่งฮั่วฉินเยี่ยนเปิดประตู แล้วแบกเวินหลานฉีเข้าห้องน้ำโดยไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย เวินหลานฉีไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเลยสักนิด เขาแบกเธอพาดบ่าหัวห้อยอยู่กลางหลัง จนเธอตกใจร้องดังลั่น “ฮั่วฉินเยี่ยน คุณปล่อยฉันลงนะ!”

 

 

ใครจะไปคิดว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะฟาดก้นเวินหลานฉีกลับมาแทน เวินหลานฉีทั้งอายทั้งโกรธจริงๆ “ฮั่วฉินเยี่ยน คุณบ้าไปแล้วเหรอ ปล่อยฉันลงนะ!” เธอทุบตีแผ่นหลังฮั่วฉินเยี่ยนอย่างแรง นึกไม่ถึงว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะฟาดก้นเธอลงมาอีกที เวินหลานฉีห้อยหัวต่องแต่ง บวกกับทั้งโกรธทั้งอายจนหน้าแดงอย่างอัดอั้น

 

 

พอเข้าห้องน้ำมาฮั่วฉินเยี่ยนก็วางเวินหลานฉีบนเคาน์เตอร์ล้างหน้า เวินหลานฉีอยากจะวิ่งหนี ทว่ากลับถูกเขากักตัวเอาไว้ ฮั่วฉินเยี่ยนหยิบผ้าขนหนูติดมือมาด้วย แล้วเปิดก๊อกน้ำเอาผ้าขนหนูชุบน้ำ ตบเบาๆ ลงบนหน้าของเวินหลานฉี มือเขาขยับเคลื่อนไหวล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าของเธออย่างออกแรง หลังจากเช็ดเครื่องสำอางสะอาดแล้ว เขาก็ออกแรงฉีกเดรสตัวบางตัวนั้นของเธอจนขาดวิ่น

 

 

“คุณทำอะไรน่ะ!” เวินหลานฉีปกปิดเรือนร่างของตนเอง สีหน้าท่าทางของฮั่วฉินเยี่ยนในตอนนี้ทำให้เวินหลานฉีรู้สึกกลัวเหลือเกิน เขาเหมือนดั่งหมาป่าเดือดดาลตัวหนึ่งก็มิปาน

 

 

“อาเยี่ยนๆ ฉันผิดไปแล้วๆ!” เวินหลานฉีรีบขอร้องให้เขายกโทษให้ เวลานี้หากไม่รีบทำให้ไฟโทสะของฮั่วฉินเยี่ยนสงบลงละก็ อีกสักพักเธอต้องรับกรรมเป็นแน่

 

 

“คุณผิดตรงไหน” เสียงฮั่วฉินเยี่ยนกดต่ำ

 

 

“ฮือๆ …” เวินหลานฉีรู้ว่าพูดอะไรไปก็คงผิดอยู่ดี จึงแสร้งทำตัวน่าสงสารเสียเลย “อาเยี่ยน ฉันเจ็บหน้ามากเลย!”

 

 

“พรุ่งนี้ผมจะให้คนไปตัดมือของเขาซะ!”

 

 

“…” เราไม่ต้องฆ่าอย่างทารุณขนาดนี้ก็ได้ไหม “อาเยี่ยน…” เวินหลานฉีเพียงออดอ้อนอย่างแผ่วเบา

 

 

“คุณว่าผมควรจะจัดการคุณยังไงดี” ฮั่วฉินเยี่ยนพูดอย่างจนปัญญาอยู่บ้าง ตอนเขาได้รับสายจากสถานีตำรวจ เขาอกสั่นขวัญหายไปหมด ด้วยกลัวว่าเธอจะเกิดเรื่องร้ายอะไร สุดท้ายพอไปถึงสถานีตำรวจ และได้เห็นเธอ เขาโมโหจนปอดแทบจะระเบิด! นี่เธอสวมเสื้อผ้าอะไรเนี่ย โป๊จนคนแทบจะมองทะลุปรุโปร่งไปทั้งตัวแล้ว! เขาแทบจะฟาดก้นเธอเสียเดี๋ยวนั้น ฟาดจนกว่าเธอจะร้องไห้ เอาให้เธอหลาบจำไปเลย แต่พอเห็นว่าแก้มอวบๆ ของเธอมีรอยแดง เขาก็ยิ่งปวดใจมากกว่าเดิม เขาละอยากจะตัดมือไอ้หนุ่มที่มันกล้ามาตบเธอจริงๆ ถ้าที่นั่นไม่ใช่สถานีตำรวจละก็ เขาคิดว่าเขาคงทำลงไปแล้วจริงๆ

 

 

ทันทีที่กลับถึงบ้าน เขาก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่ใครจะคิดว่าสาวน้อยคนนี้นอกจากจะยังไม่สำนึกผิดแล้ว ยังกล้าตะโกนเอะอะเสียงดังใส่อีก จนสุดท้ายมาขอร้องให้เขายกโทษให้ในที่สุด แต่ก็มิวายไม่จริงใจอีก เธอลูบคลำเขาแบบนี้ คิดว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอแล้วใช่ไหม!

 

 

ครั้งนี้เขาต้องทำให้เธอร้องขอให้ยกโทษ จนลุกจากเตียงไม่ได้เลย ก่อนหน้านี้เขาสงสารเธอเกินไป จนเธอมีแรงออกไปเริงร่าข้างนอกได้

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต และถอดกางเกงของตนออกไปอย่างรวดเร็ว เข้าประชิดตัวเธอแล้วฉีกทึ้งผ้าตัวน้อยที่ปกปิดส่วนล่างบนร่างกายเธอออกไป เวินหลานฉีรู้ดีว่าตอนนี้เธอไม่อาจขัดขืนเด็ดขาด จึงให้ความร่วมมือ ปล่อยให้เขาถอดผ้าตัวบางบนกายออกอย่างว่าง่าย

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนกักกอดเธอ ความปรารถนาอันแรงกล้าพุ่งสูงขึ้น เมื่อมาถึงส่วนอ่อนนุ่มที่สุด ลับที่สุดของเธอ เวินหลานฉีรู้ว่าขั้นต่อไปเธอต้องโดนชาย ดุจหมาป่าตรงหน้าคนนี้ลงโทษอย่างเหี้ยมโหดเป็นแน่ ร่างกายของเธอสั่นเทาเล็กน้อย ด้วยไม่รู้เพราะตื่นเต้นหรือกลัวกันแน่ เธอยื่นมือออกไปโอบกอดฮั่วฉินเยี่ยนเช่นเดียวกัน และเตรียมพร้อม

 

 

“อ๊า…” ทว่าต่อให้เตรียมตัวมาแค่ไหน ก็เหมือนไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ฮั่วฉินเยี่ยนพุ่งพรวดเข้าไปในกายของเวินหลานฉีทันที ทั้งสองถูกความรู้สึกในชั่วพริบตากระตุ้นเร่งเร้า จนส่งเสียงครวญครางออกมา

 

 

เวินหลานฉีรู้เพียงคล้ายกับร่างกายจะถูกฮั่วฉินเยี่ยนเติมเต็ม เธอหดเกร็งส่วนนั้นอย่างทนไม่ไหว ทว่าไม่นึกว่าตรงนั้นของเธอที่แน่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอยิ่งตื่นเต้นก็ยิ่งหดเกร็ง จนฮั่วฉินเยี่ยนแทบจะกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว

 

 

“ยัยปีศาจจอมยั่ว…รัดแน่นไปแล้ว…ผ่อนคลายหน่อย ถ้าคุณเป็นแบบนี้ ผมคงมอบความสุขให้คุณไม่ได้…” ฮั่วฉินเยี่ยนจูบใบหูของเวินหลานฉี ลมร้อนผะผ่าวรินรดใบหูเธอ จนเวินหลานฉีผ่อนคลายขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย

 

 

ตอนนี้ฮั่วฉินเยี่ยนจึงตอกย้ำซ้ำๆ ลงไปอย่างหยอกล้อเธอ จนเวินหลานฉีร้องไห้ฮือๆ “อาเยี่ยน…เรา…กลับห้องดีไหม…ที่นี่…ไม่สบาย…” เธอโดนหยอกล้อจนพูดไม่เป็นคำ เคาน์เตอร์หินอ่อนเย็นเยียบข้างล่าง ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนอุ้มเธอขึ้นทันที เดินไปได้ก้าวหนึ่งก็หยอกล้อเธออีก ตอกย้ำลึกบ้างเบาบ้าง เธอถูกกระตุ้นจนไปต่อไม่ถูก สุดท้ายก็หลุดปากออกมาอย่างทนไม่ไหว “อาเยี่ยน…ลึกหน่อยได้ไหม…”

 

 

“กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ!” ฮั่วฉินเยี่ยนเอ่ยล้อ เป็นไปดังคาดกระหน่ำตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนำซ้ำทุกครั้งยังเข้าสุดออกสุดอีกต่างหาก เวินหลานได้ยินเสียงหยาบโลนจากเบื้องล่าง ก็หดตัวอยู่ในอ้อมกอดของฮั่วฉินเยี่ยน ทว่าสุดท้ายกลับทนต่อความปรารถนาที่ล้นทะลักออกมา จนส่งเสียงครางออกมาอย่างทนไม่ไหว

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนเป็นคนพูดจริงทำจริง ตั้งแต่เขากลับมาถึงบ้านตอนเที่ยงคืนจวบจนถึงหกโมงเช้า จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย เวินหลานฉีฟุบอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ฮั่วฉินเยี่ยนสวมกอดเธอจากข้างหลัง เสียงของเธอแหบแห้ง จนทำได้เพียงครางอืออาแผ่วเบาอย่างว่าง่าย และในที่สุดเธอก็สัมผัสได้ถึงสายธารอุ่นร้อนฉีดพุ่งเข้าไปภายในตัวเธอ เธอรู้ว่าฮั่วฉินเยี่ยนสุขสมแล้วในที่สุด เธอจึงล้มตัวลงบนเตียง สะโพกขาวดุจหิมะขึ้นรอยแดงเป็นจ้ำจากฮั่วฉินเยี่ยน ดูสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด ฮั่วฉินเยี่ยนรู้สึกว่าเขามีแรงขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

ทว่าเวินหลานฉีนั้นรับไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอฟุบอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง อ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “อาเยี่ยน ขอร้องล่ะ พอแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้ว…”

 

 

ถึงตอนนี้บทลงโทษของประธานฮั่วถึงสิ้นสุดลง เขาอุ้มเวินหลานฉีไปห้องน้ำอย่างระมัดระวัง และล้างตัวให้เธอรอบหนึ่ง ในระหว่างนั้นเวินหลานฉีผล็อยหลับไป จวบจนฮั่วฉินเยี่ยนอุ้มเธอขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ เธอก็ไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย

 

 

วันต่อมาเวินหลานฉีก็ไม่มีแรงลุกจากเตียงอย่างที่คิดจริงๆ เพราะเธอนั้นไข้ขึ้น