ตอนที่ 563 เขาตายแล้ว
สิ่งที่ใต้เท้ากูซูเอ่ยเป็นความจริง กูซูเฉี่ยอวี่สิ้นใจเพราะกฎของตระกูล
หนานกงหลิงเยว่ผลักอันหลิงเกอออกแล้วเข้าไปอยู่ข้างโลงศพ ใบหน้าของกูซูเฉี่ยอวี่ยังเหมือนเดิมแต่เหตุใดเล่า เหตุใดเขามิตื่นขึ้นมา ?
‘รอข้ามาสู่ขอเถิด’
ราวกับมีเสียงกระซิบดังวนเวียนข้างหู แต่หนานกงหลิงเยว่ก็รู้ดีว่านั่นเป็นแค่สิ่งที่นางคิดไปเอง นางมิเคยหลอกตัวเองมาก่อน ในตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน
แต่นางหวังหลอกตนเองว่าคนที่นอนอยู่ในโลงมิใช่กูซูเฉี่ยอวี่ หากเป็นเช่นนั้นนางก็คงไม่ต้องเสียใจ นางเสียใจมากจนน้ำตามิสามารถไหลออกมาได้ รู้สึกเพียงแน่นหน้าอกและแม้อยากตะโกนออกมาก็ไร้เรี่ยวแรง
“หนานกงหลิงเยว่…”
อันหลิงเกออยากเข้าไปประคองแต่ถูกฟางหลิงซู่ห้ามไว้ เขารู้จักน้องสาวดีว่าต้องมีสักวันที่นางคิดได้ เพียงแต่มิใช่วันนี้ก็เท่านั้น
“ข้าจะสังหารพวกมัน ! ”
หนานกงหลิงเยว่กัดฟันและลุกขึ้นมา ทว่ารอบกายว่างเปล่าไร้ผู้คน
“พวกมันตายหมดแล้ว”
ทันใดนั้นฟางหลิงซู่ก็เริ่มรู้สึกเสียใจ เหตุใดตนจึงลงมือเร็วเพียงนี้ ในเรือนกูซูไม่มีคนเป็นเหลืออยู่แล้ว หนานกงหลิงเยว่จะไประบายอารมณ์ได้ที่ใด ?
“ท่านพี่ ท่านช่วยฆ่าคนแทนข้าได้ แล้วท่านช่วยแบกรับความเสียใจแทนข้าได้หรือไม่ ? ”
ทันใดนั้นหนานกงหลิงเยว่ก็เงียบขรึม นางทรุดตัวลงนั่งชันเข่า หลังผ่านไปพักใหญ่นางก็เงยหน้ามองฟางหลิงซู่แล้วพูดออกมา
น้ำเสียงโศกเศร้าและอ้างว้างของหนานกงหลิงเยว่ทำให้อันหลิงเกอพูดมิออกว่าในตอนนี้รู้สึกเยี่ยงไร แต่เพียงได้ยินก็ทำให้นางน้ำตาไหลรินได้แล้ว
หนานกงหลิงเยว่เป็นคนเข้มแข็งมาโดยตลอด ทว่าช่วงเวลาที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ตัวนางอาจเดินมาถึงปากเหวและกำลังโดนคนโลภพวกนี้บีบบังคับ
ฟางหลิงซู่ใจสั่นแล้วรีบเข้าไปนั่งเป็นเพื่อนหนานกงหลิงเยว่ เขาหวังเพียงว่าตนจักสามารถเป็นดั่งที่นางพูดไว้คือช่วยแบกรับความเสียใจแทนนางได้ แต่เขาก็ทำมิได้อยู่ดี
“พวกเรากลับเรือนกันเถิด”
ฟางหลิงซู่อยากประคองหนานกงหลิงเยว่ให้ลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าเหมือนดั่งที่สองพี่น้องทำมาโดยตลอด แต่เขารู้สึกว่าร่างกายของนางหนักเกินไปจนต้องทรุดตัวไปอยู่กับพื้น
ดวงตาของหนานกงหลิงเยว่ว่างเปล่าและเหมือนสามารถมองทะลุโลงศพใบนั้นจนเห็นคนที่อยู่ด้านในได้
ถ้ากูซูเฉี่ยอวี่ยังมีชีวิตอยู่จะดีถึงเพียงใดกัน ?
บนโลกนี้มีหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือแม้แต่น้ำที่ถูกสาดออกไปแล้วก็ยังมีวันกลายเป็นสายฝนและตกสู่พื้นดินใหม่ แต่น่าเสียดายที่คนตายไปแล้วมิสามารถย้อนคืนมาได้อีก
หากกลับมาได้ นางก็มิอยากให้เขามาอยู่ใกล้ตัวอีก หนานกงหลิงเยว่เงยหน้ามองฟ้าแล้วคิดในใจเงียบๆ
กูซูเฉี่ยอวี่เป็นคนดีคนหนึ่ง น่าเสียดายที่ต้องมาพบนาง
ใช่ ถ้าไม่ใช่นาง เขาก็คงมิต้องทรยศบิดา ทรยศตระกูลและทรยศคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด
ดังนั้นหากเกิดใหม่แล้วก็อย่าได้มาพบพานอีกเลย ! เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้วหนานกงหลิงเยว่ก็ทนมิไหวอีก นางจึงล้มลงข้างโลงศพทันที
กูซูเฉี่ยอวี่อยู่ด้านในส่วนตัวนางยังมีชีวิตอยู่บนโลก เดิมทีโลกใบนี้ก็ไร้เหตุผลใดอยู่แล้ว มีเพียงความเป็นหรือตายที่จะตัดสินทุกอย่าง !
“พานางกลับไปเถิด ส่วนข้าจะไปขอคำอธิบายเรื่องนี้ให้นางเอง”
ฟางหลิงซู่ลุกขึ้นยืน มีหลายครั้งที่อันหลิงเกอมักรู้สึกว่าสองพี่น้องเป็นเหมือนภาพที่ฝันขึ้นมา
เช่นความรักหนักแน่นและความเด็ดเดี่ยวในเวลานี้
“ได้”
อันหลิงเกอรู้ว่าห้ามฟางหลิงซู่ไว้มิได้ ส่วนตัวนางก็ไม่คิดว่าความถูกผิดขึ้นอยู่กับความต่างของราชสำนักและยุทธภพ ในเมื่อนางเลือกเชื่อสองพี่น้องคู่นี้แล้วไม่ว่าพวกเขาทำสิ่งใดหรือตัดสินใจอย่างไร นางก็ไม่มีทางตำหนิหรือสงสัย !
ตอนกลับถึงหอพิษกู่ ในหอกำลังจัดงานเลี้ยงอยู่เพราะตอนนี้ทุกคนรู้ว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของหอพิษกู่ทำให้สามารถแยกตัวออกจากราชสำนักได้อีกครั้งจึงเป็นธรรมดาที่ทุกคนจะมีความสุข
อันหลิงเกอได้แต่พาหนานกงหลิงเยว่เข้าไปในเรือน แม้มิอยากให้นางได้ยินเสียงครื้นเครงแต่ก็มิคิดไปรบกวนความสุขของคนพวกนั้น
จนถึงตอนนี้อันหลิงเกอได้พบว่าเวลานั้นนางทำสิ่งใดผิดไป
เพื่อมู่จวินฮานแล้ว นางฝืนดึงหอพิษกู่และราชสำนักมาเกี่ยวโยงกัน แต่ทางเดินที่มิเหมือนกัน แล้วจะมีหลักการเดียวกันได้อย่างไร ?
นางคิดผิด
ณ เวลานี้ หลังเปิดหน้าต่างมองไปยังผู้คนในหอพิษกู่และเห็นว่าพวกเขามีความสุขกันเพียงใด นางก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้น
ท้ายที่สุดความผิดที่นางทำไปก็ได้ปรากฎอยู่ตรงหน้าแล้ว
ในเวลานี้หนานกงหลิงเยว่มิได้มีอันตรายถึงชีวิต แค่ร่างกายทรุดโทรมเพราะเสียใจมากเกินไปเท่านั้น
อันหลิงเกอจึงพานางไปนอนบนเตียง หลังป้อนยาแล้วก็ออกมาได้อย่างวางใจ
อีกด้านหนึ่งคือวังหลวง อัครมหาเสนาบดีไม่สามารถรอดชีวิตมาได้จึงมีเพียงทัวป๋าถิงฟางที่รอดกลับมา
อัครมหาเสนาบดีเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ แม้ต้องตายด้วยฝีมือของคนในหอพิษกู่ แต่ก็เป็นการช่วย ‘เปิดโปง’ ความทะเยอทะยานของหอพิษกู่
ส่วนทัวป๋าถิงฟางที่เป็นบุตรสาวโดยชอบธรรมย่อมต้องไว้ทุกข์ แม้มิอาจแต่งออกไปได้แต่ก็มิอาจเข้าจวนอ๋องได้เช่นเดียวกัน
การที่นางมิได้บอกที่อยู่ของอันหลิงเกอให้ทุกคนรับรู้เพราะต้องการรอ รอโอกาสว่าสักวันหนึ่งที่มู่จวินฮานไปทำลายหอพิษกู่แล้วทั้งสองคนก็จะเข่นฆ่ากันเอง
ในเมื่อนางมิได้มาครอง เยี่ยงนั้นอันหลิงเกอก็ไม่มีทางได้ !
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทัวป๋าถิงฟางก็หันไปมองป้ายวิญญาณของบิดาบุญธรรมและแอบสาบานในใจว่านางต้องแก้แค้นให้ได้ นางจะมิปล่อยให้บิดาตายไปอย่างสูญเปล่า
มิว่าเป็นหอพิษกู่หรืออันหลิงเกอ นางก็มิปล่อยไปสักคน
ในเมื่อพวกนั้นมิเหลือทางเดินให้นาง เช่นนั้นนางก็ไม่มีวันอภัยแน่นอน !
“อันหลิงเกอ”
เมื่อฟางหลิงซู่กลับมาถึงก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แม้อันหลิงเกอเห็นชุดขาวของเขาแปดเปื้อนไปด้วยโลหิต แต่นางก็มิได้กล่าวอันใดออกไปสักคำ ตรงกันข้ามยังชวนเขาดื่มสุรา เล่นหมากล้อมและพูดคุยตามปกติ
“ถ้าเป็นเช่นนี้ตลอดไปก็คงดี”
ฟางหลิงซู่รู้ดีว่าเมื่อผ่านคืนนี้ไปแล้วเขาไม่มีทางอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป หอพิษกู่ต้องย้ายออกไป ส่วนอันหลิงเกอก็มีทางเลือกของตน
“เจ้าคิดไปอยู่ที่ใด ? ”
อันหลิงเกอมองออกว่าฟางหลิงซู่ยังมิอยากจากที่นี่ไป
“ไปที่เผ่าปิงชวน”
ชนเผ่าและหอพิษกู่มีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง ด้วยเหตุนี้ฟางหลิงซู่จึงเลือกย้ายไปอยู่ที่นั่น
แต่ที่นั่นอยู่ห่างจากเมืองหลวงมาก มิรู้ว่าอันหลิงเกอจะยอมตามไปด้วยหรือไม่
“ข้า…” อันหลิงเกอปรากฎความลังเล
สำหรับฟางหลิงซู่และหนานกงหลิงเยว่แล้ว นางมีความรู้สึกดีให้ แต่นางมิเคยคิดอยู่ห่างมู่จวินฮานมาก่อน หรืออย่างน้อยก็ไม่คิดอยู่ไกลจากเขามากเพียงนั้น
“เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถิด” ฟางหลิงซู่รู้ว่าอันหลิงเกอกำลังคิดอันใดอยู่
“เจ้า…”
“อย่าทำให้ตนเองลำบากใจเลย”
จริงสิ อันหลิงเกอเองก็รู้ดี แต่ไหนแต่ไรมานางก็มิได้ทำให้ตนต้องลำบากใจอยู่แล้ว
ตอนนี้เรื่องของทัวป๋าถิงฟางคลี่คลายแล้ว เมื่อนางกลับไปอยู่จวนอ๋องก็สามารถอยู่กับมู่จวินฮานได้อย่างมีความสุขและสามารถต่อสู้กับมู่เหล่าหวางเฟยได้อย่างเต็มกำลัง นี่ล้วนเป็นสิ่งที่นางสมควรทำ
นางมิควรอยู่ที่นี่ต่อไปจริง ๆ
“ขอบคุณมาก ฟางหลิงซู่”
ช่วงหลายวันมานี้นางรู้สึกขอบคุณฟางหลิงซู่จากใจจริง เพราะเขาช่วยนางไว้และให้พื้นที่สำหรับนาง
“ถ้ามีวันหนึ่งที่หอพิษกู่ย้ายกลับมา ข้าหวังว่าเจ้าจะมาเยือนบ้าง”
“ได้” อันหลิงเกอตอบกลับโดยมิลังเล นี่เป็นข้อตกลงของนางกับฟางหลิงซู่และอันหลิงเกอคนนี้ก็จะรักษาคำสัญญาแน่นอน !