ตอนที่ 370 ไหนว่าจะไม่หลอกกัน
เมื่อกลับมาถึงตำหนักไม้ไผ่ หลินเป่ยเฉินก็กระโดดลงไปนอนแช่น้ำในอ่างน้ำอุ่น
เขานึกเสียใจที่ส่งสองสาวรับใช้ไปเข้าเรียน
หากพวกนางยังอยู่ เขาไม่ก็ไม่ต้องเสียเวลามานั่งต้มน้ำอาบเองแล้ว
ว่าแต่จะเอายังไงเรื่องเข้าร่วมการแข่งขันดีนะ?
หลังจากลองคิดดูอีกหลายรอบ หลินเป่ยเฉินยังคงเลือกคำตอบปฏิเสธ
เมื่อรวมเงินรางวัลที่เขาได้รับจากการแข่งขันค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองเข้ากับเงินส่วนอื่น มันก็ทำให้เด็กหนุ่มมีเงินอยู่ในมือ 1,200 เหรียญทองคำแล้ว
เป็นจำนวนที่พอเพียงสำหรับตอนนี้
เงินจำนวนนี้นอกจากเพียงพอต่อการใช้ชาร์จโทรศัพท์ มันยังเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีกด้วย
ถ้าไม่มีเหตุเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสียเงินจำนวนมาก
จริงอยู่ที่หากหลินเป่ยเฉินเลือกเข้าร่วมการแข่งขันจตุรมิตรสามัคคี เขาก็มีโอกาสหาเงินได้เยอะกว่านี้จากการเก็บค่าโฆษณา แต่ทว่า ด้วยระดับพลังที่เป็นอยู่ มันคือเรื่องยากที่เขาจะไต่เต้าขึ้นไปจนอยู่อันดับหนึ่งในสิบของผู้เข้าแข่งขันได้สำเร็จ
และการแข่งขันครั้งนี้ ถ้าเขาชนะ มันก็แค่เสมอตัว
แต่ถ้าเกิดแพ้หลุดลุ่ยขึ้นมานี่สิ มีแต่อับอายขายหน้าผู้คนก็เท่านั้นเอง
ถ้าเป็นเช่นนั้น เมื่อมีการแข่งขันอื่นๆ เกิดขึ้นตามมา ค่าโฆษณาที่เขาควรได้รับ มันก็จะไม่สูงเท่าเดิมอีกแล้ว
เมื่อลองคิดดูหลายตลบแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจว่าเรื่องนี้ได้ไม่คุ้มเสีย
เด็กหนุ่มตัดสินใจเด็ดขาดว่าวันพรุ่งนี้เขาจะบอกปฏิเสธฉู่เหินอย่างเป็นทางการ
หลังอาบน้ำเสร็จ หลินเป่ยเฉินก็เดินไปคุ้ยหาคัมภีร์การโคจรพลังลมปราณขั้นพื้นฐานที่วางทิ้งอยู่บนโต๊ะหนังสือมุมห้อง
“เฮ้อ คนอื่นเขาฝึกกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เราดันต้องกลับมาฝึกวิชาพื้นฐานอีกครั้ง ทำไมมันน่าอนาถแบบนี้วะ…”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมายาวเหยียด
เขาใช้โทรศัพท์มือถือสแกนคัมภีร์การโคจรพลังลมปราณขั้นพื้นฐานและติดตั้งแอปพลิเคชันอีกครั้ง หลังเคยถอนการติดตั้งไปแล้วก่อนหน้านี้
เรียบร้อยเขาก็เปิดการทำงาน
แล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
ระดับพลังลมปราณในขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับที่ 3 ของเขา ซึ่งเดิมทีนั้นไหลเวียนอย่างติดๆ ขัดๆ แม้แต่วิชามัจฉากลายร่างเป็นมังกรก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ แต่เมื่อลองมาใช้งานวิชาการโคจรพลังขั้นพื้นฐาน กำแพงกั้นพลังก็พังทลายลง พลังลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเด็กหนุ่มอย่างสะดวกสบาย เหมือนกระแสน้ำที่ไหลเรื่อยโดยไร้สิ่งกีดขวาง
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินอุทานกับตนเอง
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังลมปราณในร่างกายไหลเวียนอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น
เพียงหนึ่งชั่วยามครึ่ง หลินเป่ยเฉินก็เลื่อนระดับพลังขึ้นมาอยู่ในขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 แล้ว
ด้วยความเร็วระดับนี้ ใช้เวลาไม่เกิน 5 วัน หลินเป่ยเฉินก็จะกลับคืนสู่ขั้นปรมาจารย์ได้แน่นอน
ดูเหมือนเรื่องที่ว่าผู้รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพีกระบี่ จะไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้เป็นเวลายาวนานอย่างน้อยครึ่งปี คงใช้ไม่ได้กับเขาเสียแล้ว
อุ๊วะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
หลินเป่ยเฉินหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
เขานี่มันเป็นอัจฉริยะหนึ่งในล้าน
ไม่มีใครจะมาเทียบเคียงเขาได้อีกแล้ว
แต่ว่า…
พลัน เด็กหนุ่มก็นึกถึงอีกหนึ่งความเป็นไปได้ขึ้นมาทันที
หรือว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามจะเล่นลูกไม้บางอย่าง ทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับเข้ามานั้นไม่ใช่ของจริง?
ยัยเทพีนั่นยิ่งเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้อยู่ด้วยสิ
หลินเป่ยเฉินเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยกับความคิดของตนเอง
แต่ไม่น่าเป็นไปได้
นักพรตหญิงชินรวมถึงนักบวชคนอื่นๆ ก็อยู่ที่นั่นหลายสิบชีวิต เช่นเดียวกับพวกถังกู่จิน ไป๋ไห่ชินและตัววายร้ายทั้งหลาย พวกนั้นไม่มีทางเสแสร้งแกล้งตบตาเขาแน่ๆ …หลินเป่ยเฉินพยายามปลอบใจตนเองต่อไป
มิฉะนั้นแล้ว เขาได้มีปัญหาใหญ่แน่
อีกอย่าง ดูเหมือนว่านักพรตหญิงชินจะสังเกตเห็นความผิดปกติอะไรบางอย่างแล้วกระมัง
ไม่งั้นนางคงไม่แนะนำให้เขาลองใช้วิธีการโคจรพลังลมปราณขั้นพื้นฐานหรอก นี่คือการทดสอบเขาใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าเสื้อคลุมอาบน้ำที่ตนเองสวมใส่อยู่ให้ความรู้สึกหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ
พบหน้ากันครั้งต่อไป หวังว่านักพรตหญิงชินคงไม่จับตัวเขาไปประหารก็แล้วกัน
ไม่ว่าจะขบคิดสักเท่าไหร่ แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่ได้คำตอบอยู่ดี
สุดท้าย เขาก็ปิดประตูหน้าต่าง ลงกลอนอย่างแน่นหนา ก่อนดาวน์โหลดกล่องสีดำออกมาจากพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ในโทรศัพท์มือถือ
นี่คือของขวัญที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งมาให้เขาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
แต่ปัญหาก็คือผ่านมาจนถึงบัดนี้ หลินเป่ยเฉินยังหาวิธีเปิดกล่องไม่ได้
ไม่ว่าจะใช้ฟันกัด ใช้ค้อนทุบ ใช้ไฟเผา นำไปลวกน้ำร้อน นำไปรมควัน…
ไม่ว่าวิธีไหนก็เปิดกล่องไม่ได้
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอปวีแชทและส่งข้อความไปหาเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
“บอกมาเดี๋ยวนี้ ต้องทำอย่างไรถึงจะเปิดกล่องได้?”
“ไม่ต้องมาแกล้งตาย เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ เหตุไฉนถึงไม่ตอบข้อความ”
ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มก็ส่งข้อความไปแล้วหลายสิบครั้ง
แต่ก็ไม่เคยมีการตอบกลับมาเลยสักครั้ง
…
ณ ดินแดนทวยเทพ
วิหารหลังใหม่สว่างไสวด้วยแสงตะวันสีทองคำ
แสงสีทองที่ส่องผ่านกระจกแก้วใสในตัววิหารทำให้ฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศเป็นประกายระยิบระยับอย่างอบอุ่น นอกจากไม่ดูระคายหูระคายตาแล้ว มันยังดูสวยงามน่าจับต้องอีกด้วย…
เทพีกระบี่หิมะไร้นามกำลังนอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยร่างกายเปลือยเปล่า
ในวิหารมีแต่กลิ่นสุราเหม็นหึ่ง
ถ้วยสุราและไหสุราจำนวนมากวางเรียงรายอยู่ข้างเตียงนอนของนาง
ห่างออกไปไม่ไกล ประตูวิหารที่เปิดทิ้งไว้ทำให้มีนกสีเงินหลายสิบตัวบินโฉบเข้ามา แต่เมื่อพวกมันได้สูดดมกลิ่นสุราที่ตลบอบอวลอยู่ในอากาศเข้าไปเต็มปอด เจ้านกเหล่านั้นก็ร่วงหล่นลงมาบนพื้นหินด้วยความเมามาย ไม่สามารถบินกลับขึ้นไปได้อีกแล้ว
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้นไม่หยุดยั้ง
“ฮื่อ…” เทพีกระบี่หิมะไร้นามค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดหัว
ดวงตาที่เหม่อลอยของนางจ้องมองไปนอกหน้าต่าง พลัน เทพีฝึกหัดก็เบิกตาโตขึ้นมาเล็กน้อย
“นี่ข้าเมามายขนาดนี้เชียวหรือ?”
นางยกมือขึ้นนวดขมับตนเอง
การกระทำนี้ทำให้ภูเขาไฟสองลูกใหญ่ประจำตัวนางกระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ ท้าทายแสงแดดที่สาดส่องสว่างไสว
“อ้า ความรู้สึกของการเมาทั้งวันทั้งคืน… มันช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ ก่อนจะก้มหน้าลงสำรวจดูเรือนร่างของตนเอง นางยังคงมีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างสมบูรณ์แบบ ควรค่าที่ผู้คนจะกราบไหว้เป็นเทพเจ้าต่อไป
หลังจากยืนบิดขี้เกียจอยู่หลายท่า สายตาของเทพีกระบี่หิมะไร้นามก็สะดุดเข้ากับไหสุราที่วางทิ้งระเกะระกะอยู่บนพื้นข้างเตียงนอน แล้วนางก็ส่งเสียงครวญครางในลำคอเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ข้าจ่ายค่าสุราพวกนี้ไปเป็นคะแนนความศรัทธา 10,000 แต้ม… หมายความว่าบ่ายวันนี้ ข้าก็กลับมาถังแตกอีกแล้วน่ะสิ…”
ไฟกะพริบบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือดึงดูดความสนใจของเทพีกระบี่หิมะไร้นามได้ทันที
นางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หวังว่าจะได้พบเจอข่าวสารที่น่าสนใจ…
“เอ่อ… มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ข้ามัวแต่เมามายจนลืมบอกวิธีเปิดกล่องของขวัญให้เด็กหนุ่มนั่นรู้เลย”
เทพีฝึกหัดยกมือนวดขมับตัวเองอีกครั้ง กำลังจะกดตอบข้อความบอกวิธีเปิดกล่องของขวัญ แต่แล้วสายตาของนางก็สะดุดเข้ากับไหสุราที่ว่างเปล่าอีกครั้ง แล้วความคิดบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในจิตใจ
จะทำหรือไม่ทำดีนะ?
นางพึมพำกับตัวเอง แต่นิ้วมือก็ไม่ได้หยุดพิมพ์ตัวอักษร
ในไม่ช้า นางก็พิมพ์ ‘คู่มือ’ การเปิดกล่องของขวัญเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นก็ส่งไฟล์ข้ามเขตแดนลงไปที่โลกจอมยุทธ์ให้แก่เด็กหนุ่มผู้โชคดีปนโชคร้าย
แหะๆ ไม่ต้องกังวลนะ น้องชาย
อย่าหาว่าพี่สาวหลอกกันอีกแล้วเลยนะ ครั้งที่แล้วที่ข้าจำเป็นต้องหลอกเจ้าเป็นจำนวนเงินมหาศาลขนาดนั้น ก็เพื่อจะเอามาปรับปรุงวิหารให้อยู่ได้อย่างสุขสบายมากขึ้น พี่สาวขอรับปากว่าถ้าสามารถเลิกสุราได้เมื่อไหร่ พี่สาวคนนี้จะทำตัวเป็นเทพเจ้าที่ดีขึ้น และจะช่วยเหลือเจ้าอย่างบริสุทธิ์ใจมากขึ้น…
เทพีกระบี่หิมะไร้นามบอกกับตนเองว่าสิ่งที่นางทำอยู่ไม่ใช่ความผิด
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางโดยไม่รู้ตัว
ในไม่ช้า ก็มีข้อความตอบกลับมาจากเด็กหนุ่มหน้าหล่อว่า “นี่มันอะไรกัน? ท่านโกหกข้าอีกแล้วหรือ?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งอีโมจิหน้ายิ้มกลับไป ก่อนอธิบายว่า “เชิญเจ้าอ่านคู่มือการเปิดกล่องได้เลย… พี่สาวต้องขออภัยด้วยนะน้องชาย หลายวันมานี้ข้ายุ่งอยู่กับการกักตัวฝึกวิชา จนลืมบอกวิธีเปิดกล่องให้เจ้ารู้เสียสนิท วิธีการเปิดกล่องอยู่ในคู่มือฉบับนั้นแล้ว สิ่งที่อยู่ในกล่องคือของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ รับรองว่าเจ้าจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน”
“หืม… พูดจริงสิ?”
“ร่างเปลือยของข้าเจ้าก็เคยเห็นมาแล้ว ข้าจะโกหกเจ้าเพื่ออะไร?”
“ท่าน ก็ได้…”
แม้จะมองไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคงยิ้มอย่างฝืดฝืนเต็มทน
ติ๊ง!
นี่คือเสียงแจ้งเตือนที่บอกว่าเด็กหนุ่มดาวน์โหลดคู่มือเรียบร้อยแล้ว
ติ๊ง!
“ท่านได้รับคะแนนศรัทธา 120 แต้ม”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามมองจำนวนคะแนนที่ตนเองได้รับด้วยความแปลกใจ
“น้องชายก็ถังแตกเหมือนกันหรือนี่? เฮ้อ…ครั้งนี้ข้าทำเกินไปหรือเปล่านะ?”
เมื่อมองที่หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ได้เห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังส่งข้อความมารัวๆ ด้วยความเดือดดาล
นางกดปิดการเชื่อมต่อโดยไม่ลังเล
“บัดนี้เจ้ากำลังโกรธที่ถูกหลอกเงิน แต่เจ้าคงจะโกรธมากกว่านี้อีกหลายเท่า เมื่อพบว่าของที่อยู่ในกล่องนั้นเป็นสิ่งใด…”
…
หลินเป่ยเฉินโยนโทรศัพท์ทิ้งด้วยความเจ็บใจ
จริงๆ เลยนะ
เขานี่มันโง่เหลือเกิน
บนดินแดนทวยเทพมีเทพีที่หลอกลวงผู้อื่นเป็นนิสัยอย่างนี้อยู่ได้อย่างไร?
แม้แต่ร่างเปลือยของนางเขาก็เคยเห็นมาแล้ว แต่นางก็ยังโกหกเขาได้ลงคอ?
หลินเป่ยเฉินอยากจะร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ
“เรานี่มันไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ…”
เขายกมือปิดหน้า
หมดสิ้นแล้ว
เงินจำนวน 1,200 เหรียญทองคำหายวับไปในพริบตาเดียว
มันหายไปในทันทีที่เขากดดาวน์โหลดไฟล์คู่มือการเปิดกล่องของขวัญจากแอปวีแชท ซึ่งมีขนาดเพียง 20 MB เท่านั้น
ภายใต้ความโกรธแค้นนี้ หลินเป่ยเฉินไม่ทราบว่าตนเองก่นด่าบรรพบุรุษของเทพีกระบี่หิมะไร้นามอยู่นานขนาดไหน
แต่เห็นได้ชัดว่านางเตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว จึงได้ตัดการเชื่อมต่อ ไม่ยอมอ่านข้อความเขาเลยสักคำเดียว
หลินเป่ยเฉินต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่จิตใจจะสงบเยือกเย็นลง
ความแค้นครั้งนี้เขาต้องเอาคืนให้สาสมให้ได้
แต่โมโหไปตอนนี้ก็ไร้ความหมาย
เด็กหนุ่มเริ่มกดยกเลิกข้อความหยาบคายที่ส่งไปทีละข้อความ
ถึงเห็น ยัยเทพีจอมหลอกลวงก็คงไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรอยู่ดี
เขาจะใช้เวลาระหว่างนี้ คิดหาวิธีแก้แค้นที่ทำให้เทพีกระบี่หิมะไร้นามต้องอกแตกตายให้ได้
หลินเป่ยเฉินพยายามปลอบใจตนเองและเปิดกล่องของขวัญตามที่ระบุไว้ในคู่มือทุกขั้นตอน
วูบ!
ฝากล่องเปิดออกแล้ว
บังเกิดลำแสงสีแดงสว่างไสวออกมาจากด้านใน