DC บทที่ 311: เซียวหยาง

 

“เซียวหยางรึ..” เมื่อผู้อาวุโสจงได้ยินซีซิงฟางอ้างถึงเขา ดวงตาของเขาก็เปิดกว้างขึ้นด้วยความตระหนกจากการรับรู้

 

เขาไม่อยากเชื่อว่าตัวเขาเองพลาดบางอย่างเช่นนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาพบกับอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ไม่นานนักในวันนี้ อย่างไรก็ตามสำนึกกระบี่นี้กลับรุนแรงยิ่งกว่าสำนึกกระบี่ที่เซียวหยางใช้ก่อนหน้านี้ มันแตกต่างกันเป็นคนละระดับ

 

“น-นายหญิงน้อย เมื่อกล่าวถึงเซียวหยางแล้ว… เขาก็อยู่ในเมืองหิมะร่วงแล้วจริงๆตอนนี้…”

 

ซีซิงฟางพลันหันไปมองดูผู้อาวุโสจงด้วยดวงตาโต

 

“ท่านมั่นใจในเรื่องนี้รึ” เธอถามเขาด้วยเสียงอันดัง กระทั่งยังตบโต๊ะด้วยความตื่นเต้น

 

“…”

 

การระเบิดออกในทันทีของซีซิงฟางพลันทำให้ทั้งห้องตะลึงงัน จนทำให้ทุกคนในนั้นต่างพากันมองดูเธอด้วยท่าทางตกตะลึง

 

“ผู้อาวุโสจง ท่านก็รู้จักเซียวหยางคนนี้รึ” เจ้าซีถามเขา

 

“รู้จักเล็กน้อย…”

 

เจ้าซียิ้มในใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ แทนที่จะขอร้องลูกสาวตนเอง เขาก็แค่ถามผู้อาวุโสจงเกี่ยวกับเซียวหยางคนนี้ได้ในตอนนี้

 

“บอกข้าเกี่ยวกับเซียวหยางคนนี้ซิ” เขาถามโดยไม่เสียเวลาอีกต่อไป

 

ผู้อาวุโสจงพยักหน้าและเริ่มอธิบายให้เจ้าซีฟังถึงการพบปะกับเซียวหยาง อ้างไปถึงการที่อีกฝ่ายช่วยพวกเขาฆ่าคนของดาบเสี้ยวจันทร์

 

คำอธิบายเพียงใช้เวลาไม่กี่นาทีเป็นอย่างมาก ในเมื่อการพบปะของพวกเขาค่อนข้างสั้น

 

“เช่นนั้นรึ” เจ้าซีตะลึงงันไปกับเรื่องราวที่ไม่มีความสำคัญเช่นนั้น ถ้าการพบปะของพวกเขาเป็นอย่างเช่นที่ผู้อาวุโสจงอธิบาย ทำไมลูกสาวของเขาจึงทำท่าทางเหมือนกับว่าเขาเป็นชายชู้ของเธอ

 

“แต่ว่า… นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ท่านมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้รึ” เจ้าซีไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีกับข่าวนี้

 

ในฐานะของเจ้าผู้ปกครองทวีปตะวันออก เขาย่อมรู้จักชื่อเสียงของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและพฤติกรรมทางเพศของพวกเขา อย่างไรก็ตามนี่เพียงทำให้สถานการณ์ยิ่งสับสน ในเมื่อที่นั่นไม่ควรจะมีจอมยุทธแบบนี้ในสถานที่แบบนั้น

 

“แม้ว่าข้าเองก็ยังสงสัยเรื่องนั้นเมื่อข้าศึกษาสถานที่นั้น ข้ายังเห็นเขาที่ทางเข้าเมืองวันนี้ และเขาก็อยู่กับคนจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ทั้งยังสวมชุดศิษย์ของที่นั่นด้วย” ผู้อาวุโสจงกล่าว

 

หลังจากที่แยกทางกับเซียวหยางและกลับถึงที่พัก ผู้อาวุโสจงก็เริ่มศึกษานิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยทันที แต่ทว่าเมื่อเขาตระหนักว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเป็นสถานที่อย่างไร เขาก็คาดว่าเซียวหยางนั้นได้โกหกในเรื่องพื้นเพของตนเอง เพื่อปกป้องตัวตนของตัวเองในเมื่อไม่มีทางที่จอมกระบี่จะมีตัวตนในสถานที่ที่เน้นหนักทางด้านการฝึกวิชาคู่

 

“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย…”

 

ซีซิงฟางหน้าแดงเมื่อได้ยินชื่อสถานที่นี้ แน่นอนว่าเธอก็ทำการค้นคว้าด้วยตัวเองเช่นกัน ในเมื่อเธอค่อนข้างสงสัยเป็นอันมากเกี่ยวกับเซียวหยางเกินกว่าจะละเลยได้ อย่างไรก็ตามเธอไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่าเซียวหยางจะมาจากสถานที่เช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีท่าทางที่สง่าผ่าเผยเช่นนั้น

 

“อย่างไรก็ตามนั่นค่อนข้างง่ายในการหาว่าเขามาจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจริงหรือไม่”

 

เจ้าซียืนขึ้นจากเก้าอี้ตนเองและกล่าวต่อว่า “ข้าจักไปพบกับพวกเขาด้วยตนเอง”

 

“ว่ากระไร”

 

ทุกคนที่นั่นต่างมีท่าทางตระหนกเมื่อได้ยินว่าเจ้าซีจะไปหาใครก่อน ด้วยฐานะที่สูงส่งของเขา ผู้คนล้วนคาดหมายว่าเขาจะส่งหนังสือเรียกตัวไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เพื่อให้พวกนั้นมาหาเขา ไม่ใช่เป็นแบบนี้

 

“ข-ข้าต้องการไปกับท่านด้วย”

 

ซีซิงฟางก็ยืนขึ้นด้วยเช่นกัน นี่ควรจะเป็นโอกาสให้เธอได้พบกับเซียวหยางอีกครั้ง

 

“ไม่ เจ้าจักต้องอยู่ที่นี่”

 

อย่างไรก็ตามเจ้าซีปฏิเสธทันควัน

 

“ถ้าท่านพ่อไป ข้าก็ไปด้วยเช่นกัน” เธอจ้องมองเขาด้วยท่าทางมั่นคง เธอย่อมไม่ยอมให้โอกาสนี้พลาดไปง่ายๆ

 

“ท่านเจ้าซี นั่นค่อนข้างจะไม่เหมาะสมอยู่บ้างสำหรับท่านที่จะไป…”

 

“เขาพูดถูก ท่านเจ้าซี ถ้ายังไง พวกเราสักคนสามารถไปแทนท่าน”

 

ผู้คนในห้องเริ่มให้คำแนะนำของตน

 

เจ้าซีเงียบไป และหลังจากครุ่นคิดชั่วขณะเขาก็พยักหน้า

 

“เช่นนั้นก็ดี ผู้อาวุโสจงในเมื่อท่านเป็นคนที่คุ้นเคยกับเซียวหยางนี้ที่สุด ข้าจักขอร้องท่านไปพบกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเพื่อดูว่าเขาอยู่กับพวกนั้นจริงหรือไม่”

 

จากนั้นเขาก็หันไปมองดูลูกสาวของตนเองและกล่าวว่า “ถ้าข้าอยู่ เช่นนั้นเจ้าก็จักอยู่ด้วย ใช่ไหม”

 

“…”

 

ซีซิงฟางมองดูเขาด้วยท่าทางโกรธเล็กน้อยไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะกล่าวว่า “ข้าจักกลับห้องข้า”

 

เจ้าซียิ้มขื่นขมขณะที่มองดูลูกสาวของตนเองออกไปจากที่นั้นด้วยท่าทางไม่พอใจ เธอยังเป็นเด็กเมื่อครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอทำท่าทางแบบนั้น และในขณะที่มีคนมากมายอยู่ด้วย ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย

 

“ข้าจักรับภารกิจนี้” ผู้อาวุโสจงกล่าว

 

ไม่นานหลังจากนั้นขณะที่เจ้าซีกลับไปยังที่นั่งของตนเอง หยกสื่อสารของเขาก็สั่น และข่าวที่ว่ามีคนสร้างความปั่นป่วนในเมืองสุดท้ายก็เข้าหูเขา

 

“จอมกระบี่คนหนึ่งไม่สนใจกฏของเมืองอย่างเปิดเผยและได้ฆ่าคนกลางวันแสกๆ”

 

เจ้าซีถึงกับตกตะลึงไปกับข่าวนี้

 

“เช่นนี้คือเหตุผลของสำนึกกระบี่เมื่อกี้นี้…” เจ้าซีนึกส่ายหน้า

 

“เห็นชัดว่ามีคนได้ฆ่าคนในเมืองหิมะร่วงของข้า เขาฆ่าผู้อาวุโสนิกายจากนิกายแท่นบูชาทอง”

 

เจ้าซีตัดสินใจที่จะแบ่งปันข้อมูลนี้ให้กับทุกคนในที่นั้น

 

“ใครกันกล้าทำเช่นนั้น”

 

“ผู้อาวุโสจากนิกายแทนบูชาทองรึ นักฆ่าคนนี้ต้องมีฝีมืออยู่ไม่ใช่น้อยจึงสามารถฆ่าผู้อาวุโสนิกายจากที่นั่นได้”

 

คนในห้องต่างพากันไม่เชื่อ มีเพียงแต่คนโง่ที่สุดเท่านั้นที่จะประกอบอาชญากรรมแบบนั้นระหว่างช่วงเวลาแบบนี้

 

“ผู้ต้องสงสัยปรากฏว่าเป็นจอมกระบี่คนหนึ่งเช่นกัน…”

 

“ว่ากระไร…”

 

ที่แห่งนั้นพลันเปลี่ยนเป็นเงียบงัน ทำให้เกิดบรรยากาศอันอึดอัด

 

“ไม่น่าเป็นไปได้…”

 

ในห้องนั้นผู้อาวุโสจงเป็นคนที่ตกตะลึงมากที่สุดกับข่าวนี้

 

“ถ้าท่านได้พบกับเซียวหยางคนนี้ พาเขากลับมาที่นี่เพื่อไต่สวนด้วย” เจ้าซีกล่าว

 

“ข้าน้อมรับ”

 

แม้ว่าผู้อาวุโสจงไม่ได้ตัดสินใจในทันทีว่าเซียวหยางกระทำผิด แต่เขาก็พบว่าสำนึกกระบี่ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อกี้นี้ประหลาดและแปลกแยกอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นนั่นก็ยังไม่ชัดเจนว่าสำนึกกระบี่นั้นเป็นของเซียวหยางตั้งแต่แรก