DC บทที่ 313: กลเม็ดใหม่

 

หลังจากที่ฆ่าผู้อาวุโสนิกายจากนิกายแท่นบูชาทองแล้ว ซูหยางก็ตรงกลับไปยังที่พักของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยโดยไม่มีใครสังเกตเห็นแม้กระทั่งเงาของเขา

 

ก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องทางหน้าต่าง ซูหยางก็เก็บซ่อนหน้ากากและกระบี่

 

“ศิษย์พี่ชาย” ซุนจิงจิงถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นเขากลับภายในไม่กี่นาที

 

“มีอะไรรึ หรือมีอะไรเกิดขึ้นขณะที่ข้าอยู่ข้างนอก” เขาถามหลังจากที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของพวกเธอ

 

“ผู้นำนิกายเคาะประตูตามหาท่านหลังจากที่ท่านจากไป ข้าเกือบหัวใจวายเพราะเรื่องนั้น”

 

“ผู้นำนิกายรึ เธอต้องการอะไรจากข้ากัน”

 

“ข้ามิรู้ แต่เธอพูดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรมากมายนักให้ลืมๆไปเสีย หลังจากที่เราโกหกเรื่องฝึกวิชาอยู่ในตอนนั้น อย่างไรก็ตามท่านได้กลับคืนมาเร็วกว่าที่ข้าคาดนัก”

 

ซูหยางพยักหน้า

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้ผ่อนคลาย เขาก็สังเกตเห็นจอมยุทธในเขตอัมพรวิญญาณตรงมาทางพวกเขาจากหลายกิโลเมตรห่างออกไป

 

“ตาแก่นั่น… เขาต้องการอะไรจากข้าในตอนนี้” เขาครุ่นคิด

 

หลังจากที่ครุ่นคิดชั่วขณะ ซูหยางก็มองไปยังซุนจิงจิงและฟางซีหลานและพูดขึ้นว่า “เราได้ฝึกวิชาร่วมกันมาเกือบทุกวันเป็นเวลาหลายเดือนมาแล้วในตอนนี้ และข้าก็คิดจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นกลเม็ดใหม่อย่างสองอย่าง พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร ถ้าพวกเจ้าสามารถทนได้นานถึงหนึ่งนาที ข้าจักทำทุกอย่างที่เจ้าขอให้ข้าทำ”

 

“จ-จริงรึ”

 

สองสาวสวยมองดูเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ในเมื่อพวกเธอไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อย่างกระทันหัน

 

ซูหยางพยักหน้าและพูดต่อว่า “ร่างกายของพวกเจ้าอาจจะไม่สามารถรองรับมันได้ก่อนหน้านี้ แต่นั่นควรจะพอไหวแล้วในตอนนี้ พวกเจ้าจักได้รับรู้ถึงประสบการณ์อีกระดับหนึ่ง”

 

“ป..ประสบการณ์อีกระดับหนึ่งเลยรึ…”

 

หญิงสาวทั้งสองกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ในเมื่อพวกเธอไม่สามารถจินตนาการได้ถึงความสุขที่ยิ่งกว่าสิ่งที่พวกเธอได้ประสบอยู่แล้วตอนนี้

 

“ข้าพร้อมสำหรับความท้าทาย”

 

น่าประหลาดใจยิ่ง เป็นฟางซีหลานซึ่งตอบสนองเป็นคนแรก

 

“ข้า เช่นกัน หนึ่งนาทีรึ ฮ่า ท่านประเมินพวกเราต่ำเกินไปนัก ศิษย์พี่ชาย” ซุนจิงจิงพลันยอมรับต่อจากฟางซีหลาน

 

หลังจากที่ฝึกวิชาร่วมกับเขาเป็นเวลานาน ร่างกายของพวกเธอก็คุ้นเคยกับความสุขที่ซูหยางได้นำมาให้กับร่างกายของพวกเธออย่างเต็มที่ ยอมให้พวกเธอร่วมฝึกกับเขาโดยไม่ต้องหยุดพักได้นานถึงครึ่งชั่วโมง กล่าวไปแล้วแม้ว่าพวกเธอจะคุ้นเคยกับกลเม็ดของเขา ก็ใช่ว่าพวกเธอจะเบื่อมันหรือว่ากลเม็ดของซูหยางหมดประสิทธิภาพ

 

ตามจริง เพราะว่าพวกเธอได้สร้างความสามารถในการฟื้นคืนสภาพ ทำให้พวกเธอตอนนี้สามารถสนุกไปกับกลเม็ดของเขานานขึ้นโดยไม่ต้องหยุดพัก ยอมให้พวกเธอดื่มด่ำอยู่ในการฝึกวิชา

 

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปรึ”

 

ซูหยางเผยให้เห็นรอยยิ้มลึกลับแล้วกล่าวต่อว่า “สามสิบวินาที ข้าจักเป็นทาสของพวกเจ้าตลอดทั้งวันถ้าเจ้าสามารถทนได้นานเพียงนี้โดยไม่ปลดปล่อยปราณหยิน”

 

หญิงสาวทั้งสองยิ่งตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำพูดของเขา และพวกเธอได้จินตนาการไปเรียบร้อยแล้วว่าจะเป็นอย่างไรถ้ามีซูหยางคอยรับฟังคำสั่งของพวกเธอตลอดทั้งวัน

 

“ท่านพูดไปแล้วนะ มิมีการคืนคำ” ซุนจิงจิงกล่าวเสียงดัง

 

“ข้าเป็นคนรักษาคำพูด”

 

โดยไม่มีการเสียเวลาหรือลังเลใด ทั้งฟางซีหลานและซุนจิงจิงถอดเสื้อผ้าของพวกเธอออกทันที

 

“ใครต้องการเป็นคนแรก” ซูหยางดึงกางเกงของเขาลงและถามขณะที่มังกรของเขาได้ผงาดขึ้นแล้วและเงยเศียรขึ้นไปยังสวรรค์

 

“ข้า–”

 

“ข้าจักเป็นคนแรก”

 

ฟางซีหลานสามารถพูดได้จบก่อนซุนจิงจิงที่เป็นคนแรกที่อ้าปากพูด

 

ซูหยางพยักหน้าและเดินไปตรงหน้าฟางซีหลาน ซึ่งได้ไปอยู่ที่เตียงเรียบร้อยแล้วพร้อมกับแยกขากว้างอีกกลีบดอกไม้ที่เปียกแฉะ และเขาก็ได้ดันมังกรคลั่งเข้าไปในทางเข้าของเธอ

 

“มิมีการเล้าโลมแม้แต่น้อย เขาต้องค่อนข้างมั่นใจ” ซุนจิงจิงคิดในใจขณะที่มองดูซูหยางบุกทะลวงฟางซีหลาน

 

“อาาา”

 

ฟางซีหลานอ้าปากค้างด้วยความตระหนกในเวลาไม่ถึงวินาทีหลังจากที่ถูกบุกทะลวงจากซูหยาง สร้างความตื่นตะลึงให้กับซุนจิงจิง

 

“ค-ความรู้สึกนี้คืออะไรกัน อาาาาา ข้า… ข้ามิอาจ”

 

ยังไม่ถึงยี่สิบวินาทีหลังจากที่พวกเขาเริ่ม ฟางซีหลานก็ได้ปล่อยปราณหยินของเธอไปทั่วซูหยาง

 

“อะไรกัน” ซุนจิงจิงจ้องไปยังปราณหยินที่พวยพุ่งออกมาจากส่วนล่างของฟางซีหลานด้วยสีหน้าตกตะลึง

 

เหตุใดที่ฟางซีหลานซึ่งมีประสบการณ์มากที่สุดและฟื้นฟูได้รวดเร็วที่สุดในบรรดาศิษย์ทั้งหมดจึงปลดปล่อยปราณหยินของเธอออกมาได้หลังจากที่ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีจากการร่วมฝึกวิชา อะไรที่เปลี่ยนไป ซุนจิงจิงไม่สามารถบอกได้

 

ตามจริง จากจุดยืนของเธอ ซูหยางไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่ทิ่มแก่นกายเข้าไปในร่างของเธอตามปกติ

 

“สิบแปดวินาที… เหอ”

 

ซูหยางยิ้มและมองดูซุนจิงจิงด้วยดวงตาคล้ายกับหมาป่า

 

“…”

 

ซุนจิงจิงมองไปที่ใบหน้าเปี่ยมสุขของฟางซีหลานและรอยยิ้มล่าเหยื่อของซูหยางแล้วได้แต่ยิ้มขื่นขม ถ้าฟางซีหลานไม่อาจต้านได้แม้กระทั่งยี่สิบวินาที มั่นใจได้ว่าเธอต้องสูญเสียการควบคุมตัวเองภายในสิบวินาทีแน่นอน

 

“อะไรกัน ข้ามิเห็นความมั่นใจในดวงตาเจ้าอีกต่อไป เจ้ายังสามารถที่จะคืนคำได้ในตอนนี้”

 

ซุนจิงจิงเพียงแค่ถอนใจและกล่าวว่า “แม้ว่าข้าได้เลิกล้มความคิดเอาชนะการท้าทายนี้ไปแล้ว ข้าจักไม่ถอยกับการท้าทายนี้”

 

“พูดได้ดี”

 

ซูหยางดึงเอาแท่งหนาออกมาจากฟางซีหลานและตรงเข้าไปหาซุนจิงจิงซึ่งพยายามกล้ำกลืนความประหม่าไปให้พ้น

 

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ซูหยางก็บุกโจมตีซุนจิงจิง และเสียงครวญครางแหลมก็กังวานไปทั่วโถงอีกครั้ง และที่แตกต่างจากการแกล้งครางของเธอ ครั้งนี้แหลมเล็กราวกับเสียงร้องของนกฟีนิกซ์เต็มไปด้วยอารมณ์และความพึงพอใจ

 

“อาาาาาาาาาาา ศิษย์พี่ชาย”

 

ในเวลานั้นเมื่อผู้อาวุโสจง ซึ่งเพิ่งพูดกับโหลวหลานจีจบก็พลันได้ยินเสียงครวญครางนี้ สีหน้าของเขาก็มืดหม่นลง ราวกับว่าเขาเพิ่งเห็นใครสักคนกำลังอาเจียนเศษอาหารออกมา

 

“จ-เจ้าเลวนี่ฝึกวิชาร่วมกับศิษย์สาวของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจริงๆ เขามิมีความอายเลยรึไง” ผู้อาวุโสจงสาปแช่งซูหยางในใจ ในเมื่อเขายังเชื่อว่าซูหยางเป็นใครสักคนที่แก่หรือไม่ก็แก่กว่าตัวเองเนื่องมาจากสำนึกกระบี่ที่น่ามหัศจรรย์นั้น ซึ่งควรมีอายุประมาณสามร้อยปี

 

และสำหรับคนที่มีอายุเท่ากับเขากลับมาเล่นกับศิษย์เหล่านี้ซึ่งควรถือว่าเป็นหลานสาวได้อย่างง่ายดายนั้นทำให้ผู้อาวุโสจงรู้สึกไม่พึงใจกับอีกฝ่าย