ตอนที่ 138 เบาหน่อย อยากให้เสียเรื่องหรือไง! / ตอนที่ 139 ทำให้เขาชื่อเสียงป่นปี้

พ่ายรักวิวาห์ลวง

ตอนที่ 138 เบาหน่อย อยากให้เสียเรื่องหรือไง!

 

 

เรื่องคาดการณ์ไว้ล่วงหน้ายังคงถูกต้องดังคาด แค่เดาก็รู้ว่าเธอจะต้องยุ่งกับงานแน่นอน ยังดีที่ให้เฉิงหมิงช่วยไปจัดการให้ล่วงหน้าก่อนแล้ว

 

 

จิ่งหลานได้ยินเฉิงหมิงมาถึงบริษัท และบอกว่าเวินหลานฉีตามฮั่วฉินเยี่ยนไปพักผ่อน จึงอดยิ้มอย่างขมขื่นออกมาไม่ได้ ดูท่า…ตอนนี้เธอกับเขาคงมีความสุขกันดีสินะ

 

 

เอาเถอะ เห็นเธอมีความสุขดี เขาก็สบายใจละ ในงานแต่งงานวันนั้นก็เห็นความสุขของพวกเขากับตาแล้วไม่ใช่หรือไง…

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนพาเวินหลานฉีไปใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายที่ริมทะเล ตกเย็นถึงกลับโรงแรม เวินหลานฉีเหนื่อยจนตรงปรี่ไปนอนบนเตียงทันที

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนยิ้มร้าย แล้วฉวยโอกาสคร่อมทับเรือนร่างของเวินหลานฉี “ฉีฉี เพิ่งกลับมาก็อยากแล้วอ่ะ”

 

 

และเวลานี้เอง เวินหลานฉีเพิ่งจะตระหนักได้ว่าท่าทางของตนตอนนี้มันค่อนข้างจะ…สะดวกให้เขาขึ้นคร่อมอยู่บ้าง จึงใช้มือตีฮั่วฉินเยี่ยนอย่างโมโห

 

 

เธอพบว่าทำไมผู้ชายคนนี้ยิ่งทำยิ่งได้คืบจะเอาศอก ช่วงแรกๆ ยังดีหน่อย ที่ยอมเออออไปตามเธอทุกอย่าง แต่ทำไมภายหลังกลับเรียกร้องอย่างกับไม่รู้จักพอ

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนเร่งความเร็วมากกว่าเดิม เขากระแทกกายลงมาซ้ำๆ ตรงจุดสุดยอดของเธอ จนเวินหลานฉีทนไม่ไหว ครวญครางหนักกว่าเดิม

 

 

และในที่สุดฮั่วฉินเยี่ยนก็ปลดปล่อยมวลความอุ่นร้อนทั้งหมด เข้าไปในตัวของเวินหลานฉีถึงได้เสร็จกิจ แล้วกอดเธอหลับไปอย่างพึงพอใจ

 

 

ตะวันโด่งฟ้าในวันต่อมาเวินหลานฉีถึงได้ลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย เธอเห็นฮั่วฉินเยี่ยนเข็นอาหารเช้าเดินเข้ามาพอดี ทางด้านฮั่วฉินเยี่ยนเมื่อเขาเห็นว่าเธอตื่นแล้ว ก็เรียกให้เธอรีบไปล้างหน้าเพื่อมากินข้าว

 

 

นอกจากต้องถูกฮั่วฉินเยี่ยนรังแกเกือบทุกคืนจน…ลุกไม่ขึ้นแล้ว เวินหลานฉีรู้แค่เพียงชีวิตแบบนี้ช่างเป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่สบายใจอย่างยิ่ง

 

 

พวงแก้มของเวินหลานฉีแดงปลั่งขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

หากแต่กลับถูกฮั่วฉินเยี่ยนเห็นเข้าเสียได้ เขาจึงพูดล้อเธอ “ฉีฉี? เมื่อคืนยังไม่พออีกเหรอ เพิ่งตื่นนอนก็อยากทำงั้นเหรอ”

 

 

เมื่อเห็นว่าฮั่วฉินเยี่ยนก้าวเข้ามาด้วยแรงปรารถนา เวินหลานฉีก็รีบยกมือขึ้นโบกไปมา เพื่อขอให้ยกโทษให้ แล้ววิ่งไปล้างหน้าอย่างว่าง่าย

 

 

ทั้งสองคนหยอกล้อกันอยู่ที่ทะเลอย่างมีความสุข แต่กลับไม่รู้เลยว่าแถบชานเมืองของเมืองหลวงนั้น แผนการร้ายกำลังถือกำเนิดขึ้นอย่างเงียบๆ

 

 

ในบาร์เหล้า เหยียนน่าผู้แต่งหน้าจัดจ้านกำลังวางแผนอย่างลับๆ กับฮั่วจวินด้วยกันอีกครั้ง และปรึกษากันว่าจะรับมือกับฮั่วฉินเยี่ยนและเวินหลานฉีอย่างไรดี

 

 

เมื่อเห็นข่าวของพวกเขาเมื่อเร็วๆ นี้ เหยียนน่าก็แทบจะกัดฟันอย่างคับแค้นใจ ส่วนฮั่วจวินกลับเอาแต่บอกให้เธอรออีกหน่อย ซึ่งไม่รู้เช่นกันว่าเขากำลังรออะไรอยู่ แต่แค่ลำพังเหยียนน่าคนเดียวนั้นย่อมไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว เธอจึงทำได้เพียงทำตามคำพูดของฮั่วจวินเท่านั้น

 

 

“เป็นไงบ้าง หาทางได้หรือยัง” เมื่อเห็นว่าในที่สุดฮั่วจวินก็มาหาเธอเสียที เหยียนน่าจึงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

 

 

“ยังต้องรออีกสักสองวัน…” ฮั่วจวินเอ่ยพูดพลางกำหมัดแน่น

 

 

“ทำไม! ก็ฆ่าเวินหลานฉีไปเลยไม่ดีหรือไง!” เหยียนน่าตะโกนขึ้นมาด้วยอารมณ์เหมือนอกจะแตก

 

 

ฮั่วจวินรีบเอามือปิดปากเธอไว้ “คุณเบาหน่อยสิ! อยากให้เสียเรื่องหรือไง ถึงแม้ที่นี่จะเป็นชานเมือง แต่สายของฮั่วฉินเยี่ยนมีอยู่ทุกที่ทั้งในและนอกเมืองหลวงนะ คุณอยากให้เขาเจอตัวหรือไง ผมยังไม่อยากหรอกนะ!”

 

 

เหยียนน่าจึงทำได้เพียงนั่งลงอย่างว่าง่าย

 

 

“ผมไปสืบข่าวมาบ้างแล้ว ช่วงนี้ฮั่วฉินเยี่ยนไม่อยู่บริษัท เวินหลานฉีเองก็ไม่อยู่เช่นกัน ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ผมถามหลายคนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ข่าวอยู่ดี” ฮั่วจวินพูดอย่างเดือดดาล

 

 

“อะไรนะ” เหยียนน่าตกใจ

 

 

“ผมเดาว่าอย่างฮั่วฉินเยี่ยน ไอ้หมอนั่นคงไม่ได้บอกสถานที่ที่เดินทางกับคนนอกแน่นอน แล้วก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไร เลยทำได้แค่รอเขากลับมาก่อนแล้วค่อยลงมือ” ฮั่วจวินพูด

 

 

“คุณวางแผนไว้ดีแล้วใช่ไหม” เหยียนน่าเอ่ยถามอย่างกระสับกระส่าย

 

 

“วางใจได้ ครั้งนี้ผมจะต้องทำให้มันชื่อเสียงป่นปี้ให้ได้!” สายตาของฮั่วจวินทอประกายเย็นชา มุมปากของเขาขยับไปมา ทั้งยังกำหมัดแน่น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 139 ทำให้เขาชื่อเสียงป่นปี้

 

 

“วิธีอะไร” เหยียนน่าเอ่ยถามอย่างรีบร้อน เธอเฝ้าปรารถนาจะได้เห็นสีหน้าผิดหวังของเวินหลานฉีมานานแล้ว

 

 

“คุณลองคิดดูสิ หนทางกระจายข่าวเร็วที่สุดตอนนี้คืออะไร” ฮั่วจวินกระหยิ่มยิ้มย่อง

 

 

“คุณอย่าเอาแต่อุบไว้สิ รีบพูดมาสักทีเถอะ” เหยียนน่าเอ่ยพูดอย่างกระสับกระส่าย

 

 

“อินเทอร์เน็ตไง คุณรอดูเถอะ ฮั่วฉินเยี่ยน แล้วฉันจะทำให้แกได้เห็นดี” ในใจฮั่วจวินนั้นวางแผนการร้ายไว้เรียบร้อยแล้ว แค่รอดำเนินการเท่านั้น

 

 

เขากระซิบประโยคหนึ่งชิดใบหูของเหยียนน่า เหยียนน่ามองฮั่วจวินอย่างรังเกียจอยู่บ้าง ทว่าก็ยังพยักหน้าอยู่ดี

 

 

ส่วนทางนี้ เวินหลานฉีกับฮั่วฉินเยี่ยนกำลังนอนอาบแสงแดดอันอบอุ่น เคียงกันอยู่บนหาดทรายของเกาะ โดยไม่รู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นทางฝั่งนี้เลยทั้งสิ้น

 

 

มีสายหนึ่งจากใครบางคน โทรเข้าสายด่วนสำหรับส่งข่าวไปตีพิมพ์ของสำนักพิมพ์เมืองหลวงรายวัน แล้วเสียงเรียบนิ่งของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาในสาย “ฮัลโหล สำนักพิมพ์เมืองหลวงรายวันใช่ไหม ผมมีข่าวเด็ดข่าวหนึ่ง พวกคุณอยากได้ไหม” …

 

 

หลังจากเลยเที่ยงวันฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีก็กลับไปยังโรงแรม ต่างคนต่างวุ่นวายกับเรื่องของตัวเอง

 

 

และในตอนนั้นเองภาพบนอินเทอร์เน็ตกับข่าวก็มืดฟ้ามัวดินไปหมด

 

 

เวินหลานฉีกำลังเลื่อนดูเว็บเพจผ่านๆ ทันใดนั้นก็เห็นหน้าออฟฟิเชียลเวยปั๋วของบริษัทตนเอง ปรากฏคำวิพากษ์วิจารณ์ประหลาดๆ เต็มไปหมด แต่พออ่านอย่างละเอียดแล้ว ดูเหมือนจะแสดงความเห็นใจเธอเสียมากกว่า

 

 

เช่นทำนองว่า ‘ผู้ชายแบบนี้มีสาวงามข้างกายมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติละนะ’ หรือ ‘แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา’ [1] เวินหลานฉีรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก จึงกดเปิดหน้าเว็บเพจที่อธิบายคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดนั้น

 

 

ทันทีที่เปิดเข้าไป คลิปวิดีโอหนึ่งก็เด้งขึ้นมา ในวิดีโอนั้นเป็นฉากชายหนุ่มคนหนึ่งและหญิงสาวคนหนึ่งกำลังทำเรื่องในมุ้งกันอยู่ ภาพเหตุการณ์นั้นช่างหวานซึ้งเหลือเกิน หลังจากดูไปได้ไม่กี่นาที อยู่ๆ เวินหลานฉีก็รู้สึกว่าผิดปกติ

 

 

เธอเบิกตาโพลง สีหน้าค่อยๆ เผือดสี มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น จนปลายนิ้วกลายเป็นสีขาว

 

 

เพราะเธอเคยเจอผู้หญิงในคลิปคนนั้นมาก่อน นั่นคือผู้หญิงที่เคยอยากได้ฮั่วฉินเยี่ยนตัวสั่นจนไม่เลือกวิธีการ…เหยียนน่า

 

 

ส่วนหน้าของผู้ชายคนนั้น…กลับเป็นใบหน้าของคนที่เธอคุ้นเคยไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

 

 

เวินหลานฉีปิดหน้าเว็บเพจและเวยปั๋วด้วยมืออันสั่นเทา แต่พาดหัวข่าวก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

เป็นไปไม่ได้ อาเยี่ยนจะมีเรื่องปิดบังฉันได้อย่างไรกัน ฉันต้องไปหาเขา ถามเขาให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้!

 

 

เวินหลานฉีหยัดกายลุกขึ้น รีบแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน แล้วเดินไปที่ห้องของฮั่วฉินเยี่ยนช้าๆ ทีละก้าว ทว่ากลับได้ยินฮั่วฉินเยี่ยนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่

 

 

“ได้ รอผมพักร้อน แล้วจะกลับไปเยี่ยมคุณ…ที่รักต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังผมนะ…”

 

 

เวินหลานฉีซวนเซก้าวถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง เธอรู้สึกไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้สักนาทีเดียว กลิ่นอายจอมปลอมบนตัวของฮั่วฉินเยี่ยน ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน

 

 

เวินหลานฉีถอยออกจากห้องอย่างเงียบๆ ปิดประตู แล้ววิ่งออกไปจากโรงแรมทันที

 

 

ภาพเหตุการณ์ที่ฮั่วฉินเยี่ยนทำดีกับเธอในอดีต ผุดขึ้นมาในหัวเธอเป็นฉากๆ ความชื่นมื่นในอดีตนั้น อยู่ๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นความทรงจำอันสกปรกโสมม เมื่อเธอคิดถึงเงาร่างเขากับเหยียนน่านัวเนียกันอยู่บนเตียง ก็นึกอยากจะอ้วกออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

เขาบอกว่าเขาไม่เคยแตะต้องเธอเลยไม่ใช่เหรอ เหอะ จอมปลอมเสียจริง

 

 

เวินหลานฉีเดินไปตามแนวหาดทรายช้าๆ ทีละก้าว…เธอไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี ตกลงต้องทำอย่างไร ความรู้สึกนี้เพิ่งจะทำให้เธอสบายใจ แต่เขากลับผลักเธอตกลงไปในหุบเหวอีกครั้ง

 

 

ภายในโรงแรม หลังจากฮั่วฉินเยี่ยนคุยโทรศัพท์เสร็จ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่คล้ายจะได้ยินเสียงใครบางคนเปิดประตูเข้ามา จึงออกจากห้องมาดู ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเวินหลานฉี

 

 

หลังจากเขาตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง หากแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เลยคิดว่าเธออาจจะอยู่คนเดียวแล้วเกิดเบื่อ เลยออกไปเดินเล่นละมั้ง เขาไม่ได้คิดมากจึงกลับเข้าห้องไปสะสางเอกสารต่อ

 

 

ผ่านไปสักพัก สายจากเฉิงหมิงก็โทรเข้ามาอีกครั้ง

 

 

“ประธาน…ประธานฮั่ว คุณเห็นข่าวแล้วหรือยัง…” เสียงของเฉิงหมิงฟังดูขลาดกลัวและสงสัยอยู่บ้าง

 

 

“ข่าว? ฉันว่างดูข่าวเสียที่ไหนล่ะ ฉันยังอนุมัติเอกสารพวกนี้ไม่เสร็จเลย” ฮั่วฉินเยี่ยนตอบกลับ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่สะทกสะท้าน

 

 

“คุณดูสักหน่อยเถอะ…แล้วก็หุ้นของบริษัทตกฮวบ พวกหุ้นส่วนต่างไม่พอใจมาก และหวังว่าคุณจะรีบจัดการเรื่องในข่าวนี้โดยเร็ว” เฉิงหมิงทำเสียงให้มั่นคง แล้วพูดกับฮั่วฉินเยี่ยน

 

 

“โอเค ฉันรู้แล้ว” หลังจากฮั่วฉินเยี่ยนพูดจบ ก็กดวางสายไปทันที

 

 

ข่าวอีกแล้ว…พวกนักข่าวในเมืองหลวงนี่พักผ่อนกันไม่ได้เลยจริงๆ ไม่รู้จะปล่อยข่าวลืออะไรเกี่ยวกับเขาและเวินหลานฉีอีก แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหุ้นล่ะ

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนกดเปิดข่าว แล้วก็มีตัวหนังสือพาดหัวข่าวเขียนไว้ว่า ‘ภาพอื้อฉาวของฮั่วฉินเยี่ยนประธานตงหยวนถูกเปิดเผย เป็นเหตุให้หุ้นของตงหยวนลดฮวบ’ โผล่พรวดขึ้นมา

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนกดเปิดลิงก์คลิปในหน้าเว็บเพจ ตอนแรกสีหน้ายังเมินเฉยอยู่บ้าง จนกระทั่งหลังจากกดเปิดคลิปวิดีโอ จากสีหน้าตื่นตะลึงก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นโมโห นัยน์ตาราวกับจะพ่นไฟออกมาอย่างนั้น

 

 

ใครมันกล้าขนาดนี้! กล้าปลอมตัวเป็นเขาฮั่วฉินเยี่ยนแล้วทำเรื่องพรรค์นี้! แถมยังปล่อยลงบนอินเทอร์เน็ตอีก? วันนี้เขาจะต้องตามหาตัวคนนี้ออกมาให้ได้!

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนกดปิดหน้าเว็บเพจ แล้วต่อสายหาเฉิงหมิง

 

 

“แฮ็กหน้าเว็บนั่น แล้วลบข่าวออกซะ” เสียงของฮั่วฉินเยี่ยนคล้ายกับน้ำแข็งเย็นสุดขั้ว ขณะที่กำลังจะวางสาย อยู่ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามอีกครั้ง “ข่าวนั้นจะมีคนเห็นสักประมาณกี่คน”

 

 

เฉิงหมิงโดนฮั่วฉินเยี่ยนถามจนจับต้นชนปลายไม่ถูก หากแต่ก็ยังถ่ายทอดไปอย่างซื่อตรง “คร่าวๆ ก็คนในเมืองหลวงสามารถดูได้ทั้งหมด”

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนวางสายโทรศัพท์ แล้วสูดอากาศเย็นเฮือกหนึ่ง

 

 

เขากังวลว่าพอเวินหลานฉีเห็นข่าวนี้แล้วจะไม่เชื่อเขา แต่อีกใจก็คิดว่าเวินหลานฉีนั้นเป็นผู้หญิงที่รู้เหตุรู้ผลขนาดนั้น คงไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะ แค่เพราะข่าวนี้ถูกปล่อยออกมากะทันหันหรอก พอคิดถึงตรงนี้เขาก็คลายความกังวลลง แล้วไปจัดการเรื่องนี้ต่อ

 

 

ทว่าเวินหลานฉีในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าฮั่วฉินเยี่ยนแทบจะไม่นึกจะตามหาเธอเลย ก็มุ่งตรงไปยังชายทะเลด้วยอารมณ์โกรธขึ้ง

 

 

เมื่อเห็นว่าชายทะเลมีเรือหาปลาอยู่ เธอก็โดยสารเรือลำนั้นมายังเกาะเล็กๆ ท่ามกลางหมู่เกาะข้างๆ มัลดีฟส์ เธอแค่อยากให้เขานึกอยากจะตามหาเท่าไร ก็หาเธอไม่พบ!

 

 

ด้วยอารมณ์โมโหทำให้เธอไม่ทันได้ฟังคำกำชับของคนหาปลาให้ดี “ก่อนสี่ทุ่มต้องออกจากเกาะนี้”

 

 

เวินหลานฉีเดินไปตามแนวเกาะเพียงลำพัง เมื่อเห็นฝั่งนั้นของเกาะติดกับแนวหินโสโครกก้อนสูงใหญ่หลายก้อน จึงเดินไปนั่งลงบนหินโสโครกก้อนหนึ่ง แล้วย้อนคิดถึงเรื่องราวหลายวันมานี้อย่างเงียบๆ

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนยังคงจัดการคำวิพากษ์วิจารณ์ข่าวของมวลชน โทรศัพท์หาหุ้นส่วนหลายคนสายแล้วสายเล่า เพื่อให้อารมณ์ของพวกเขาเย็นลง ขณะเดียวกันก็ใช้ประกาศสื่อข้อมูลออนไลน์ และช่องทางอื่นๆ เพื่อหาตัวผู้เผยแพร่คำวิพากษ์วิจารณ์ จนสุดท้ายได้พบว่าคือสำนักพิมพ์เมืองหลวงรายวันนั่นเอง

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนกัดฟันอย่างคับแค้นใจ ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงทำลายสำนักพิมพ์ไปตั้งแต่ครั้งที่แล้วแล้ว ใครจะรู้ว่าพอปล่อยพวกเขาไปครั้งหนึ่ง ครั้งนี้กลับกลับมาทำลายเขาหนักกว่าเดิมอีก

 

 

แต่แม้เขาจะคิดเช่นนี้ อย่างไรเสียสำนักพิมพ์เมืองหลวงรายวันก็เป็นองค์กรของรัฐบาล ฮั่วฉินเยี่ยนยังไม่อยากโง่เขลาถึงขั้นตีเสมอกับรัฐบาลอย่างโจ่งแจ้งหรอก นั่นมันไม่เป็นประโยชน์กับการพัฒนาของตงหยวนนัก อีกอย่างพวกหุ้นส่วนก็คงจะไม่ยินยอมกับการกระทำเช่นนี้ของเขา

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนสอบถามสภาพอินเทอร์เน็ตช่วงนี้ของสำนักพิมพ์เมืองหลวงรายวันอีกครั้ง อยากจะจับคนทำคลิปวิดีโอเบื้องหลังให้แน่น

 

 

จนกระทั่งฟ้ามืดลงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เข็มนาฬิกาชี้ผ่านสองทุ่มเงียบๆ ฮั่วฉินเยี่ยนยังคงง่วนอยู่กับการประชุมหุ้นส่วน อาการท้องร้องทำให้เขาค่อยๆ สนใจเวลา

 

 

สามทุ่มแล้ว

 

 

“ฉีฉี…ฉีฉี? คุณหิวหรือยัง” ฮั่วฉินเยี่ยนตะโกนไปในห้องหลายครั้ง ทว่ากลับไม่มีใครตอบกลับมา

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนอดสงสัยไม่ได้ เวินหลานฉีน่าจะอยู่ในห้องสิ มัวแต่ยุ่งตลอดทั้งบ่ายทำให้เขาลืมเรื่องเวินหลานฉีไปนานแล้ว ว่าเธอคล้ายจะออกไปข้างนอก

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนไม่ได้ยินคำตอบรับจากเวินหลานฉี จึงเดินออกไปจากห้องด้วยรู้สึกกังวลอยู่บ้าง สอบถามพนักงานต้อนรับหน้าประตูว่าเวินหลานฉีไปทางไหน

 

 

“ภรรยาของผมไปไหนเหรอ” ฮั่วฉินเยี่ยนคว้าคอเสื้อของพนักงานต้อนรับ แล้วถามอย่างกระสับกระส่าย

 

 

พนักงานต้อนรับหายใจไม่ออกอยู่บ้าง ทว่ายังคงตอบกลับไปด้วยสีหน้าตกใจ “คุณเวินออกไปตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย แล้วยังไม่ได้กลับมาเลยครับ ผมยังนึกว่าคุณกับเธออยู่ด้วยกันเสียอีก”

 

 

สีหน้าของฮั่วฉินเยี่ยนขรึมขึ้น มือที่คว้าคอเสื้อของพนักงานต้อนรับคลายออกในทันที ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจค่อยๆ ตีตื้นขึ้นมา และครอบครองสติของเขาทั้งหมดอย่างช้าๆ

 

 

เธอ…ไปแล้ว?

 

 

คงไม่ใช่เพราะเธอเห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตนั้นใช่ไหม

 

 

ใช่ เธอต้องเห็นแล้วแน่ๆ !

 

 

แต่เธอ…ทำไมเธอไม่มาถามตนสักหน่อยล่ะ

 

 

ทันใดนั้นฮั่วฉินเยี่ยนก็นึกขึ้นได้ เมื่อตอนบ่ายเหมือนเขาจะได้ยินเสียงเวินหลานฉีเดินเข้ามาในห้องเขา แต่เพราะตอนนั้นตัวเองกำลังคุยโทรศัพท์กับหลานสาวตัวน้อยอยู่ เลยไม่ค่อยได้สนใจฟังเท่าไรนัก พอกลับมานึกได้ตอนนี้ ตอนนั้นเวินหลานฉีเข้ามาหาแต่หันหลังจากไปอีกครั้งแน่ๆ

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนรีบต่อสายโทรเข้าเบอร์มือถือของเวินหลานฉีอย่างรีบร้อน แต่ทว่ากลับบอกว่าปิดเครื่อง เขาคิดว่าเวินหลานฉีคงจะไม่ยอมเชื่อเขา แล้วตัดความสัมพันธ์กับเขาเป็นแน่

 

 

หากแต่ที่เขาไม่รู้คือมือถือของเวินหลานฉีนั้นแบตฯ หมด เครื่องเลยดับไปต่างหาก ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงติดต่อเธอไม่ได้อยู่ดี

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนกลัวว่าเวินหลานฉีจะจากเขาไปเหมือนหลายปีก่อนอีก หลายปีก่อนเธอทิ้งไว้เพียงสร้อยคอแตกชำรุด กับเอกสารฉบับหนึ่งแล้วพรวดพราดจากไป เขาพลิกเมืองหลวงหาแล้วก็หาไม่เจอ

 

 

แล้วตอนนี้อยู่ๆ เธอก็หายไปจากโลกของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ทิ้งอะไรไว้เลย

 

 

ต่อให้เวินหลานฉีเข้มแข็งแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงเป็นหญิงสาวบอบบางอยู่ดีละนะ จะแบกรับคำวิพากษ์วิจารณ์มืดฟ้ามัวดินขนาดนั้นได้อย่างไร

 

 

แน่นอนว่าเขาไม่มีเหตุผลพอ จะขอให้เธอเชื่อเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข…

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ความรู้สึกของฮั่วฉินเยี่ยนทั้งหนักอึ้งและเศร้าโศกขึ้นมา แต่เวลาไม่ยอมให้เขาทำแบบนี้ ความเป็นจริงราวกับเครื่องจองจำอันหนักอึ้งกดทับร่างกายของฮั่วฉินเยี่ยน ทำให้เขาไร้หนทางหายใจ

 

 

เขาต้องตามหาเธอให้พบโดยเร็ว เพราะเขากลัวว่าหากล่าช้าไปเพียงสักนาที เขาจะต้องสูญเสียเธอตลอดไป

 

 

ใช่ ที่นี่เป็นเกาะ ถ้าเธอจะไปก็ต้องนั่งเครื่องบินเท่านั้น!

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนคิดได้เช่นนี้ จึงรีบโทรศัพท์ไปสอบถามข่าวเที่ยวบินทันที ขณะเดียวกันก็ให้คนไปตามหาเธอที่สนามบิน

 

 

แต่เขาแทบนึกไม่ถึงเลยว่า เวินหลานฉีไม่ได้ออกไปจากที่นี่

 

 

หลังจากนอนพลิกตัวไปมา ฮั่วฉินเยี่ยนกลับได้ยินแต่ข่าวที่สิ้นหวัง เที่ยวบินทั้งหมดล้วนไม่มีข่าวคราวของเวินหลานฉีเลย

 

 

เธอ…ยังไม่ได้ไปไหน?

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนลุกลี้ลุกลนอยู่บ้าง เขาบังคับให้ตัวเองใจเย็นลงหน่อย แล้วคิดว่าเวินหลานฉีอาจจะไปที่ไหนบ้าง

 

 

เข็มนาฬิกาเดินถึงเวลา…สี่ทุ่มอย่างเงียบๆ

 

 

เวินหลานฉีรู้เพียงแค่ว่าอากาศคืนนี้ทำให้เธอรู้สึกเย็นอยู่บ้าง เธออยากกลับจากหินโสโครกนี้ ทว่ากลับค้นพบเรื่องตื่นตระหนก คือเธอกลับไม่ได้แล้ว

 

 

ระดับน้ำทะเลระหว่างหินโสโครกและเกาะเพิ่มสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว จนท่วมเส้นทางที่เธอมาไม่เหลือร่องรอย

 

 

 

 

——

 

 

[1] แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา (天涯何处无芳草) หมายถึง แผ่นดินนี้กว้างใหญ่ ยังสามารถแสวงหาสิ่งที่ต้องการได้ เปรียบว่าแม้คราวนี้จะผิดหวัง หรือได้กระทำบางสิ่งพลาดไป ก็ยังไม่สิ้นไร้หนทาง ยังมีหนทาง มีโอกาสอีกมากมายที่จะทำในสิ่งใหม่ๆ จนประสบความสำเร็จ