ตอนที่ 176 เริ่มง้อ / ตอนที่ 177 สัญญาไม่เท่าเทียม

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 176 เริ่มง้อ 

 

 

           คิดถึงตรงนี้ เจียงมู่เฉินก็เปิดผ้าห่มออก กระโดดลงจากเตียงเดินเท้าเปล่าไปถึงหน้าระเบียง แล้วเปิดประตูมา ยืนอยู่ข้างหลังของซือเหยี่ยน 

 

 

           “เพราะฉันไม่ได้ให้ของขวัญนาย นายเลยไม่สบายใจใช่ไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ตอบเขา 

 

 

           เดิมทีเจียงมู่เฉินคิดจะจุดไฟในใจ สุดท้ายไฟยังไม่ทันได้ลุกโชน ก็ถูกซือเหยี่ยนดับมอดไปหมดแล้ว 

 

 

           “นี่ นายโกรธแล้วจริงๆ เหรอ” เจียงมู่เฉินเริ่มจะใจคอไม่ดีแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนยังหันหลังให้เขาเหมือนเดิม ดูแล้วน่าสงสารทีเดียว 

 

 

           เจียงมู่เฉินจ้องมองแผ่นหลังของเขา เพียงชั่วครู่ก็รู้สึกใจอ่อนแล้ว เขาเดินเข้าไปดึงเสื้อของซือเหยี่ยนไว้ “นายพูดอะไรบ้างสิ อย่าอมทุกข์อยู่ที่นี่เลย” 

 

 

           ซือเหยี่ยนดึงมือของเขาให้ออกห่าง แล้วยังไม่พูดอะไรสักคำ 

 

 

           เจียงมู่เฉินโมโหแล้ว กระชากอีกคนอัดเข้าผนัง แล้วล็อคตัวเอาไว้ เขาจ้องมองใบหน้าแสนเย็นชาของซือเหยี่ยน เสียงต่ำเอ่ยตวาดใส่ “นายแม่งหาเรื่อง ก็แค่ไม่ได้ให้ของขวัญนายไม่ใช่หรือไง ถึงขนาดต้องทำเย็นชาใส่ฉัน ทำสงครามเย็นกันเลยเหรอ” 

 

 

           ในที่สุดซือเหยี่ยนก็เบนสายตามามองใบหน้าของเจียงมู่เฉิน ดวงตาสีดำขลับแฝงความเจ็บปวดจางๆ 

 

 

           เขามองเจียงมู่เฉิน ยิ้มอย่างจนใจ เปลือกตาปิดลงมา “คุณไม่ใช่ผม ต้องไม่เข้าใจอยู่แล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินร้อนใจแล้ว “ไม่ใช่ ถ้านายไม่สบายใจจริงๆ นายก็พูดกับฉันสิ นายมายืนคนเดียวอยู่ตรงนี้หมายความว่าไง” 

 

 

           “ผมไม่อยากให้เรื่องนี้กระทบคุณ” 

 

 

           เขาทำให้เจียงมู่เฉินไปต่อไม่เป็นแล้ว ใช้ไม้แข็งกับซือเหยี่ยนไม่ได้ผลเลยสักนิด เขาคิดแล้วคิดอีก ตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์การง้อที่เหมาะสมกว่านี้ใหม่ 

 

 

           เขาดึงชายเสื้อของซือเหยี่ยนด้วยท่าทางอ่อนแอ ดูเหมือนว่าจะน่าสงสารกว่าซือเหยี่ยนอีก “ถ้านายไม่สบายใจ เพราะฉันไม่ได้ให้ของขวัญนาย ฉันชดเชยให้นายดีไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนถอนหายใจ “เฉินเฉิน ไม่ใช่เพื่อของขวัญชิ้นหนึ่ง ผมแค่รู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ฉลองวันเกิดด้วยกัน” เขาหยุดสักพัก “คุณรู้ไหมว่าก่อนหน้านี้ผมรอคอยมากแค่ไหน” 

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนเขาพูดมาแบบนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกผิดบ้างแล้ว 

 

 

           “เมื่อก่อนโลกของคุณสนุกสนานหลากสีสัน ไม่เหมือนตอนนี้ที่น่าเบื่อไร้สีสันหลังจากที่คบกับผม ผมอดที่จะคิดไม่ได้ว่าสำหรับคุณแล้ว ผมซือเหยี่ยนสุดท้ายแล้วเป็นอะไร สุดท้ายแล้วสำคัญแค่ไหน……” 

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกผิดจนจะร้องไห้แล้ว เขารู้สึกหงุดหงิดตัวเองทันที ให้ของขวัญซือเหยี่ยนไปตั้งแต่แรกก็จบแล้ว จนกระทั่งตอนนี้ทำให้คนเขาโกรธขึ้นมา จะง้อก็ง้อลำบากแล้วทีนี้ 

 

 

           “งั้นฉันให้ของขวัญชดเชยนายเป็นไง” เจียงมู่เฉินเอ่ยเสนอเสียงอ่อน    

 

 

           ซือเหยี่ยนส่ายหัว “ไม่ต้องหรอก ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องเอาของขวัญ” 

 

 

           “เอาสิ จะไม่เอาได้ไง” เจียงมู่เฉินจ้องมองซือเหยี่ยน “ฉันบอกให้นายเอาของขวัญ นายก็ต้องเอา วันนี้คุณชายกำหนดมาให้นายแล้ว” 

 

 

           เขาหันกลับพุ่งตัวเข้าไปข้างใน หยิบนาฬิกาข้อมือที่เขาซื้อมาให้ซือเหยี่ยน แล้ววิ่งกลับออกไป 

 

 

           “ฉันซื้อไว้ให้นายล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่เขินเวลาจะให้นาย” เดิมทีเขารู้สึกว่าตัวเองกับซือเหยี่ยนเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ จะมาให้ของขวัญกันก็รู้สึกเขินทีเดียว 

 

 

           แต่ใครจะรู้ว่าซือเหยี่ยนจะแคร์เรื่องนี้ขนาดนี้ ถ้ารู้มาก่อนถึงจะอายก็จะให้เขาอยู่ดี 

 

 

           ซือเหยี่ยนจ้องมองกล่องในมือของเขา ไร้การเคลื่อนไหวใดใดไปพักหนึ่ง 

 

 

           เจียงมู่เฉินร้อนใจแล้ว รีบดึงมือซือเหยี่ยนมา แล้วยัดกล่องใส่มือซือเหยี่ยนไว้ 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูกล่องใบนั้น ไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร เหมือนกับไม่ได้ดีใจอะไรมากแบบนั้นเลย เจียงมู่เฉินกระวนกระวายใจ ของขวัญก็ให้แล้ว ทำไมยังไม่โอเคอีก 

 

 

           “ฉันตั้งใจซื้อให้นายเป็นพิเศษเลยนะ นายไม่คิดจะเปิดดูหน่อยเหรอ” เจียงมู่เฉินถามอย่างระมัดระวัง 

 

 

           ซือเหยี่ยนเพิ่งจะลงมือเปิดกล่องออก เห็นเป็นนาฬิกาข้อมือ เผยอปากขึ้นเอ่ย “อืม ชอบ” พูดจบก็ปิดฝาลงทันที 

 

 

           ‘ท่าทีของเขาทำแบบขอไปทีเกินไปไหม ยังว่าชอบอีก ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าชอบตรงไหน’ เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยน เพียงพริบตาเดียวก็อยากจะระเบิดลงแล้ว 

 

 

           เขาลำบากลำบนอ้อมไปอ้อมมากว่าจะให้ของขวัญซือเหยี่ยนได้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะมองแค่ผ่านๆ ตาไปแบบนี้ 

 

 

           ยังดีที่ยังพอมีสตินึกคิด เจียงมู่เฉินถึงเบรกรถไม่ให้ระเบิดทันทีได้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินบีบนิ้วมือแน่น พยายามเตือนตัวเองให้ควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเอง ยังง้อเขากลับมาไม่ได้ เดี๋ยวโกรธหนีไปอีก 

 

 

           เขากัดฟันถาม “ของขวัญก็ให้แล้ว อย่าโกรธเลยนะ” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 177 สัญญาไม่เท่าเทียม 

 

 

           ซือเหยี่ยนจ้องมองเขา ไม่พูดจา 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาไม่ทะลุปรุโปร่งว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เขารู้แค่เพียงซือเหยี่ยนแสดงออกแบบนี้ อารมณ์โกรธยังไม่หายไปแน่นอน 

 

 

           “ไม่อย่างนั้นนายก็พูดมา นอกจากของขวัญแล้ว นายยังอยากได้อะไร” 

 

 

           ในที่สุดซือเหยี่ยนก็มีท่าทีตอบกลับ “คุณพูดเอง” 

 

 

           “อืม ฉันพูดเอง” 

 

 

           “อยากได้อะไรก็รับปากหมดเลยเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกัดฟัน เพื่อจะง้อซือเหยี่ยนให้ได้ เขาเทหมดหน้าตักจริงๆ แล้ว “อืม อะไรฉันก็รับปาก ต่อให้นายอยากป๊าบๆๆ กับฉัน ฉันก็ยอม” 

 

 

           ขณะเขาพูดประโยคนี้ออกมา แววตาซือเหยี่ยนก็ลุกวาวขึ้นมา เขามองเจียงมู่เฉิน “เอาจริงเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองได้กระโดดเข้าหลุมที่ซือเหยี่ยนขุดไว้เรียบร้อยแล้ว ยังพยักหน้ารับอย่างจริงจัง “จริงจังๆๆ จริงจังเป็นพิเศษเลย” เขาชี้มาที่ใบหน้าตัวเอง “นายดูใบหน้าเล็กๆ นี้ อีกนิดก็เขียนคำว่า ‘จริงจัง’ สองคำนี้ลงไปได้แล้ว” 

 

 

           “มีแค่นี้เหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินงุนงง เขาสละตัวเองขนาดนี้แล้ว ยังไม่ได้ 

 

 

           ‘ยังต้องการอย่างอื่นอีก’ 

 

 

           “งั้นนายยังต้องการอะไรอีก” 

 

 

           ซือเหยี่ยนลูบคางไปมา “ผมทำอะไร คุณจะโกรธไม่ได้ ห้ามขัดขืน ยังต้องร่วมมือด้วย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินก็พยักหน้าทันที “ได้ๆๆ ฉันรับปากทุกอย่าง นายเป็นโคตรเหง้าศักราช[1]ฉันจริงๆ” 

 

 

           ‘ไม่ใช่แค่ขายตัวเอง แต่ยังเป็นฝ่ายห่อตัวเองส่งถึงมือซือเหยี่ยนด้วย’ 

 

 

           ‘เป็นโคตรเหง้าศักราชจริงๆ นะ’ 

 

 

           นัยน์ตาซือเหยี่ยนซ่อนรอยยิ้มไว้ เป็นอย่างคิดไม่มีผิด เฉินเฉินของเขาต่อให้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว ก็ยังเหมือนเมื่อก่อนทั้งใจอ่อนทั้งซื่อบื้อทั้งน่ารักอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

           แกล้งทำเป็นน่าสงสาร อะไรก็ยอมรับปาก 

 

 

           ซือเหยี่ยนถูนิ้วมือไปมา คิดทบทวนอย่างจริงจังว่าจะกินจากตรงไหนดี 

 

 

           “ฉันยอมให้แบบนี้แล้ว ยังโกรธอยู่อีกเหรอ” เห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาตั้งนานสองนาน เจียงมู่เฉินร้อนใจแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนหยิบนาฬิกาขึ้นมาวางไว้ในมือ พินิจดูอย่างจริงจัง ก่อนจะส่งต่อให้เจียงมู่เฉินทันทีหลังจากนั้น “ในเมื่อเป็นของขวัญที่คุณให้ผม คุณช่วยสวมให้ผมหน่อยแล้วกัน” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นแบบนี้ ก็รู้สึกว่าควรจะถือว่าตัวเองง้อซือเหยี่ยนได้แล้ว รีบรับใช้เอานาฬิกามาสวมให้เขา 

 

 

           นาฬิกาสวมอยู่บนข้อมือของซือเหยี่ยน ดูเข้ากันเหมือนที่เขาคิดไว้ เจียงมู่เฉินพยักหน้าอย่างพอใจ รู้สึกว่าสายตาของตัวเองยังดีเหมือนเดิม 

 

 

           ดีเหมือนสายตาในการมองผู้ชายของเขาไม่มีผิด 

 

 

           “ของขวัญก็สวมให้แล้ว ยังไม่กลับเข้าไปอีกเหรอ” เจียงมู่เฉินกะพริบตาแกล้งทำซื่อตาใส 

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้า “ดึกมากแล้ว ต้องเข้านอนเร็วหน่อย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินก็ดีใจในพริบตา “ไปเถอะ ไปเถอะ พวกเรากลับไปนอนกันเถอะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “คุณดูรีบร้อนมากเลย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบร้อนมากที่ไหนกัน เขาใกล้จะรีบร้อนจนตายแล้วต่างหาก เพิ่งจะง้อได้ ถ้ายังทำให้โกรธอีก ไม่คุ้มค่าเอามากๆ 

 

 

           เขาดึงมือของซือเหยี่ยนมา “รีบร้อน รีบร้อนเป็นพิเศษ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น “ได้ งั้นกลับไปนอนกันเถอะ” 

 

 

           พอได้ยินซือเหยี่ยนพูดมาขนาดนี้ เจียงมู่เฉินร่าเริงขึ้นทันตา ไม่มีอะไรเทียบได้กับการที่ซือเหยี่ยนไม่โกรธ ยังคุ้มค่าที่เขาจะสุขใจด้วย 

 

 

           เขาดึงมือซือเหยี่ยนฉุดตัวเข้าไปข้างใน “เร็วเข้า นอนได้แล้ว” 

 

 

           ซือเหยี่ยนก็ไม่ขยับเอง ปล่อยให้เขาลากดึงไป มองดูท่าทางรีบร้อนของเขาอย่างขำๆ แทบจะอยากจับเขายัดใส่เตียง 

 

 

           กว่าเจียงมู่เฉินจะลากคนตัวโตเข้ามาถึงเตียงไม่ใช่ง่ายๆ เขาใช้มือกดอีกคนให้นั่งลงบนเตียง “มา ดึกแล้ว รีบนอนกันเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปบริษัทอีก” 

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้าดูเวลาก็ดึกแล้วจริงๆ มีเรื่องสำคัญที่ต้องคว้าโอกาสรีบจัดการจริงๆ 

 

 

           คิดแบบนี้แล้ว ซือเหยี่ยนก็ให้ความร่วมมือกับเจียงมู่เฉิน มานอนอยู่ข้างๆ บนเตียง เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนที่จู่ๆ ก็ทำตัวน่าเอ็นดูด้วยความพอใจ 

 

 

           ดูท่าว่าเขาเองก็มีประสบการณ์ง้อคนมากอยู่มากทีเดียว เจียงมู่เฉินอดจะกดไลค์ให้ตัวเองไม่ได้ 

 

 

           จัดการซือเหยี่ยนเรียบร้อยแล้ว เจียงมู่เฉินก็เดินอ้อมมาอีกฝั่งแล้วขึ้นเตียง เอนกายลงเตรียมจะนอนหลับสบายๆ 

 

 

           คนยังนอนไม่ถึงสองนาที ซือเหยี่ยนก็พลิกตัวมาคร่อมเขาไว้……        

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] นายเป็นโคตรเหง้าศักราช เป็นการเปรียบเปรย รู้สึกจนปัญญากับอีกฝ่าย