บทที่ 270 พลิกแพลงกะทันหัน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“เย่เทียนอย่าโทษที่ผมไม่ได้เตือนสติคุณ แม้ว่าคุณย่าหวังจะให้คุณกลับไป ผมขอเตือนคุณทางที่ดีอย่ากลับไป ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นแค่ความอัปยศใส่ตัว!”

เย่ย่งเล่อยิ้มเตือนอย่างเย็นชา หันตัวเตรียมจะจากไป

“เดี๋ยวก่อน”

เพียงแต่ ไม่รอเย่ย่งเล่อหันตัวกลับไป ในที่สุดเย่เทียนก็ส่งเสียงขัดขวางไว้

“บอกคุณย่าหน่อย ผมยินดีต้อนรับคุณย่ามาที่เจียงหนาน แต่ให้ผมกลับตระกูลเย่ นั่นกำหนดแล้วว่าเป็นไปไม่ได้!”

ในขณที่พูดนั้น เย่เทียนไม่มีความลังเลเลยแม่แต่น้อย เสมือนกับเผือกร้อน(ปัญหาเกิดขึ้นแล้วรีบโยนให้ผู้อื่น) เอาไปโยนให้ เย่ย่งเล่อ!

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอดีตหรือปัจจุบัน เย่เทียนไม่เคยลืมเรื่องเหตุการณ์ตั้งแต่แรกที่ถูกคนของตระกูลเย่ไล่ออกจากประตู

จนกระทั่ง ถ้าไม่ใช่คุณย่าออกหน้าช่วยเหลือ เกรงว่าเขาคงไม่ใช่แค่ถูกไล่ออกอย่างเดียว อีกทั้งยังถูกกลุ่มญาติทั้งหมดตัดหางปล่อยวัด!

ญาติแบบนี้ ตระกูลเย่แบบนี้ เป็นไปได้ไงว่าเย่เทียนจะกลับไปล่ะ?

“นาย!”

ทันใดนั้น เย่ย่งเล่อโกรธจัด ตาจ้องมองเย่เทียนด้วยความแค้น สีหน้าบูดบึ้ง “เย่เทียน นายกล้าทิ้งป้ายตระกูลเย่ของพวกเราหรอ นายรู้รึเปล่านี่นายกำลังดูหมิ่นตระกูลเย่ของพวกเรา?!”

“ผมดูหมิ่นตระกูลเย่แล้วจะยังไง?”

เย่เทียนเดินก้าวมาข้างหน้าไม่ลังเลสักนิด

เฉินหวั่นชิงปฏิกิริยาตอบรับไวยื่นมือไปดึงเย่เทียนไว้ ใช้สายตามองไปทางเขาสุดชีวิต

เพียงแต่ เย่เทียนเดิมก็ไม่สนใจที่เฉินหวั่นชิงแนะนำ มองไปที่ เย่ย่งเล่อด้วยใบหน้าที่ดูถูก

มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น

“บางทีคนอื่นอาจจะกระดิกหางขอความสงสารจากพวกคุณตระกูลเย่ แต่ผมเย่เทียนไม่แคร์!”

เรื่องบางเรื่องแม้ว่าเขาจะไม่เคยพูดถึง แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเขาจะลืม

ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แล้วหรือจะเป็นปัจจุบัน เขาก็ไม่ลืมที่เมื่อก่อนถูกไล่ออกมาจากตระกูลเย่ยังไง ตอนนั้นเขาตัดสินใจแล้ว จะไม่กลับเข้าไปเหยียบตระกูลเย่แม้แต่ครึ่งก้าว!

แน่นอน ถ้าเย่ย่งเล่อพูดจาดี เขาอาจจะเห็นแก่คุณย่าผู้อาวุโสกลับไปเยี่ยมคนชราประมาณนั้น

แต่น่าเสียดาย เย่ย่งเล่อเป็นคนใช้ทัศนคติครอบงำคน ดันใช้คำพูดที่เย่เทียนรังเกียจที่สุด

เย่เทียนจะสามารถที่จะคล้อยตามยอมรับได้อย่างไรล่ะ?

ฉากนี้พวกกินแตง(พวกคนที่สนใจแต่เรื่องชาวบ้าน)ที่อยู่ในสถานการณ์ต่างพากันตกใจอย่างไม่ต้องสงสัย แอบถอนหายใจที่วันนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยว

ก่อนหน้านี้ พวกเขายังเดาว่าท่านเฒ่าฉินเป็นเพราะความสัมพันธ์ของตระกูลเย่ถึงเป็นมิตรกับเย่เทียน แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสถานการณ์จะพลิกกลับเร็วขนาดนี้

ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เกรงว่าเย่เทียนไม่เพียงแต่ไม่คืนดีกับตระกูลเย่ ไม่แน่อาจจะยิ่งหนักขึ้นๆ!

ไม่แคร์?

ตระกูลเย่คือตระกูลชื่อดังในเมืองจินและแม้แต่ประเทศจีนทั้งหมด ขอแค่สามารถกอดต้นไม้ต้นใหญ่ไว้ได้ อย่างน้อยสามชั่วอายุคนก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

“เย่เทียน!”

เฉินหวั่นชิงได้สติกลับมาเป็นคนแรก รีบเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวดึงแขนเย่เทียนไว้ ส่ายศีรษะเล็กน้อยแสดงให้รู้ว่าอย่าวู่วาม

นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เย่เทียนทำให้เธอเข้าใจว่าภาพลักษณ์ส่วนใหญ่เป็นคนใจร้อนวู่วาม ประเภทที่ใช้ความ?รุนแรง

“ดีๆๆ!”

เย่ย่งเล่อโมโหจนยิ้มออกมา พูดติดๆกันออกมาสามคำ สายตาจ้องตรงไปที่เย่เทียนอย่างเย็นชา

“ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ลูกชายที่ถูกทอดทิ้งตระกูลเย่อย่างนายกลับแน่มาก ทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ”

“แต่ว่า นายทิ้งป้ายของตระกูลเย่เรา งั้นก็เท่ากับดูหมิ่นตระกูลเย่ ฉันจะดูความสามารถของนายจะเก่งเหมือนปากนายรึเปล่า!”

ในระหว่างพูด ท่าทางขี้เกียจรอบๆตัวค่อยๆจางหายไป กลับแทนที่ด้วยความกดขี่ที่ไม่สิ้นสุด

จากเรื่องราวนี้พบว่า สิ่งที่เย่ย่งเล่อบอกว่าปกติถึงเป็นนักเลงข้างถนน แต่อย่างน้อยก็เป็นคนของตระกูลเย่ เป็นไปได้เหรอที่จะไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย?

“มีปัญญานายก็ลองดู!”

เดิมทีในขณะที่เฉินหวั่นชิงดึงไว้ เย่เทียนก่อนหน้านี้บวกกับความแค้นหลายสิบปีที่สะสมมา ทำให้ความคิดสงบลง

ในเมื่อ ยังไงวันนี้ก็เป็นวันเกิดของนายท่านเฉิน ถ้าจะลงมือจริงๆก็คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่

แต่เขาเตรียมตัวจะเลิกราแล้ว เย่ย่งเล่อกลับยังบ้าคลั่ง ทำให้ในใจเย่เทียนโกรธจนระเบิด

บวกกับที่เขามีสายตากว้างไกล จะมากจะน้อยก็พอจะดูออกว่าเย่ย่งเล่อมีความสามารถอยู่บ้าง

แต่ว่า เขากลับไม่รู้สึกว่าเย่ย่งเล่อถูกตาเขา ในสมองมีความช่วยเหลือจากหน้าปกทอง

เกรงว่าถ้าเขายังมีความสามารถความรู้แบบนี้ เย่เทียนเชื่อว่าให้ตายก็ยังอยู่ในโลกระดับดำ

พูดได้ว่าถ้าไม่มีสถานการณ์ที่ปีศาจปรากฎออกมาในสถานที่ โลกระดับดำก็สามารถอยู่ในประเทศจีนได้ แต่อยู่ต่อหน้าเย่เทียน นั่นยังไม่พอดู

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่แน่เย่ย่งเล่อแม้แต่ระดับดำก็ไม่มี

ขณะที่รสชาติยายิ่งอยู่ยิ่งข้น ราวกับลงมือได้ตลอดเวลา นายท่านฉินขมวดคิ้วยืนขึ้นมา

“คุณชายย่งเล่อในเมื่อที่นี่คือเจียงหนัน วันนี้ก็ยังเป็นวันเกิดของนายท่านเฉิน คุณมาโวยวายหาเรื่องไม่ว่าตามหลักหรือเหตุผลก็รู้สึกไม่สมควรนะ?”

“ไอ้แก่ตายยากนี่เป็นใคร? ผมเย่ย่งเล่อทำอะไรต้องให้นายมาสอน?”

เย่ย่งเล่อเงยศีรษะกวาดสายตามองนายท่านฉิน พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “อย่าโทษที่ผมไม่เตือนคุณ ความคิดไกลแค่ไหนคุณก็รีบไสหัวไปให้ไกลเท่านั้น ไม่อย่างนั้นผมจะต่อยคุณหนึ่งหมัด!”

นายท่านฉินได้ยินเช่นนี้ คิ้วที่ขมวดยิ่งขมวดมากขึ้น สำเนียงเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้น

“ผมชื่อฉินเจิ้ง ถ้านายยังอยากไปจากเจียงหนัน ทางที่ดีอย่าใช้สำเนียงแบบนี้คุยกับผม!”

ตระกูลเย่คือตระกูลใหญ่ธุรกิจใหญ่ เป็นสาเหตุที่ทุกคนเกรงกลัว แต่เขาตระกูลฉินของเขาก็ไม่ได้ล่วงเกินได้ง่ายๆ?

ถ้าเปลี่ยนสถานการณ์ เย่ย่งเล่อที่โอ้อวด ตระกูลฉินก็คงแค่หัวเราะแล้วปล่อยผ่าน ไม่เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย

เขาอายุขนาดนี้แล้ว อุปสรรคใหญ่โตอะไรที่ไม่เคยเจอ ก็แค่ถูกคนพูดแค่ไม่กี่คำ เนื้อก็ไม่ได้หล่นสักชิ้น ทำไมต้องเก็นมาใส่ใจ?

แต่สถานการณ์นี้ไม่ถูกต้อง ตระกูลที่มีชื่อเสียงมากมายอยู่ในงานนี้ หากเขาเงียบแล้วถอยออก เกรงว่าชื่อเสียงตระกูลฉินคงเสียงชื่อ กลายเป็นเรื่องตลกขบขันของผู้คน

“นาย…”

เย่ย่งเล่ออยากด่ากลับไป ในสมองกลับคิดถึงสถานะของฉินเจิ้ง คำพูดที่มาถึงคอหอยก็กลืนลงไป

ก่อนมาเจียงหนัน เขาก็ได้รับคำเตือนจากอาวุธโส อยู่ที่เจียงหนันล่วงเกินใครก็ได้ แต่ห้ามล่วงเกินตระกูลฉิน

แน่นอน ไม่ใช่ตระกูลเย่กลัวตระกูลฉิน

แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า ตระกูลเย่อยากกำจัดตระกูลฉินนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ ถ้าอดทนไว้อย่างนี้ เย่ย่งเล่อก็จะไม่ค่อยเต็มใจ

เขาเป็นใคร?

เขาเป็นคุณชายของตระกูลเย่ เป็นคนที่คาบกุญแจทองมาเกิด!

ตั้งแต่เล็กเขาอยากได้อะไรก็ได้อย่างนั้น มีความกล้าที่จะคัดค้าน ข่มขู่มีสักกี่คน? นี่จะให้เขารู้สึกเต็มใจได้อย่างไร?

เวลานี้ ข้างนอกมีเสียงดังตกใจแว่วขึ้น เสียงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะเอาทั้งห้องนั้นพัดลอยไปอย่างนั้น

แต่ ความซับซ้อนนี้มีแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆไม่กี่วินาที ทันใดนั้นรอบข้างก็เปลี่ยนเป็นสงบลง ทั้งโรงแรมเข้าสู่ความเงียบสงัน ราวกับทุกคนที่อยู่ในนั้นหายไปในชั่วขณะ

“นี่เกิดอะไรขึ้น?”

“เมื่อกี้ยังหนวกหูมาก ตอนนี้ทำไมกลายเป็นสงบแล้ว?”

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้คนในห้องอดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา แต่กลับไม่มีสักคนที่ออกมาตรวจดูสถานการณ์

ล้อเล่นอะไร นี่คือการปะทะกันของตระกูลเย่กับตระกูลฉินแห่งเจียงหนัน นั่นก็คือฉากที่ดาวอังคารพุ่งชนโลก ใครจะยอมพลาดฉากใหญ่ขนาดนี้?