บทที่ 313 แสดงว่าเธอห่วงใยเขา

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

บอกตามตรง เทาเท่ไม่อยากจะเจอแม่และน้องสาวของตัวเองเลย พอเห็นหน้าแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ดังนั้นเขาจึงหันมองไปที่วีนาแล้วพูดว่า“แม่เอากับข้าวกลับไปเถอะ อีกอย่าง หมอบอกว่าผมต้องพักผ่อนมากๆ หากไม่มีอะไร ช่วงนี้แม่ก็ไม่ต้องมาเยี่ยมผม มีหลินจืออยู่ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”

คำพูดนี้ของเทาเท่เย็นชาและฟังดูเหินห่างมาก ไม่เพียงไล่วีนากับพินอินทางอ้อม แต่ยังพูดเป็นนัยให้พวกเขาไม่ต้องมาเยี่ยมในระหว่างที่พักรักษาตัว เพราะเขาไม่ต้องการ

ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของหลินจือ นั่นมันบ่งชี้ว่าจากนี้ต่อไปให้พวกเขาให้เกียรติหลินจือด้วย

พินอินโกรธจัด กำลังจะอ้าปากพูดอะไร วีนาก็เดินเข้ามาพร้อมกล่องอาหารแล้วดันเธอออกไปจากห้อง จากนั้นก็พูดกับเทาเท่อย่างละอายว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้งั้นแม่ไม่กวนแกแล้วกัน”

พูดจบเธอก็ปิดประตูห้องให้แล้วจากไปในทันที

ในโถงทางเดิน พินอินสะบัดแขนของวีนาออกอย่างไม่พอใจ ขึ้นเสียงสูง“แม่ แม่จะกลัวทำไม ? หลินจือก็แค่ตัวอะไร ? ทำไมเราต้องพินอบพิเทากับเธอด้วย?”

วีนารีบเอามือปิดปากของเธอ กัดฟันและกระซิบว่า“ แกว่าเธอมันตัวอะไร ? ตอนนี้เธอเป็นชีวิตจิตใจของพี่แกนะสิ!”

วีนาพูดต่อว่า“เพราะเธอ พี่แกถึงขั้นเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องของการเมือง แกยังไม่พึงระวังตัวอีกเหรอ ?”

เรื่องเบลซกับคนเปกก้าคนนั้นที่พ้นจากตำแหน่ง ต้องเป็นฝีมือของลูกชายเธอและจอร์แดนที่ร่วมมือกันแน่ๆ ตอนที่วีนาได้ยินเรื่องนี้เธอใช่ว่าจะไม่ตกใจ

ดังนั้นเธอจึงพูดเตือนพินอิน แต่พินอินกลับไม่สนใจ ดึงมือเธอออกแล้วพูดตะโกนใส่ว่า“ หนูไม่มีวันยอมรับเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลฟอเรนาอย่างเด็ดขาด!”

ครั้งนี้เทาเท่ไม่ได้ขว้างปาแก้วมาอีก แต่เสียงของเขาก็ราวกับดังก้องมาจากขุมนรก“งั้นแกก็ออกไปให้พ้นจากตระกูลฟอเรนาซะ!”

พินอินดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

นี่พี่ของเธอพูดอะไรนะ ?

ให้เธอไปให้พ้นจากตระกูลฟอเรนางั้นเหรอ ?

เพราะหลินจือคนเดียว เขาถึงกับจะไล่เธอออกจากบ้านเลยเหรอ?

บ้าไปแล้ว นี่พี่ชายของเธอเป็นบ้าไปแล้ว!

วีนาก็ตกใจด้วยเช่นกัน แต่ยิ่งตกใจก็ยิ่งรู้ว่าเทาเท่นั้นเอาจริง กลัวว่าพินอินจะพูดอะไรที่ไม่รื่นหูอีก เธอรีบคว้าตัวพินอินแล้วเดินจากไปในทันที

ภายในห้องพักผู้ป่วย เทาเท่เม้มปากแน่นแล้วจ้องมองไปยังหลินจือที่นั่งอยู่ข้างๆ กลัวมากว่าเธอจะโกรธกับการปรากฏตัวของพินอินเมื่อครู่ แล้วผุดความคิดที่ไม่อยากจะคบหากับเขาขึ้นมา

หลินจือไม่ได้สนใจความเป็นกังวลของเขา เอื้อมมือไปกดกริ่งเรียกพยาบาลให้คนมาทำความสะอาดความหายนะที่พื้น และให้พยาบาลตรวจดูบาดแผลของเทาเท่ด้วย

เมื่อครู่เขาออกแรงปาแก้วนั้นไป ย่อมต้องสะเทือนไปยังบาดแผลบนร่างกายของเขาเป็นแน่

หลังจากที่พยาบาลตรวจดูแล้ว บาดแผลที่แขนนั้นปริออกจริงๆ มีเลือดจางๆซึมผ่านผ้าก๊อซสีขาว

หลินจือรู้สึกสงสารเขามาก และโกรธที่เขาอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนั้น ไม่รักและหวงแหนร่างกายของตัวเองเอาซะเลย

พยาบาลทำแผลให้เทาเท่ใหม่จากนั้นก็จากไป หลินจือเอากับข้าวที่อยู่ข้างๆมาแล้วป้อนเขาต่อ “กินข้าวกันต่อเถอะ”

แม้น้ำเสียงของหลินจือจะนิ่ง แต่ก็ฟังออกว่าเย็นชาอยู่มาก

เทาเท่สัมผัสได้อย่างชัดเจน ก็จึงพูดขึ้นว่า“ ไม่อยากกินแล้ว”

เธอโกรธขนาดนี้แล้ว เขายังจะมีอารมณ์กินต่อได้ยังไง ?

ตอนนี้หัวสมองของเขาคิดแต่อยากจะง้อเธอ ตอนนั้นหลินจือกลัวเขาโกรธมากแค่ไหน ตอนนี้เขาก็กลัวเธอจะโกรธมากแค่นั้น

หลินจือเงยหน้าขึ้นมองเขา“คุณเป็นคนป่วย จะไม่กินข้าวได้ยังไง?”

เทาเท่หยิบเอาถ้วยชามที่เธอถืออยู่มาวางไว้บนโต๊ะข้างๆ จ้องมองเธอแล้วถามว่า “คุณโกรธใช่ไหม ?”

“เปล่า”หลินจือละสายตาออกเห็นชัดว่ากำลังปกปิดอยู่

“ผมไม่เชื่อ”เทาเท่ไม่เชื่อในคำพูดของเธอ

เมื่อหลินจือเห็นเขาซักไซ้ไล่เลียงไม่หยุด จึงหันหน้ามาแล้วพูดตอบ“ฉันบอกไปแล้วว่าจะไม่สนใจพวกเขา การกระทำและคำพูดของพวกเขาก็จึงทำอะไรฉันไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องออกหน้าแทนฉัน และทำตัวเองเจ็บตัวแบบนี้ ”

เมื่อเทาเท่ได้ยินที่เธอพูด ในใจก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก“ที่แท้คุณก็กำลังโกรธผมอยู่เหรอ ?”

เธอโกรธเขา นั้นก็หมายความว่าเธอห่วงใยเขา

หลินจือไม่ได้ปิดบัง“ใช่”

เทาเท่ราวกับกินน้ำผึ้งเข้าไป หวานไปจนถึงหัวใจ

แต่เขาก็อธิบายถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพินอิน“ ผมไม่อยากให้คุณไม่ได้รับความเป็นธรรมแบบนี้”

เมื่อก่อนเพราะเขาไม่เคยปกป้องเธอ จึงทำให้พินอินไม่เคารพเธอแบบนี้

ในเมื่อครั้งนี้พวกเขาจะเริ่มต้นใหม่กัน ดังนั้นเขาก็ต้องช่วยเธอกำราบพินอินเป็นอันดับแรก

หลินจือพูดชี้แจงกับเขาอย่างระอาอีกครั้ง“พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้ตั้งนานแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ ”

“ไม่ได้”เทาเท่ยังคงยืนกราน“ ต่อให้คุณจะไม่สนใจพวกเขา และไม่โต้ตอบอะไรพวกเขา แต่พวกเขาก็ต้องให้ความเคารพคุณบ้าง ”

ในที่สุดหลินจือก็ต้องตามใจเขา

ตกดึกหลินจือพักค้างคืนที่นี่ เธอกับเทาเท่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ก็ได้ยินข่าวที่น่าตกใจอย่างมาก เนียร์กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย

ตอนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเจอ เนียร์หมดลมหายใจแล้ว

ในเบื้องต้นตำรวจสรุปว่าเนียร์วางยาซูซี และจงใจจัดฉากให้ซูซีขับรถชนเทาเท่ ตอนนี้เนียร์มากระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ก็ยืนยันความผิดฐานวางยาของเธอ และทุกคนต่างก็ลงความเห็นว่าเธอฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด

ในตอนที่หลินจือได้ยินข่าวนี้ ก็ตกใจอย่างมาก

เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ?

เนียร์ตายแล้วจริงๆเหรอ?

เทาเท่ลุกลงจากเตียงแล้วกอดกระชับเธอเอาไว้แน่นในอ้อมแขน ให้ความอบอุ่นและปลอบประโลมเธอด้วยวิธีนี้“ ไม่ต้องกลัวนะไม่ต้องกลัว ”

ก่อนหน้านั้นได้ยินว่าไกรภพไปประกันตัวเนียร์ออกมา ในใจของเขาก็มีความคิดที่ไม่ดีบางอย่างผุดขึ้น

เขาสงสัยว่าไกรภพต้องการจะเอาชีวิตของเนียร์ ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาคาดเดานั้นจะแม่นยำอย่างนี้ ไกรภพมีแผนการที่ชั่วร้ายจริงๆ

พอเนียร์ตาย ก็ยืนยันข้อกล่าวหาฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด ต่อให้ทางตำรวจอยากจะสืบเรื่องที่เกี่ยวข้องในคดีการวางยาของซูซี ก็คงจะหาอะไรไม่เจอแล้ว

ต้องยอมรับจริงๆ ว่าวิธีนี้ของไกรภพนั้นเหี้ยมโหดมาก

แต่ว่า ไกรภพคนนี้ มีความแค้นอะไรกับตระกูลโดโนแวนงั้นเหรอ ? ทำให้เขาต้องปฏิบัติต่อซูซีและเนียร์อย่างโหดร้ายแบบนี้ได้ ?

เทาเท่สงสัย ในตอนแรกไกรภพยังมีความคิดจะเล่นงานเบลซอยู่เลย เพียงแต่เขากับจอร์แดนร่วมมือกันจัดการกับเบลซไปก่อน แบบนี้จึงทำให้งานของไกรภพนั้นง่ายมากขึ้น

เขาจึงแค่ต้องจัดการกับซูซีและเนียร์ก็พอ ตอนนี้เนียร์ได้ฆ่าตัวตายและซูซีก็ถูกคุมขัง ก้าวต่อไปของไกรภพเขาจะทำอะไรอีก?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจของเทาเท่ก็หนักอึ้งไม่น้อย

สัญชาตญาณบอกเขา ว่าต่อไปไกรภพจะเล่นงานครอบครัวของเขา

เขาให้จอนห์ส่งคนไปตรวจสอบไกรภพอย่างละเอียดอีกครั้ง และให้คนไปตรวจสอบเรื่องในอดีตของพ่อแม่เขา และคนที่เกี่ยวข้องในตอนนั้น เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไร

เทาเท่กอดหลินจือและคิดวิเคราะห์ หากต่อไปไกรภพเลือกที่จะเล่นงานเขาและคนในครอบครัวของเขา นั้นก็หมายความว่าทุกอย่างที่ไกรภพทำเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโดโนแวนและครอบครัวของเขามานานหลายปี ก็มีแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว

ในตอนนั้นเบลซใช้เงินช่วยพ่อของเขาจัดการเรื่องนั้นจนเงียบ ก็ถือว่าเป็น“ผู้สมรู้ร่วมคิด”ของพ่อเขาด้วยเช่นกัน