หลินจือที่ถูกเทาเท่กอดเอาไว้ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน
เธอโตมาจนป่านนี้ แม้จะเคยประสบกับการจากไปของแม่บุญธรรม และเคยถูกปองร้ายมาไม่น้อย แต่เธอไม่เคยเจอกับเหตุการณ์อันน่าสะพรึงถึงขั้นคร่าชีวิตแบบนี้มาก่อน
เธอกลัวมากจริงๆ
ดีที่ยังมีเทาเท่คอยโอบกอดเธอเอาไว้ตลอด จังหวะการเต้นของหัวใจชายหนุ่มทำให้ร่างที่สั่นเทาของเธอค่อยๆผ่อนคลายลง
“แล้วเนียร์ทำไมถึงฆ่าตัวตายได้ ? คงไม่ใช่เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนวางยาแล้วจึงคิดสั้นหรอกนะ ? ”นี่คือสิ่งที่หลินจือสงสัย ตามหลักด้วยอายุของเนียร์ก็น่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ทำไมถึงรับแรงกดดันนี้ไม่ได้กัน
แววตาของเทาเท่มีแสงเย็นวาบผ่าน“ดังนั้น ต้องเป็นไกรภพที่ทำอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ อย่าลืมว่า เขาเป็นคนไปรับเนียร์ออกมาจากสถานีตำรวจและส่งเธอกลับบ้าน”
“เขาเป็นฆาตกรตัวจริง” เทาเท่วิเคราะห์ออกมาอย่างไม่ลังเล
แม้ตอนนี้เขาจะไม่มีหลักฐาน แต่เขามั่นใจ ว่าการตายของเนียร์เป็นฝีมือของไกรภพ หรือจะบอกว่าถูกบีบบังคับให้ตายก็ได้ ตอนนี้ทำได้เพียงรอดูรายงานการชันสูตรของทางตำรวจว่าจะบอกอะไรได้บ้างก็เท่านั้น
คำว่าฆาตกรของเทาเท่ ทำให้หลินจือขยับเข้าหาอ้อมแขนของเขามากขึ้น
เทาเท่ลูบไปที่แผ่นหลังของเธอแล้วพูดว่า“ คืนนี้อย่านอนเตียงเฝ้าไข้เลยนะ มานอนด้วยกัน”
เหตุผลที่เสนอแนะแบบนี้ไป หนึ่งคือเขาไม่อยากจะนอนแยกกับหลินจืออยู่แล้ว และสองคือมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขากลัวหลินจือจะหวาดผวา
หลินจือหวาดกลัวมากจริงๆ ดังนั้นเธอก็จึงไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของเทาเท่ ขึ้นเตียงมาได้เธอก็ซุกตัวไปในอ้อมอกของเทาเท่ ทำเอาเทาเท่สงสารจับใจ
ซูซีที่อยู่ในสถานกักกันเมื่อได้ยินข่าวเรื่องเนียร์กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ก็เป็นลมล้มพับในทันที
แม้ว่าก่อนหน้านั้นเธอกับเนียร์จะมีปากเสียงทะเลาะกันมาก่อน แต่เธอก็ไม่คิดว่าเนียร์จะมาตายแบบนี้
นั่นแม่ของเธอ จะบอกว่าไม่เศร้าโศกล้วนเป็นคำโกหกทั้งสิ้น
หลังจากที่ซูซีฟื้นขึ้นมา ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่และไกรภพ เธอไปดูเนียร์เป็นครั้งสุดท้าย ผ้าขาวที่คลุมร่างเนียร์อยู่ถูกเปิดออก ซูซีก็ถึงกับเข่าทรุดแล้วปล่อยโฮออกมาทันที“แม่!”
เสียงร้องไห้ของซูซีเศร้ารันทดและน่าเวทนามาก เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าวันหนึ่งครอบครัวของเธอจะมาบ้านแตกสาแหรกขาดแบบนี้
ตอนนี้เธอกับพ่ออยู่ในคุก แม่เธอก็มาจากไป ไม่ใช่บ้านแตกสาแหรกขาด แล้วมันคืออะไร?
ไกรภพดึงซูซีขึ้นจากพื้นแล้วกอดเธอเอาไว้แนบอก ปลอบเธอด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก“ ซี เสียใจด้วยนะ”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็มาเข็นร่างของเนียร์ออกไป ซูซีร้องไห้จนเกือบเป็นลม
เป็นไกรภพที่คอยปกป้องดูแลเธออยู่ข้างๆ โอบกอดเธอแน่นไว้ในอ้อมแขน
อารมณ์ของซูซีค่อยๆสงบลง เธอถามไกรภพด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“ ทำไมแม่ของฉันต้องทำแบบนี้ด้วย ? ต่อให้เธอจะคิดร้ายกับฉัน แล้วทำไมเธอต้องจบชีวิตตัวเองแบบนี้ด้วย ?”
“เธอเป็นคนรักในเกียรติยศมาโดยตลอด เมื่อเรื่องวางยาคุณถูกเปิดเผย เธอก็คงรู้สึกละอายใจล่ะมั้ง”จนตอนนี้ไกรภพก็ยังล้างสมองซูซีไม่หยุด ล้างสมองเธอว่าเนียร์เป็นคนวางยาเธอจริงๆ
ตอนนี้เนียร์ก็ได้ตายไปแล้ว ซูซีอยากจะถามอะไรก็ถามไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
และซูซีก็เป็นอย่างที่ไวท์และคนอื่นๆวิเคราะห์ เธอเชื่อใจไกรภพ ไม่เคยสงสัยในตัวไกรภพว่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด และยิ่งไม่สงสัยว่าการตายของเนียร์นั้นเป็นฝีมือของไกรภพ
“ตอนนี้คุณไม่ต้องคิดเรื่องพวกนี้ ผมจะคิดหาวิธีให้คุณทุกข์ทรมานน้อยที่สุด” ไกรภพประดิดประดอยคำพูดที่สวยหรูปลอบซูซี“ในเมื่อคุณถูกคุณน้าให้ร้าย งั้นความผิดของคุณก็คงไม่ร้ายแรงเท่าไร ”
ซูซีร้องไห้และพูดว่า “Eric ตอนนี้คุณคือคนเดียวที่ฉันเชื่อใจแล้ว คุณต้องช่วยฉันเจรจาลดหย่อนโทษนะ ”
“หาก หากว่ารอลงอาญาได้ ก็จะเป็นการดีที่สุด”รอลงอาญาส่วนใหญ่ก็จะปล่อยตัวไม่ดำเนินคดี หากในช่วงระยะเวลาที่กำหนดประพฤติปฏิบัติตัวดี
ตอนนั้นที่พินอินก่อเรื่องขึ้นก็รอลงอาญาไม่ใช่เหรอ ? ซูซีเชื่อว่าหากมีไกรภพมาคอยจัดการให้เธอก็น่าจะได้รับโทษแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อไกรภพได้ยินคำพูดของซูซีก็อดที่จะยิ้มเยาะในใจไม่ได้ ช่วยเธอให้ได้ลดหย่อนโทษ ? รอลงอาญา ?
เธอนี่มันช่างไร้เดียงสาจริงๆ เธอเข้าคุกมาได้ เขาก็ไม่เคยคิดจะช่วยเธอให้ออกไปเลยด้วยซ้ำ
แล้วยังมีอีก เขาเล่นงานเนียร์จนตายได้ แล้วจะช่วยซูซีออกมาได้ยังไงกัน ?
แต่ปากก็ยังพูดรับปากไปว่า“ได้ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่”
ตำรวจที่มาพร้อมกับซูซีในตอนนี้จะพาซูซีกลับไป ซูซียังคงไม่เต็มใจร้องไห้และพูดกับไกรภพว่า “Eric คุณต้องรีบมาช่วยฉันออกไปให้ได้นะ ”
เมื่อซูซีพูดจบก็ถูกพาตัวขึ้นรถตำรวจไป หลังจากที่รถตำรวจขับออกไปใบหน้าที่อาลัยอาวรณ์ของไกรภพก็พลันหายวับไป และความเย็นเยือกก็มาแทนที่
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าสีคราม คิดถึงเนียร์ที่ตายไปแล้ว กับซูซีและเบลซที่ถูกคุมขัง มุมปากก็ยกหยักขึ้นอย่างพึงพอใจ
คนชั่วถูกลงโทษไปทีละคน แน่นอนว่าเขาพอใจมันเป็นอย่างมาก
เบลซที่อยู่ในคุกรู้ข่าวเรื่องเนียร์กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ก็ช็อกจนความดันพุ่ง ทรุดตัวลงบนเก้าอี้แล้วหอบหายใจอย่างหนัก
เขารู้ว่าไกรภพแฟนเก่าของซูซีมาคอยดูแลซูซีอยู่ ตอนที่เนียร์มาเยี่ยมเขาก็เคยพูดถึงเรื่องนี้
เขาคิดว่าไกรภพคอยอยู่เคียงข้างไม่ห่างไปไหนแบบนี้ อย่างน้อยก็ยังจะพอดูแลสองคนแม่ลูกได้ ก็จึงไม่ได้ว่าอะไร
ไม่คิดว่าไกรภพที่กลับมาได้ไม่กี่วัน ภรรยาของเขาก็มากระโดดน้ำ ลูกสาวก็ถูกจับเข้าคุก เขาเป็นเหมือนคนบ้านแตกสาแหรกขาด
เบลซที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจและการเมืองมากว่าค่อนชีวิต ถามทนายว่าในช่วงนี้เนียร์กับซูซีไปเจออะไรมาบ้าง ก็จับพิรุธความผิดปกติได้ในทันที
หลายเรื่อง เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ คอยขับเคลื่อนเรื่องราวต่างๆให้เกิดขึ้น
และอะไรบางอย่างที่ว่านั้น ก็คือไกรภพ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อารมณ์ของเบลซก็ปั่นป่วนขึ้นมาทันทีพูดกับทนายว่าต้องการจะเจอไกรภพ ทนายความพูดเพียงจะพยายามติดต่อเขาให้ แต่ไกรภพจะมาเจอเขาไหมนั้นก็ไม่อาจทราบได้
วันรุ่งขึ้นไกรภพก็มาหาเบลซอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ใบหน้าของชายหนุ่มไม่สะทกสะท้านและนิ่งมาก
เขานั่งอยู่ตรงบริเวณหน้าต่างของห้องเยี่ยม หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาแล้วเรียกขานเบลซอย่างสุภาพ“คุณอาเบลซ สวัสดีครับ”
เบลซไม่ได้ตอบเขา แต่สายตาที่เฉียบคมจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของเขา
ไกรภพปล่อยให้เขาจ้องมองอย่างไม่หลบหลีก คิดว่าเบลซคงมองไม่เห็นอะไร เพราะ……เขาแปลงโฉมใหม่มานานหลายปีแล้ว
ตั้งแต่ที่เขาจงใจไปทำความรู้จักกับซูซีในต่างประเทศ เขาก็ไม่ใช่คนเดิมคนนั้นอีกต่อไป
เมื่อก่อนเบลซกับเนียร์ก็เคยเจอเขามาก่อน ตอนนั้นพวกเขาไม่สังเกตเห็นอะไร ตอนนี้ก็จึงย่อมไม่เห็นอะไรอีกเช่นกัน
เป็นจริงอย่างที่คาด เบลซมองสำรวจเขาไปมาอยู่หลายรอบ ก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร กัดฟันกร่อนแล้วถามว่า“แกเป็นใครกันแน่ ? และต้องการอะไร?”
ไกรภพยกยิ้มอย่างจนใจ“คุณอาเบลซ ผมEricไกรภพไง ผมได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับคุณอา ก็รีบบากหน้าบินกลับมาจากต่างประเทศ อยากจะปกป้องซี แล้วผมจะทำอะไรได้ ?”
เบลซไม่เชื่อคำพูดของเขา เขาส่ายหัวและคำรามด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“แกไม่ได้อยากจะปกป้องซี แต่แกอยากทำลายครอบครัวของเรา!