บทที่ 315 ความสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ไกรภพยังแสร้งทำเป็นพูดคุยกับเบลซอย่างสุภาพ“คุณอาเบลซ พูดแบบนี้ผมเสียใจนะครับ”

เขาไม่เปิดเผยตัวตนกับเบลซในตอนนี้แน่ ยังมีคนอื่นๆที่ยังไม่ได้ชดใช้กับสิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้ในตอนนั้น เขายังคงต้องปิดบังตัวตนของเขาเอาไว้

หากไม่ใช่เพราะเทาเท่จัดการกับเบลซจนเข้าคุกไปก่อน ทำเขายากที่จะยื่นมือเข้ามาจัดการมันได้ ไม่แน่ตอนนี้เบลซก็อาจไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว

เบลซจ้องมองเขาเขม็ง “ไหนแกอธิบายให้ฉันฟังหน่อย ว่าซีทำไมถึงถูกวางยาแล้วขับรถไปชนเทาเท่ได้ ? แล้วแม่ของเธอถูกกล่าวหาว่าวางยาเธอได้ยังไง?”

“เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แม่ของเธอไม่มีทางทำร้ายเธอแน่!”สติปัญญาของเบลซก็ยังดีอยู่ “อีกทั้ง แม่ของเธอก็ไม่ใช่คนอ่อนแอแบบนั้น อยู่ดีๆจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายได้ยังไง!”

ไกรภพแบมือทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ “คุณอาเบลซ เรื่องพวกนี้ผมไม่รู้จริงๆ ”

“ซีถูกวางยาเป็นฝีมือของคุณน้าเนียร์ ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณน้าเนียร์คิดอะไรอยู่ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?” ใบหน้าไกรภพเต็มไปด้วยความใสซื่อ “อาจเพราะคุณน้าเธอเกลียดเทาเท่กับหลินจือมาก เพราะเขากับจอร์แดนเป็นคนทำให้คุณอาต้องมาอยู่ในคุกแบบนี้ คุณน้าเธอก็จึงอยากจะแก้แค้นแทนคุณอา ”

เบลซถามว่า“ถ้าอย่างนั้นเธอขับรถไปชนเองก็ได้ ทำไมต้องให้ซีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย?”

ไกรภพไม่ได้พูดตอบ แต่มองไปยังเบลซแล้วถามอย่างแผ่วเบาว่า“คุณอาเบลซ คุณสงสัยว่าเป็นฝีมือของผม นั้นเพราะพวกคุณทำเรื่องที่น่าละอายเอาไว้มากมาย ดังนั้นก็จึงหวาดระแวงไปทั่ว?”

“นี่แก——”เดิมทีเบลซก็สงสัยในเจตนาแฝงของไกรภพอยู่แล้ว มาตอนนี้คำพูดที่แปลกประหลาดของไกรภพก็ทำให้เบลซเชื่อมากยิ่งขึ้นว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง

เบลซแผดเสียงดังลั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้“ แกเป็นใคร ? แกเป็นใครกันแน่ ? แกต้องการอะไร?”

เพราะอารมณ์ของเบลซฉุนเฉียวเกินไป ดังนั้นผู้คุมจึงเข้ามากดร่างเขาเอาไว้

ด้านนอกหน้าต่างของห้องเยี่ยม ไกรภพมองเบลซที่ถูกผู้คุมกดร่างเอาไว้แน่น วางเครื่องสื่อสารในมือลงอย่างไม่แยแส เขาขยับปากพูดอย่างไม่มีเสียงไปคำหนึ่งว่า“ ความสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ”

เบลซเข้าใจได้ในทันที ร่างทั้งร่างถึงกับทรุดตัวล้มลง

เขาไม่รู้ว่าไกรภพต้องการจะทำอะไร แต่เขารู้แล้วว่าไกรภพไม่ใช่คนดี

ในที่สุดเบลซก็สงบลง เนียร์ตายไปแล้ว เขาอยู่ในคุก ลูกสาวเขาก็อยู่ในคุกไกรภพจะทำอะไรเขาสองคนพ่อลูกได้ ?

ทว่า เมื่อคิดว่าภรรยาของเขาได้จากไปแล้ว หัวใจของเบลซก็เจ็บปวดอย่างมาก ร่างทั้งร่างก็แห้งเหี่ยวและตรอมใจลงมาก

เรื่องที่เบลซเจอกับไกรภพเทาเท่และพวกก็รู้เรื่องแล้ว ไวท์ได้บอกเทาเท่เรื่องผลการชันสูตรของเนียร์ ว่าร่างกายเนียร์ไม่พบตัวยาที่พวกเขาสงสัย

ผลลัพธ์นี้ทำเอาเทาเท่ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือเนียร์จะคิดสั้นฆ่าตัวตายเองจริงๆงั้นเหรอ?

แต่แล้วไวท์ก็พูดเสริมมาอีกคำ“ยาบางชนิด เมื่อเจอกับน้ำหรือสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น มันก็จะระเหยไปอย่างรวดเร็ว เนียร์จมอยู่ในน้ำเป็นเวลานานกว่าจะถูกนำตัวขึ้นมา ยาที่อยู่ในร่างกายอาจจะระเหยไปแล้วก็ได้”

ไวท์เป็นหมอ แม้จะไม่เคยค้นคว้าข้อมูลเรื่องตัวยาอะไรมาก่อน แต่ก็พอรู้ว่ายานั้นมันวิเศษมาก และลึกลับด้วย

เทาเท่ก็จึงมอบหมายงานให้“ปรึกษาเภสัชกรในโรงพยาบาลของนายดู ”

ท่าทีของไวท์ก็เกร็งขึ้นมาทันที เขากระแอมไอ “โรงพยาบาลของเราแม้จะมีเภสัชกรที่ยอดเยี่ยมก็จริง แต่หากจะให้น่าเชื่อถือเลย ก็คงต้องไปขอคำแนะนำกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่น”

ภายใต้การจ้องมองของเทาเท่ ไวท์ก็พูดเสริมอีกว่า“ฉันจำได้ตอนเรียนที่ต่างประเทศ ซานามีเพื่อนคนหนึ่ง……เป็นเภสัชกรที่น่าเชื่อถือมาก ฉันจะไปหาเธอให้เธอช่วยติดต่อคนคนนี้ให้ ”

ในตอนที่ไวท์พูดคำนี้ สายตามีความอิจฉาผาดผ่านอย่างเห็นได้ชัด

หลินจือกลั้นขำและถามว่า“ หมอไวท์ เพื่อนของซานาคนนั้น คงไม่ใช่หนึ่งในคนที่ตามจีบเธอหรอกนะ ?”

ไวท์“……”

ผู้หญิงทุกคนมักจะมีประสาทสัมผัสกับเรื่องพวกนี้กันเหรอ?

ใช่ผู้ชายคนนั้นชอบซานามาก ตอนเรียนก็ชื่นชมซานาอย่างไม่ปิดบัง จนตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น

ไม่กี่วันก่อนเขาได้ยินหมอแผนกเดียวกันของซานาพูดคุยกันเรื่องของหญิงสาว เขาแกล้งเดินผ่านทำทีเป็นไม่สนใจ ได้ยินพวกเธอบอกว่าตอนอยู่ต่างประเทศซานามีคนมาตามจีบ อีกฝ่ายเป็นเภสัชกรที่น่าเชื่อถือ เขาก็เดาได้แล้วว่าต้องเป็นผู้ชายคนนั้น

หลายปีมานี้ คนคนนั้นก็ยังไม่คิดยอมแพ้

แต่ว่าคำพูดของเพื่อนๆเธอมันก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก พวกเขาบอกว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาดีและอนาคตไกล แล้วยังชื่นชอบซานามาก นานวันเข้าซานาคงต้องใจอ่อนในสักวัน……

ไวท์ทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นไม่มีใจให้ แล้วจะใจอ่อนได้ในสักวันเหรอ ?

เทาเท่เหลือบมองไปยังไวท์ที่กัดฟันกร่อน แกล้งพูดแซวว่า“ไปขอให้ศัตรูหัวใจมาช่วยแบบนี้ จะทำได้เหรอ?”

“ฉันไม่ได้ชอบซานาสักหน่อย เขาจะเป็นศัตรูหัวใจได้ยังไง!” ไวท์พูดแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์

นี่เทาเท่ร้ายเหมือนโซเมนตั้งแต่เมื่อไรกัน วันๆก็เอาแต่พูดหยอกพูดแซวเขา

แม้เขาจะไม่ชอบผู้ชายคนนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ เขาจะเอาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานมาปนกันไม่ได้

เทาเท่ยิ้มและพูดว่า“ ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยแล้วกัน”

ทันทีที่เทาเท่พูดจบ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ซานาที่สวมใส่ชุดกาวน์สีขาวก็เดินเข้ามา

ไวท์ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที

เขาคิดถึงคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ที่ว่าเขาไม่ได้ชอบซานา ทันใดนั้นก็รู้สึกประหม่าจนหายใจติดขัด

ไม่รู้ว่าเธอยืนอยู่ข้างนอกมานานแค่ไหน ได้ยินที่เขาพูดไปหรือเปล่า และถ้าหากได้ยิน เธอจะคิดยังไง……

เทาเท่กับหลินจือก็ตกใจด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนหันมองไปยังไวท์อย่างพร้อมเพรียง เห็นชัดว่าพวกเขาก็กังวลเหมือนไวท์เช่นกัน

ซานาเอง สองมือล้วงกระเป๋าชุดกาวน์ ยกยิ้มและพูดกับเทาเท่และหลินจือว่า “ ฉันได้ข่าวว่าประธานเทาเท่เข้าโรงพยาบาล เลยแวะมาเยี่ยม ”

หลินจือรีบลุกขึ้นแล้วต้อนรับเธอ ซานาพูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า“เพื่อนของฉันที่พวกคุณพูดถึง เร็วๆนี้ฉันเพิ่งได้ติดต่อกับเขาไป อีกไม่กี่วันเขาจะเดินทางมาที่เมืองเจสเวิร์ด ถึงตอนนั้นฉันจะแนะนำให้พวกคุณได้รู้จัก พูดคุยหารือกันแบบนี้น่าจะเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่า”

ทันทีที่ซานาพูดจบ สีหน้าของไวท์ก็ดูแย่ขึ้นมาในทันใด

นี่มันชี้ชัดว่าเธอได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่ ริมฝีปากของเขาขยับอยากจะพูดอะไร แต่ร่างทั้งร่างก็ราวกับใบ้กิน แข้งขาขยับไม่ได้ และเปล่งเสียงอะไรไม่ออก

อย่าว่าแต่ไวท์เลย หลินจือยังรู้สึกทำตัวไม่ถูกแทนไวท์และพูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่ง

ยังคงเป็นเทาเท่ที่อยู่บนเตียงได้สติก่อนใคร พูดขอบคุณซานาอย่างสุภาพ “ขอบคุณมาก”

ซานายิ้มและส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า“เรื่องเล็กน้อย ฉันก็หวังที่จะช่วยเหลือคนอื่นให้ได้รับความเป็นธรรม และให้คนชั่วถูกจับกุมโดยเร็วที่สุด”

“ในเมื่อพวกคุณยังมีเรื่องต้องคุยกันต่อ งั้นฉันขอตัวก่อน” ซานาพูดจบก็หันหลังแล้วจากไป หลินจือรีบส่งสายตาไปให้ไวท์ เพื่อให้ไวท์รีบตามไปอธิบายคำพูดที่พูดไปเมื่อครู่

แต่ไวท์เป็นอะไรไม่รู้ ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนอยู่เป็นนานสองนาน

หลินจือไม่มีทางเลือกจำต้องเดินตามไป เพื่อไปส่งซานา และพูดแก้ต่างให้ไวท์ไปคำสองคำ