หลินจือเดินตามซานามาจนถึงโถงทางเดินด้านนอก ซานาหยุดลงพูดด้วยรอยยิ้มว่า“ ระหว่างเราไม่ต้องเกรงใจกันแบบนี้ คุณไม่ต้องตามมาส่งฉันก็ได้ ”
หลินจือจ้องไปที่ดวงตาของเธอ พูดอย่างประหม่าว่า“เมื่อกี้ไวท์เขา——”
ซานาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูด พูดขัดเธอขึ้นมา“ฉันรู้ว่าคุณอยากจะพูดอะไร แต่ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดอธิบายอะไรหรอก”
ซานายังคงพูดต่อ “พูดตามตรง ก่อนหน้านั้นเขาคอยแต่จะหาเรื่องฉัน ฉันคิดว่าเขาคงสนใจฉันอยู่บ้าง จึงอยากจะใช้วิธีแบบนี้เรียกร้องความสนใจจากฉัน”
“วันนี้หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา ฉันเข้าใจแล้ว ที่ผ่านมาฉันคงคิดไปเอง เขาไม่เคยชอบฉันเลย และยังเกลียดฉันด้วย ดังนั้นก็จึงหาเรื่องฉันแบบนี้ ”
หลินจือร้อนรน “ไม่ใช่อย่างนั้นนะซานา……”
เกี่ยวกับเรื่องนี้เธอเคยได้คุยกับเทาเท่มาก่อน เทาเท่บอกว่า ในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนรักกับไวท์มานาน เขามั่นใจว่าไวท์นั้นคิดเกินเลยกับซานา เพียงแต่การแสดงออกของเขามันผิดวิธีไปก็เท่านั้น
แต่ตอนนี้ซานาคิดว่าไวท์ไม่ได้ชอบเธอ และท่าทีของซานาในตอนนี้ก็ดูมุ่งมั่นและห้าวหาญมาก ราวกับแต่นี้ต่อไปจะปฏิบัติตัวกับไวท์ให้เหมือนคนแปลกหน้า หลินจือร้อนรนอยากจะพูดอธิบายแทนไวท์
“ฉันยังมีงานที่ต้องทำ ขอตัวก่อนนะ ”ซานาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร ยกยิ้มและโบกมือให้หันหลังแล้วเดินจากไป
หลินจือยืนอยู่ที่เดิมแล้วทอดถอนใจ
ปล่อยไวท์เขาแล้วกัน
กลับมาที่ห้อง หลินจือมองไปยังไวท์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม พูดอย่างจนใจว่า“ที่เธอพูดเมื่อครู่คุณคงได้ยินแล้วใช่ไหม ? ตอนนี้เธอคิดว่าคุณเกลียดเธอไปแล้ว”
ห้องพักในโซนVIPนั้นมีคนน้อยเพราะฉะนั้นจึงเงียบมาก เป็นไปไม่ได้ที่ไวท์จะไม่ได้ยินบทสนทนาของเธอกับซานาเมื่อครู่
ไวท์ไม่ได้ปากแข็งเหมือนที่ผ่านมาอีก แต่หลุบตาลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เทาเท่ที่อยู่บนเตียงในตอนนี้ก็พูดขึ้นว่า“อายุก็ปูนนี้แล้ว ไม่รู้จริงๆว่ากำลังคิดอะไรอยู่”
“ตอนนั้นคนบางคนก็ถึงขั้นปาสัญญาการหย่าใส่หน้าฉัน แล้วยังไงฉันก็กลับตัวกลับใจได้ ? เขาก็แค่มีความสัมพันธ์ทางกายกับนาย ต่อให้เธอจะจากไปอย่างเงียบๆ นายมีศักดิ์ศรีอะไรให้เสียกัน ?”
ผ่านเรื่องราวต่างๆกับหลินจือมา ตอนนี้เทาเท่เข้าใจหลักความจริงอยู่ข้อหนึ่ง นั้นก็คือหากอยากจะชนะใจหญิงสาว ผู้ชายก็ไม่ควรยึดติดกับศักดิ์ศรีและเกียรติยศใดๆ
เห็นชัดว่าตอนนี้ไวท์ไม่เข้าใจในหลักความจริงข้อนี้ อันที่จริงความรู้สึกของไวท์ก็พอจะเข้าใจได้ อาจเพราะไวท์เป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เล็กจนโตก็ถูกคนรักคนโอ๋มาโดยตลอด มีอะไรกันแล้วซานาก็หนีหายไป มันทำเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีอย่างมาก
ไวท์จ้องเขม็งมองเทาเท่ไปแวบหนึ่ง เม้มปากแน่นเปิดประตูแล้วเดินออกไป
หลินจือนั่งลงที่ข้างเตียงของเทาเท่ เค้นเสียงหึแล้วพูดขึ้นว่า“ เหมือนคุณจะฝังใจที่ฉันขอหย่าคุณในงานเลี้ยงครบรอบของฟอเรนากรุ๊ปเลยนะ?”
เทาเท่ไม่ได้ปกปิดความรู้สึกของตัวเอง“ต่อหน้านักข่าวและพนักงานของฟอเรนากรุ๊ปคุณทำผมเสียหน้าขนาดนั้น จะไม่ให้ผมโกรธเคืองได้ยังไง?”
หลินจือละสายตาออก“หากฉันไม่ทำแบบนั้น คุณคงไม่ยอมหย่ากับฉันเป็นแน่ และจะต้องทรมานฉันไปอีกนาน”
เทาเท่พูดอย่างรู้สึกผิดว่า“ผมคนเก่า สำหรับคุณแล้วมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”
พูดมาถึงตรงนี้หลินจือมีคำพูดมากมายที่อยากจะตำหนิเขา“หรือไม่ใช่ ? เวลาไม่พอใจคุณไม่เคยบอก แต่จะลงโทษฉันด้วยวิธีต่างๆ เช่นทำสงครามเย็น หรือชักสีหน้า หรือ——”
คำพูดต่อจากนี้หลินจืออายที่จะพูดต่อ เช่นกระทำการรุนแรงกับเธอบนเตียง ไม่ว่ายังไงเขาก็มีวิธีลงโทษเธอ
เทาเท่รีบพูดยืนยันอย่างเร็ว “ผมจะแก้ไขทุกอย่าง”
หลินจือช้อนตาขึ้นมองเขา เธอเชื่อว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีเหตุผลอื่น นั้นเพราะตอนนี้ในใจของเขามีเธอแล้ว เขาจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเธอเป็นอันดับแรก
ในตอนนี้เองจอนห์ก็ได้โทรเข้ามา เทาเท่รับสายและฟังการรายงานของจอนห์ “ข้อมูลของไกรภพ ที่อเมริกาไม่พบข้อพิรุธอะไร แต่หญิงสาวที่กระโดดตึกในปีนั้นผมได้ไปเช็กมาแล้ว ”
ผู้หญิงกระโดดตึกที่จอนห์พูดถึง คือนักศึกษาสาวที่ไกอาคบหาอย่างลับๆในตอนนั้น
จอนห์กล่าวว่า“ผู้หญิงคนนั้นชื่อมัลลิกา เธอมีน้องชายคนหนึ่ง”
“มัลลิกา?”เทาเท่ขมวดคิ้ว“ มัลลิกากับไกรภพคนละนามสกุลกันเลย”
เทาเท่ก็พูดต่อว่า “แต่ก็ตัดความเป็นไปได้ที่ว่าไกรภพอาจจะเปลี่ยนชื่อในภายหลังก็ได้”
“ครับ”จอนห์พูดต่อ“ ตอนนั้นเธอเกิดเรื่องขึ้น เพราะเป็นเมียน้อย พ่อแม่ของเธอก็จึงถูกชาวบ้านพากันรังเกียจและหัวเราะเยาะ แม่ของเธอทนกับถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามไม่ได้จึงกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ”
เทาเท่ตกใจมาก“กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ?”
เนียร์กระโดดน้ำตาย เทาเท่อดไม่ได้ที่จะเอาการตายของแม่มัลลิกามาเชื่อมโยงกับของเนียร์
“พ่อของเธอล้มป่วยตั้งแต่ตอนนั้น ไม่นานก็เสียชีวิต ส่วนน้องชายของเธอ หลังจากที่คนเป็นพ่อเสียชีวิตก็ถูกส่งตัวไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่แล้วภายหลังเด็กคนนั้นก็หายตัวไป”
“หายตัวไป?”ฟังมาถึงตรงนี้ สัญชาตญาณของเทาเท่ก็สัมผัสได้ว่า ไกรภพน่าจะเป็นน้องชายของมัลลิกาที่หายตัวไป
แต่หลังจากที่หนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ไปต่างประเทศ ตอนนี้ก็ถือว่ามีชีวิตที่ดีพอสมควร ดูออกว่าไกรภพนั้นพยายามอย่างที่สุดจริงๆ
“เงินที่ตระกูลฟอเรนาชดใช้ให้พวกเขาในตอนนั้น ได้ยินว่าหลังจากที่น้องชายของเธอหายตัวไปคุณอาของเธอก็เก็บมันไว้เอง”จอนห์ได้รายงานประโยคนี้ให้เทาเท่ไปอีกคำ
เทาเท่ถามกลับเสียงเข้ม“ได้เช็กไหมว่าคุณอาคนไหนของพวกเขา และในช่วงนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ?”
หากไกรภพเป็นน้องชายของมัลลิกาจริง และเงินนั้นหากคุณอาคนไหนของพวกเขาเอามันไปโดยมิชอบ ด้วยนิสัยของไกรภพ จะต้องมาแก้แค้นครอบครัวของคุณอาคนนั้นอย่างแน่นอน
และแล้วก็ได้ยินจอนห์พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า“ครอบครัวของคุณอาคนนั้น เมื่อหลายปีก่อนเกิดอุบัติเหตุในระหว่างที่เดินทางไปท่องเที่ยว ทั้งครอบครัวถูกรถชนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ”
มาถึงตรงนี้ เทาเท่อาศัยความหลักแหลมที่มีมานานหลายปีของตัวเอง มั่นใจได้ว่าไกรภพก็คือน้องชายของมัลลิกาที่หายตัวไปคนนั้น และอุบัติเหตุของคุณอาคนนั้น ก็ย่อมต้องเป็นฝีมือของเขาที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
เทาเท่ถามอีกว่า “แล้วอุบัติเหตุครั้งนั้นทางตำรวจจัดการยังไง?”
จอนห์ตอบว่า “ รถที่ชนครอบครัวของคุณอาคนนั้นเป็นรถบรรทุกสินค้า เนื่องจากคนขับเหนื่อยล้าจากการขับรถ ภายหลังจึงถูกตัดสินจำคุกห้าปี แต่เข้าคุกได้ไม่ถึงปีก็พบว่าเป็นมะเร็งตับระยะลุกลาม ไม่นานก็เสียชีวิต”
เทาเท่ยิ้มเยาะ“มันเป็นนิสัยการทำงานของไกรภพทำลายผู้รู้เห็นเหตุการณ์ทุกคนให้สิ้นซาก”
จอนห์ที่อยู่ปลายสายพูดอย่างเป็นกังวลว่า “ประธานเทาเท่ ตอนนี้ก็แทบจะมั่นใจได้ ว่าไกรภพคือน้องชายของมัลลิกา หากเป็นแบบนี้ เป้าหมายต่อไปที่เขาจะเล่นงานก็คือตระกูลฟอเรนา ”
ตระกูลโดโนแวนเป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิด ไกอากับวีนาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้มัลลิกาต้องตาย การกระทำของไกรภพนั้นชั่วร้ายมาก ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรที่มันสิ้นคิดออกมาได้
จุดจุดนี้เทาเท่ก็คิดได้เช่นกัน เขากำชับจอนห์เสียงเข้ม“ส่งคนไปจับตามองเขาให้มากขึ้น ”
จอนห์รับคำ“ได้ครับ”
ในขณะที่เทาเท่กำลังจะกดวางสายของจอนห์ จู่ๆในใจก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา เขาก็สั่งกำชับจอนห์ไปอีกคำว่า“หาคนไปดูแลคุ้มกันคุณท่านและแม่ของฉันด้วย ”