ตอนที่ 374 เจ้ามีค่าคู่ควรหรือยัง
“น้องไท้ เจ้า…”
หานเฉิงมีสีหน้าตะลึงลานทำอะไรไม่ถูก
การฆ่าคนตายสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
แต่ว่าหลินเป่ยเฉินมีสถานะพิเศษ
เดิมทีหานเฉิงตั้งใจแค่อยากทำให้เด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสและพิการไปตลอดชีวิตเท่านั้น ทว่า หากลงมือถึงขั้นเสียชีวิต ปัญหาใหญ่ก็จะตามมาอีกมากมาย
“อะไรกัน? ท่านไม่เชื่อฟังข้าแล้วหรือ? ก็ได้ ในเมื่อท่านไม่เชื่อฟัง ข้าก็จะตายให้ท่านดูตรงนี้…”
ไท้เสว่เหมยเพิ่มน้ำหนักคมกระบี่ที่พาดอยู่ข้างลำคอของนาง ปรากฏรอยเส้นสีแดงขึ้นใต้คมกระบี่ขึ้นมาจริงๆ แล้ว
“อย่านะ ไม่…”
หานเฉิงร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนก “ตกลง ข้าจะฆ่าเจ้าลูกเต่าสองตัวนี้ให้เจ้าเอง”
หานเฉิงกระชับกระบี่ในมือหมุนตัวเดินเข้ามาหาพวกของหลินเป่ยเฉินกับเซียวปิงด้วยสีหน้าอำมหิต
ทุกคนบอกได้โดยทันทีว่าชายหนุ่มมีเจตนาสังหารจริงๆ
หานเฉิงหลงรักหญิงสาวรุ่นน้องหมดหัวใจ ไม่ว่าไท้เสว่เหมยต้องการสิ่งใด ต่อให้เขาต้องเสียชีวิตขายวิญญาณ หานเฉิงก็สามารถกระทำได้ทุกเรื่องราว
“พวกเราคุ้มครองหลินเป่ยเฉิน”
“เราต้องปกป้องวีรบุรุษแห่งเมืองหยุนเมิ่งเอาไว้ให้ได้”
ไม่รู้เหมือนกันว่าใครตะโกนขึ้นมาเป็นคนแรก แต่มันก็ทำให้เกิดเสียงตะโกนปลุกขวัญกำลังใจดังขึ้นรอบบริเวณ
แล้วพ่อค้าแผงลอยวัยประมาณ 40 เศษคนหนึ่งที่หลินเป่ยเฉินไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็เดินออกมายืนขวางหน้าเขาเอาไว้ พ่อค้าคนนี้มีร่างกายกำยำ ผิวหนังกร้านแดด บ่งบอกถึงชีวิตที่สมบุกสมบัน สีหน้าสงบสุขุม ไม่ปรากฏความหวาดกลัวแม้แต่น้อยยามเผชิญหน้ากับหานเฉิง
“เจ้าต้องผ่านศพข้าไปก่อน…” พ่อค้าคนนั้นส่งเสียงคำราม
แต่พูดยังไม่ทันจบประโยค
คมกระบี่ก็สาดประกายแวววาว
หานเฉิงใช้สันกระบี่กระแทกพ่อค้าคนนั้นปลิวกระเด็นออกไป
แต่กลับมีผู้คนจำนวนมากถลันกายเข้ามาขวางหน้าเขาเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า ลูกค้า หรือชาวเมืองที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ตาม…
ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่หลินเป่ยเฉินไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่ทุกคนกลับพร้อมใจกันออกมาปกป้องชีวิตของเขา
“พวกเรารีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่มือปราบเร็วเข้า…”
“เจ้าเป็นใคร กล้าอาละวาดที่นี่ได้อย่างไร…”
“คุณชายหลินยังจะมัวนั่งทำอะไรอยู่อีก รีบพาคุณชายอ้วนหลบหนีไปก่อนเถิด!”
เสียงตะโกนดังโวยวายฟังแทบไม่ได้ศัพท์
เซียวปิงหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินโดยทันที
แต่สีหน้าของหลินเป่ยเฉินบอกแก่เด็กหนุ่มร่างอ้วนอย่างชัดเจนว่า เขาเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้เช่นกัน
เพราะอะไรกัน?
หลินเป่ยเฉินไม่เคยรู้จักคนกลุ่มนี้เลยสักคน แล้วทำไมพวกเขาต้องยอมเสี่ยงชีวิตของตนเองปกป้องคนอย่างเขาด้วย?
หรือว่าความผิดในฐานะคนเสเพลอันดับหนึ่งประจำเมือง และเรื่องราวความชั่วร้ายที่เขาเคยทำเอาไว้ในอดีต จะถูกลบล้างไปหมดแล้วเมื่อหลินเป่ยเฉินได้รับตำแหน่งผู้มีพรสวรรค์ประจำเมือง?
แต่ความรู้สึกของคนเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ
หลินเป่ยเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
ยิ่งคิดก็ยิ่งตกตะลึง
ก่อนหน้านี้ เยว่หงเซียง ฮันปู้ฟู่ ฉู่เหินและคนอื่นๆ ยินดีสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องชีวิตของเขา เรื่องราวนี้หลินเป่ยเฉินสามารถเข้าใจได้ เพราะพวกเขานับเป็นกลุ่มเพื่อนตายสหายรัก สามารถมอบชีวิตให้แก่กันและกันได้เสมอ
แต่กลุ่มคนที่ยืนเป็นกำแพงมนุษย์ขวางอยู่ด้านหน้าเขาในขณะนี้น่ะสิ… แต่ละคนเป็นใครบ้างหลินเป่ยเฉินยังไม่รู้คำตอบ นับประสาอะไรจะรู้เหตุผลที่ทุกคนพร้อมใจกันยกขบวนออกมาปกป้องเขาเช่นนี้
แต่มันเป็นสิ่งที่น่าชื่นใจเหลือเกิน!
ผลั่ก! ผลั่ก! ผลั่ก!
บรรดาผู้ที่ยืนขวางทางต่างก็ลอยกระเด็นไปด้วยสันกระบี่ของหานเฉิง
แต่ก็ยังมีชายฉกรรจ์ขยับกายเข้ามาขวางทางทดแทนต่อเนื่อง
เซียวปิงเขย่าแขนหลินเป่ยเฉินเพื่อเรียกสติของเขาให้กลับคืนมา
พลัน หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มและระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนคนเสียสติ
“ทุกท่าน…”
เขาพูดเสียงดัง “ปัญหานี้ข้าเป็นคนก่อ ปล่อยให้ข้าแก้ไขมันเองเถิด”
แล้วกลุ่มคนที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าก็แหวกออกเป็นสองฝั่งทันที
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนและเดินออกไปเผชิญหน้ากับหานเฉิงผู้มีดวงตาแดงก่ำ
“เจ้าต้องการจะฆ่าข้าจริงๆ ใช่ไหม?”
เขาถาม
หานเฉิงกุมด้ามจับกระบี่แน่น สีหน้าแววตาบอกชัดถึงความอำมหิตดุดัน “ถูกแล้ว”
คมกระบี่สาดประกาย
หานเฉิงโจมตีด้วยพลังของปรมาจารย์ระดับที่ 6 เต็มอัตรา
คราวนี้ ชายหนุ่มไม่ออมมืออีกต่อไป ในจิตใจของเขามีแต่การฆ่าฟันเต็มเปี่ยม ไม่ว่าหลินเป่ยเฉินเลือกที่จะตั้งรับหรือตีโต้กลับ ผลสุดท้ายก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
“เฮ้อ…”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“ทำไมกันนะ?” แล้วกระบี่เล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
นี่คือกระบี่ที่เป็นประกายราวกับแสงจันทร์ มันมีสีเงินบริสุทธิ์สว่างไสว ดูสวยงามจนเหมาะสมที่จะเป็นเครื่องประดับมากกว่าอาวุธที่ใช้สังหารผู้คน
หลินเป่ยเฉินถือกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ
ทันใดนั้น ร่างกายของเขาพลันห่อหุ้มด้วยลำแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างแวววาว
หานเฉิงที่กำลังจะจู่โจมเข้ามาหยุดชะงักอยู่ตรงนั้น ลำแสงจากตัวหลินเป่ยเฉินแผ่ปกคลุมไปถึง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมา มิหนำซ้ำยังไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ในพริบตา
“ทำไมเจ้าต้องบังคับให้ข้าลงมือด้วย?”
หลินเป่ยเฉินเชิดหน้าขึ้น 45 องศา พยายามอวดใบหน้าข้างที่หล่อเหลาที่สุดของเขาให้ทุกคนได้เห็น
หานเฉิงซึ่งตกอยู่ภายใต้ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ยิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิม
ทุกผู้คนที่มุงดูอยู่รอบบริเวณถูกกลืนกินอยู่ภายใต้ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ สีหน้าของทุกคนบอกชัดถึงความสุขที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อน
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเทิดทูนหลินเป่ยเฉินจากหัวใจจริงๆ
ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะยังคงมีไพ่เด็ดอยู่ในมือที่สามารถใช้ต่อกรกับหานเฉิงได้อย่างนี้
“นี่คือกระบี่จันทราพิฆาต…”
หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองกระบี่ในมือและพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งใจ “นี่คืออาวุธที่ท่านนักพรตใหญ่ทิ้งเอาไว้ให้ข้าใช้ป้องกันตัว และพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในตัวกระบี่สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่กลับต้องเอามาใช้สังหารเจ้าเสียอย่างนั้น นับว่าน่าเสียดายจริงๆ…เจ้าทำให้ข้าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง”
หลินเป่ยเฉินพูดจบก็ชักสีหน้าด้วยความโกรธแค้น
เดิมทีนี่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ควรถูกใช้งานสำหรับการกำจัดสาวกปีศาจอีก 2 คนที่หลบซ่อนอยู่ในตัวเมือง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป่ยเฉินกลับต้องนำออกมาใช้งานในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอย่างนี้
“ในเมื่อพวกเจ้าเป็นฝ่ายอยากสังหารข้าก่อน…”
หลินเป่ยเฉินหันขวับกลับมามองหน้าไท้เสว่เหมยที่ยืนตกตะลึงอยู่ภายใต้ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ และพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าก็จงเตรียมตัวตายได้เลย”
พูดจบ หลินเป่ยเฉินก็แทงกระบี่เข้าใส่หานเฉิง
ชายหนุ่มดวงตาเบิกโตด้วยความโกรธแค้น แต่ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนสีหน้าอย่างชัดเจน
แต่ในทันใดนั้นเอง