บทที่ 273 คนหน้าด้านและไร้ยางอาย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ผมมาที่นี่เพื่อเชิญคุณเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกหน่วยฟ้าร้องที่เมืองจินในอีกสามเดือนข้างหน้า”

กับสิ่งที่ถังเหวินหลงพูดอย่างสบายๆ แต่เย่เทียนกลับลังเลอย่างมากและตัดสินใจไม่ถูก

ถ้าเขาตัวคนเดียว เขาจะตอบตกลงอย่างแน่นอนโดยไม่ลังเล

ไม่มีสิ่งอื่นใด เขาก็เป็นคนจีน และในใจของเขา เขาจะมีความคิดที่อยากจะทุ่มกายใจและหลั่งเลือดให้กับประเทศ

แต่ประเด็นคือ ตอนนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียว

แม้ว่าเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเย่แล้ว แต่เขายังมีตระกูลเฉินและมีครอบครัวเล็กๆกับเฉินหวั่นชิง!

แน่นอน ที่สำคัญที่สุดก็คือ ยังมีแก๊งกะโหลกที่แฝงตัวอยู่ในความมืดเหมือนงูพิษและอาจออกมาโจมตีได้ตลอดเวลา!

ในชาติที่แล้วเขาเคยทำให้เฉินหวั่นชิงผิดหวัง ดังนั้น ชาตินี้เขาจะไม่มีวันทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียใจอีก!

เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ เย่เทียนตั้งใจแน่วแน่ที่จะปฏิเสธ แต่ถังเหวินหลงผู้ซึ่งคอยเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของเย่เทียนมาโดยตลอดได้เอ่ยปากพูดออกมาก่อน

“ในฐานะที่ฟ้าร้องเป็นหนึ่งในสามของหน่วยที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศของเรา ที่ผ่านมาก็ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการฝึกฝนส่วนบุคคลมาโดยตลอด”

“ผมจะบอกคุณนะ ในหน่วยฟ้าร้อง คนไหนที่ทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นยาเม็ด”

ถังเหวินหลงจ้องไปที่เย่เทียนด้วยท่าทางขี้เล่น และพูดอย่างเย้ายวน “แม้ว่าภารกิจจะไม่ได้มีทุกวัน แต่ถึงแม้จะไม่มีงานใดๆ คุณก็สามารถได้รับยาอย่างน้อยหนึ่งเม็ดทุกเดือน”

“จะได้ยาเม็ดอะไรนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ แต่มันสามารถเร่งการฝึกฝนของคุณได้อย่างแน่นอน”

“เมื่อคุณไม่ได้อยู่ในภารกิจ เราก็ไม่ได้จำกัดคุณ คุณอยากทำอะไรก็ไปทำได้เลย”

เย่เทียนได้ยินคำพูดนี้ คำปฏิเสธที่อยู่ในลำคอของเขาถูกกลืนกลับเข้าไปในท้องของเขา

เกรงว่าจะไม่มีนักบู๊คนไหนจะสามารถปฏิเสธผลประโยชน์นี้ได้

การปรุงยาเป็นสิ่งที่ต้องใช้เงินมาก ยิ่งปรมาจารย์ปรุงยาก็หายากมาก การเข้าร่วมหน่วยฟ้าร้องนั้น ก็เหมือนได้รับการบ่งเพาะจากประเทศ ดังนั้นระดับการฝึกฝนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่หรือ?

แน่นอน สิ่งที่ทำให้เย่เทียนยากที่จะปฏิเสธคือประโยคสุดท้ายของถังเหวินหลง

“คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกผม เมื่อไม่ได้อยู่ในภารกิจสามารถทำได้ทุกอย่าง?”

ถังเหวินหลงพยักหน้าอย่างหนัก “เราจะให้อิสระแก่คุณอย่างเต็มที่”

“แม้กระทั่ง หากคุณประสบปัญหาหรืออะไรก็ตาม คุณสามารถติดต่อระบบในพื้นที่เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้”

หลังจากได้รับคำตอบที่ชัดเจน เย่เทียนก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและพยักหน้า “ตกลง ผมจะไปเข้าร่วมการแข่งขันในอีกสามเดือนข้างหน้า!”

เป็นเพราะผลตอบแทนนั้นดีมากจริงๆ มากจนเขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเลย

หน่วยฟ้าร้องเป็นหนึ่งในสามหน่วยที่ยอดเยี่ยมของจีน เป็นไปไม่ได้ที่เรื่องเล็กๆน้อยๆจะมอบให้หน่วยฟ้าร้องจัดการ ฉะนั้น ความเป็นไปได้ที่จะมีภารกิจไม่สูง อย่างมากก็เดือนละครั้งก็ถือว่าเยอะแล้ว

ไม่ต้องทำงานทุกเดือน แถมยังได้รับผลตอบแทน ใครปฏิเสธก็เป็นคนไร้สมองแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เป็นคนของหน่วยฟ้าร้อง อย่างกับกระบี่อาญาสิทธิ์ สามารถระดมระบบท้องถิ่นเพื่อช่วยทำธุระได้

สิ่งที่เย่เทียนไม่รู้ก็คือ ถึงเป็นเช่นนี้ แต่สมาชิกในหน่วยฟ้าร้อง แทบไม่เคยใช้ตัวตนของพวกเขาเพื่อไปหาเรื่องคนอื่นเลย

เหมือนอย่างที่เย่เทียนคิด หน่วยฟ้าร้องในฐานะหนึ่งในสามของหน่วยยอดเยี่ยม เรื่องที่ต้องให้พวกเขาไปจัดการนั้นไม่มากนัก แต่เมื่อเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องไปจัดการ มันต้องเป็นเรื่องของชีวิตและความเป็นความตาย!

มีเวลาไปอวดดีไปหาเรื่อง ฉวยโอกาสไปฝึกฝนและพัฒนาความสามารถตนเองจะไม่ดีกว่าไหม!

เพราะว่า ไม่มีใครแน่ใจว่าพวกเขาจะเสียชีวิตตอนไหนเมื่อพวกเขาออกไปปฏิบัติภารกิจ!

แน่นอนว่า ถังเหวินหลงผู้ซึ่งฉลาดจะไม่บอกสิ่งเหล่านี้ให้กับเย่เทียนอย่างชัดเจน

ก็เหมือนไปสัมภาษณ์งาน สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์บอกผู้สมัครมักเป็นด้านดีเสมอ สรุปคือ หลอกเข้ามาก่อนค่อยว่ากัน

“คุณไม่เลว ผมชื่นชมคุณ!”

หลังจากได้รับคำตอบ ถังเหวินหลงก็ตบไหล่เย่เทียนอย่างพึงพอใจ “เอาล่ะ อะไรที่ควรพูดผมก็บอกกับคุณหมดแล้ว ผมขอตัวก่อน!”

หลังจากพูดเสร็จ โดยไม่รอให้เย่เทียนตั้งตัว ถังเหวินหลงก็ดับบุหรี่ในมือของเขา หันหลังกลับและจากไปด้วยรอยยิ้มชิลล์ๆ

เย่เทียนจะรั้งโดยไม่รู้ตัว “เฮ้ ท่านถัง … ”

อย่างไรก็ตาม โดยไม่รอให้เย่เทียนพูดออกมา ท่านถังก็โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

“ถ้าคุณให้ผมอยู่ทานอาหารเย็นก็อย่าเลย แม้ว่าคนแก่อย่างผมจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังยุ่งกว่าพวกวัยรุ่นอย่างพวกคุณ!”

เย่เทียนได้ยินคำพูดนั้นก็ส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้ ละทิ้งความคิดที่จะรั้งถังเหวินหลงให้อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกัน

ส่วนคนอื่นๆ ยิ่งไม่มีใครสามารถรั้งถังเหวินหลงไว้ มองดูเขานำกลุ่มชายร่างใหญ่ในชุดเครื่องแบบทหารสีเขียวออกไปอย่างสง่าผ่าเผย

พูดตามจริงคือ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้รั้งเขา แต่เพราะพวกเขาไม่สามารถดึงสติกลับมาจากอาการช็อกได้เลย

เป็นเพราะระยะห่าง แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าถังเหวินหลงและเย่เทียนพูดอะไรกัน แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาทุกคนก็เห็นได้อย่างชัดเจน

ถังเหวินหลงมอบบุหรี่ให้เย่เทียนก่อน จากนั้นจึงตบไหล่ของเย่เทียน ซึ่งแสดงถึงท่าทีที่ถังเหวินหลงมีต่อเย่เทียนนั้นดีอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม เย่เทียนมีคุณธรรมและความสามารถอะไรกัน? จึงสามารถทำให้ถังเหวินหลงมีท่าทีเช่นนี้ต่อเขา?

มือของเฉินจุนเหอกำหมัดแน่น แม้ว่าเล็บของเขาจะฝังลึกอยู่ในเนื้อของเขา เขาก็ไม่ได้สังเกต

เพื่ออาณาจักรธุรกิจของตระกูลเฉิน เขาต่อสู้กับพี่น้องของเขาเฉินจงเหอมานานหลายสิบปี และแม้แต่รุ่นหลานก็ยังต่อสู้กันไม่อยู่

แต่ตอนนี้ จากความแข็งแกร่งที่เย่เทียนแสดงออกมา เฉินหยังยังมีความหวังไหม?

ในทางกลับกัน เฉินชังไห่และกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างเย่เทียน หัวเราะจนปากจะฉีกถึงหูละ

ผลประโยชน์ของพวกเขาแทบจะเรียกได้ว่าสัมพันธ์กับเย่เทียน ยิ่งเย่เทียนแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น จะไม่มีความสุขได้ไง?

ไม่ว่ายังไง หลังจากที่ถังเหวินหลงและกลุ่มอื่นๆไปแล้ว เฉินหวั่นชิงซึ่งกลับมารู้สึกตัวและจากได้รับคำเตือนจากผู้จัดการโรงแรมให้ทุกคนเข้าไปนั่งในโต๊ะ

อันที่จริง ในหัวของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวย เธอทำได้เพียงระงับความอยากรู้ในใจของเธอ เดี๋ยวกลับไปค่อยไปถามเย่เทียน

แม้แต่เฉินหวั่นชิงก็เป็นแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแขกคนอื่นๆเลย ความสงสัยอยากรู้ในใจของเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นคนที่อยู่ในวงการธุรกิจและการเมือง และพวกเขาค่อนข้างฉลาด นอกจากสายตาที่มองดูเย่เทียนซับซ้อนแล้ว ​​แต่ใบหน้าของพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก

อย่างไรก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าบริกรของโรงแรม คนกลุ่มใหญ่จึงนั่งลงที่โต๊ะจัดเลี้ยง

ส่วนเย่เทียน หลังจากผ่านเรื่องต่างๆแล้ว ได้รับเชิญให้ไปที่โต๊ะหลักโดยไม่ต้องสงสัย ได้นั่งร่วมกับดาววันเกิดวันนี้เฉินชังไห่ นายท่านฉิน นายท่านจี้และคนใหญ่คนโตคนอื่นๆในเจียงหนัน

อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่ไปนั่งยังไม่ทันเงียบ ก็มีเสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งจากคนใช้ที่อยู่นอกห้องจัดเลี้ยง

“ตระกูลเจิ้นแห่งเจียงหนัน คุณชายใหญ่เจิ้นมา!”

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเฉินชังไห่และสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลเฉินก็มืดมนลงมาทันที

ไม่มีผิด เฉินหยังได้บอกทุกอย่างที่เจิ้นเซ่าเฉินทำจนหมด คิดไม่ถึงว่าเจิ้นเซ่าเฉินยังมีหน้ามาที่นี่อีก ช่างหน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ