ตอนที่ 1599 แขกจากวิหารมารโลหิต (2)
นั่นคือศิษย์คนแรกที่ถูกเชิญออกในประวัติศาสตร์ของสำนักธาราเมฆ!
“ถ้าข้าจำไม่ผิด กู่อิ่งอยู่สาขาพลังวิญญาณใช่ไหม? เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการรักษาตั้งแต่เมื่อไร? รู้วิธีรักษาคนจริงๆหรือ?” ชายชราตัวเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
เทียนเจ๋อกล่าวว่า “วิหารมารโลหิตอธิบายว่าพวกเขาไม่อยากฝ่าฝืนกฎของสำนักธาราเมฆ แต่ที่กู่อิ่งต้องออกจากสำนักก็เพราะอุบัติเหตุในวันนั้น ยังไงก็ยังนับว่าเป็นศิษย์ของสำนักธาราเมฆอยู่ การให้เขานำยารักษามาให้สวี่มู่ก็ถือว่ายังอยู่ในกฎ”
วิหารมารโลหิตไม่ได้โง่เลย พวกเขารู้ว่าไม่มีใครสามารถเปลี่ยนกฎของสำนักธาราเมฆได้ จึงได้คิดหาวิธีการเช่นนี้มา
แต่……
การกลับมาของกู่อิ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย
สำนักธาราเมฆยอมให้ศิษย์สู้กันได้และไม่เคยถามอะไรเลย คนส่วนใหญ่แม้ว่าจะขัดแย้งกันยังไง ก็ยังลงมืออย่างมีขอบเขต แต่กู่อิ่งไม่เคยรู้ว่าขอบเขตคืออะไร เขาเป็นเครื่องจักรสังหาร ไม่เคยปล่อยให้คู่ต่อสู้มีชีวิตรอดเลยสักครั้ง และเหตุผลที่ลงมือก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ตัวเองล้วนๆ
กู่อิ่งเข้าสำนักธาราเมฆมาได้แค่ปีเดียว ศิษย์จากวิหารต่างๆที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขามีจำนวนนับไม่ถ้วน ในปีนั้นวิหารอื่นๆไม่มีคนที่มีพลังร้ายกาจเหนือคนอื่นอย่างพวกของเฉียวฉู่ พลังของกู่อิ่งนั้นโดดเด่นอย่างมาก ต่อให้วิหารอื่นร่วมมือกันโจมตี ก็ไม่สามารถเอาชนะวิธีการแบบผีเข้าผีออกและความโหดร้ายของเขาได้
เขาอยากฆ่าก็ฆ่า ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดมารองรับ
แค่เพราะเขาคิดว่าดวงตาของเด็กสาวคนหนึ่งสวยน่ามอง เขาก็ตัดหัวเด็กสาวคนนั้น ควักลูกตาออกมาและเอาใส่ขวดไว้เพื่อชื่นชมมัน ความกระหายเลือดของเขาทำให้เขาถูกสำนักธาราเมฆเชิญออกโดยใช้ข้ออ้างว่าอนุญาตให้เขาออกเดินทางเป็นเหตุผลในการไล่เขาออกจากสำนักธาราเมฆ
แต่เทียนเจ๋อคิดไม่ถึงว่า หลังจากนั้นไม่กี่ปี กู่อิ่งจะกลับมา!
“ไอ้พวกฉลาดแกมโกง รู้จักใช้กฎมาต่อรอง” ชายชราตัวเล็กยิ้มเหยียด “ช่างเถอะ ให้เขาเข้ามา ข้าอยากเห็นเหมือนกันว่าวิหารมารโลหิตจะทำให้เกิดระลอกคลื่นอะไรในสำนักธาราเมฆของข้าได้”
“ขอรับ” เทียนเจ๋อรับคำสั่ง
“เอาล่ะ เจ้าเองก็ไสหัวไปได้แล้วไป” อารมณ์ดีๆถูกทำลายหมด ชายชราเอาสองมือไพล่หลังและเดินช้าๆไปทางห้องทำงานของเขา
เทียนเจ๋อรีบถ่ายทอดคำสั่งของชายชราไปยังคนจากวิหารมารโลหิต
ไม่กี่วันต่อมา หลินเฮ่าอวี่มาเคาะประตูห้องของกู่ซินเยียน ช่วงนี้ชีวิตเขาเหมือนตกอยู่ในนรก บวกกับการที่กู่ซินเยียนเหินห่างเย็นชากับเขาเพราะเขาแอบไปหาสวี่มู่ หัวใจของสวี่มู่ราวกับมีกองไฟเผาไหม้อยู่ภายใน ทำให้เขาอยากปลดปล่อยไฟกองนั้นออกมาเผาไหม้ทุกสิ่งที่เขาเกลียด
“เจ้ามาทำไม?” กู่ซินเยียนเปิดประตูออกมาก็เห็นหลินเฮ่าอวี่ยืนอยู่ นางจึงขมวดคิ้วทันที และปิดประตูโดยไม่รู้ตัว
หลินเฮ่าอวี่รีบยื่นมือไปจับประตูไว้ ไม่ให้นางได้มีโอกาสปิดประตู
“เจ้าต้องการอะไร?” กู่ซินเยียนมองหลินเฮ่าอวี่อย่างไม่พอใจ
หลินเฮ่าอวี่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ซินเยียน เจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือ? ข้ารู้ว่าข้าผิด ข้าควรฟังที่เจ้าห้าม ไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ยั้งคิด แต่เจ้าจะไม่พูดกับข้าเพราะเรื่องนี้จริงๆหรือ? เจ้าก็รู้สถานการณ์ของวิหารมารโลหิตในตอนนี้ดี ถ้าเรายังทะเลาะกันเองอยู่แบบนี้ แล้วคนอื่นๆจะทำยังไง?”
“เฝ้าดูและเคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้” กู่ซินเยียนไม่สนข้ออ้างนี้
“ข้ามาหาเจ้าวันนี้ ไม่ได้จะมากวนใจเจ้า แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องบอกเจ้า” หลินเฮ่าอวี่จนปัญญาแล้ว จึงทำได้แค่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง