บทที่ 156 จิตใจมนุษย์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 156  จิตใจมนุษย์

สถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอาคารประมูลตระกูลมี่ เด็ก ๆ ที่มองผ่านจอภาพวิเศษต่างเห็นได้อย่างชัดเจน

แต่เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่ชายชราจากสวนร้อยพฤกษาตะโกนแอบอ้างว่าสูตรโอสถนี้เป็นของพวกเขา เหตุการณ์นี้ทำให้เด็ก ๆ นั้นตกตะลึงเป็นเวลานานก่อนจะพูดถามว่า

“ท่านพ่อ โอสถนั่นเป็นโอสถที่ท่านหลอมขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ?” หลิงยู่ชานพูดขึ้น

“ถูกต้อง!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า

“แล้วทำไมชายชราคนนั้นถึงบอกว่ามันเป็นสูตรโอสถของสวนร้อยพฤกษาของเขาล่ะท่านพ่อ? และเขายังบอกอีกว่ามันถูกตระกูลมี่ขโมยมา?” หลิงไช่หยุนถามอย่างงุนงง

ถังชี่หยุนหัวเราะ “นี่แหละคือความซับซ้อนของหัวใจมนุษย์! เมื่อทุกคนรู้คุณค่าของโอสถกำเนิดรากฐานและสาเหตุที่พวกเขาทุกคนมาในวันนี้นั้น พวกเขาล้วนตั้งใจมาซื้อโอสถกำเนิดรากฐานเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมโอสถของพวกเขาวิเคราะห์และอ้างว่าเป็นสูตรหลอมโอสถพวกเขาเอง พวกเขาต้องการที่จะใช้สูตรของโอสถกำเนิดรากฐานเพื่อเพิ่มพูนชื่อเสียงของสำนักพวกเขาให้โด่งดังยิ่งขึ้น”

“และเพื่อทำให้แผนการของพวกเขาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น พวกเขาจึงต้องรีบแข่งกันวิเคราะห์สูตรของมันให้เสร็จก่อนเป็นสำนักแรก เมื่อสำนักไหนวิเคราะห์เสร็จก่อน พวกเขาจึงสามารถใช้ข้ออ้างในการกล่าวหาตระกูลมี่ ว่าตระกูลมี่ขโมยสูตรโอสถจากพวกเขามาเพื่อแสดงความชอบธรรมในการเป็นเจ้าของสูตรที่พวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่เช่นนั้นต่อให้พวกเขาจะสามารถแกะสูตรโอสถกำเนิดรากฐานเหล่านี้ได้ ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับก็มีแค่เพียงการหลอมโอสถใช้ได้ในสำนักตนเองเท่านั้นส่วนในเรื่องการเพิ่มพูนชื่อเสียงของพวกเขา ชื่อเสียงเหล่านั้นก็จะยังคงตกไปอยู่ที่ตระกูลมี่หากพวกเขาไม่กล่าวอ้างความเป็นเจ้าของแบบนี้ ซึ่งในข้อนี้แน่นอนว่าพวกเขายอมรับไม่ได้ และตอนนี้ดูเหมือนว่าสวนร้อยพฤกษาจะนำหน้าสำนักอื่น แต่ข้ายังสงสัยว่าคนจากสำนักอื่นยินดีที่จะปล่อยผลประโยชน์นี้ให้กับสวนร้อยพฤกษาหรือเปล่า”

“คนพวกนี้เลวจริง ๆ!” หลิงว่านถิงตะโกนขึ้นอย่างโกรธเคือง

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “พวกเจ้าทุกคนจงจำไว้ในโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ ยังมีคนบางกลุ่มที่เลวกว่าพวกเขาเสียอีก! ในอนาคตเมื่อเจ้าท่องไปในยุทธภพ เจ้าต้องระมัดระวังและไม่หลงกลผู้อื่น”

 “ท่านพ่อ ท่านรีบไปฆ่าพวกมันเร็วเข้า!” หลิงไช่หยุนรีบพูด

หลิงตู้ฉิงหัวเราะกับท่าทีของหลิงไช่หยุน “เจ้านั่งดูเฉย ๆ เถอะ”

ในเวลานี้ภายในอาคารประมูลตระกูลมี่ หลายคนกำลังมองไปที่ชายชราที่สวมหน้ากากด้วยความตกตะลึงและโกรธเคือง “ระยำเอ๊ย! ให้ตายเถอะพวกเราถูกสวนร้อยพฤกษาแย่งไปแล้ว!”

หลายคนจากสำนักต่าง ๆ ก่นด่าในใจ แต่พวกเขาเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน เนื่องจากปรมาจารย์หลอมโอสถของทางฝั่งพวกเขาในตอนนี้ยังวิเคราะห์ไม่เสร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงทำอะไรได้ไม่มากนัก

เมื่อมี่ตั้วตั้วได้ยินคำพูดของชายชราที่สวมหน้ากากใบหน้าของเขาก็มืดลง เขารู้ดีว่าตอนนี้ปัญหาใหญ่กำลังเกิดขึ้นแล้ว

ผู้ดำเนินการประมูลจากตระกูลมี่พูดอย่างโกรธเคือง “ข้าขออภัยที่ข้าต้องเตือนท่านตรง ๆ แต่ได้โปรดท่านอย่าได้สร้างข่าวลือเช่นนี้ได้ไหม โอสถกำเนิดรากฐานเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์หวงแห่งตระกูลมี่ของเรา เขาจะขโมยสูตรโอสถของสวนร้อยพฤกษาของท่านได้อย่างไร?”

“ถึงแม้ว่าสำนักสวนร้อยพฤกษาของข้า จะไม่ได้มุ่งเน้นทางด้านการฝึกบ่มเพาะเป็นหลัก สำนักของข้านั้นมุ่งเน้นแต่เต๋าการหลอมโอสถเพียงอย่างเดียว ซึ่งโอสถส่วนใหญ่ในอาณาเขตทะเลชางหมางที่วางขายอยู่ล้วนหลอมมาจากสำนักของข้าทั้งนั้น” ชายชราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “แล้วเหตุผลที่ทำไมข้าถึงบอกว่าสูตรโอสถนี้เป็นของสวนร้อยพฤกษาของเรานั่นก็เพราะว่าข้าเป็นคนหลอมมันขึ้นมา หากพวกเจ้าไม่เชื่องั้นก็ดูซะว่าข้าเป็นใคร!”

ในขณะที่พูดจบ ชายชราผู้นั้นถอดหน้ากากบนใบหน้าของเขาออกและชายชราที่ใบหน้าดูเหมือนนักปราชญ์ก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

“จักรพรรดิโอสถ หวางฟู่ฉี!” บรรดาคนที่จำหน้าตาของเขาได้ต่างอุทานกันเสียงหลงออกมา

ชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างหลี่จือหลิงมองไปที่ชายชราอีกคนอย่างจนปัญญา เขาพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “สำนักสวนร้อยพฤกษา ลงทุนกับการมาครั้งนี้จริง ๆ แม้กระทั่งจักรพรรดิโอสถของพวกเขายังมาด้วยตัวเอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาใช้เวลาเพียงชั่วครู่เดียวในการวิเคราะห์สูตรของโอสถกำเนิดรากฐาน แต่จะให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกเขานี่มันช่างไร้ยางอายจริง ๆ พวกเขาไม่ลังเลที่จะนำชื่อเสียงของจักรพรรดิโอสถมาใส่ความตระกูลเล็ก ๆ อย่างนี้”

ชายชราอีกคนยิ้มอย่างขมขื่นและตอบกลับ “เฮ้อ…อย่างน้อย ๆ ข้าก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อยที่ข้าได้พ่ายแพ้ให้กับจักรพรรดิโอสถ”

ในอีกด้านหนึ่ง สำนักดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ้มอย่างขมขื่นเช่นกัน ปรมาจารย์หลอมโอสถของพวกเขาที่กำลังวิเคราะห์สูตรของโอสถกำเนิดรากฐานอยู่ในตอนนี้ เมื่อพวกเขาได้ทราบว่าจักรพรรดิโอสถลงทุนมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง พวกเขาจึงได้แต่ทำใจยอมรับในความพ่ายแพ้

หวางฟู่ฉีพูดขึ้นต่อ “เมื่อ 300 ปีก่อน ข้าเกิดความแคลงใจที่สิ่งมีชีวิตจำนวนมากในโลกไม่สามารถเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะได้ มันทำให้ข้าเกิดความรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าจึงปรารถนาอย่างยิ่งว่าข้าจะค้นคว้าโอสถเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่างผู้บ่มเพาะกับคนธรรมดาในช่วงชีวิตของข้าให้ได้”

“หลังจากการค้นคว้าเป็นเวลากว่า 200 ปี ในที่สุดข้าก็สำเร็จสูตรของโอสถข้าเมื่อปีก่อน ข้าเรียกโอสถนี้ว่า โอสถเปลี่ยนชะตา โอสถของข้าสูตรนี้ใช้เพื่อแก้ไขความบิดเบี้ยวไม่เท่าเทียมกันของชะตาสวรรค์ที่มอบให้แก่สรรพชีวิต เดิมทีข้าต้องการรอจนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรก่อนที่จะกระจายสูตรโอสถเปลี่ยนชะตา เพื่อให้ทุกคนที่ไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณสามารถเริ่มต้นเส้นทางแห่งการบ่มเพาะได้”

“แต่แล้วเมื่อสิบกว่าวันก่อน จู่ ๆ ก็มีคนมาบอกข้าว่าที่เกาะเทียนหยวนอันห่างไกลนั้นมีโอสถกำเนิดรากฐานที่สามารถช่วยคนสามารถสร้างรากฐานทางจิตวิญญาณของพวกเขาได้ ข้อมูลนี้ทำให้ข้าประหลาดใจอย่างมากเพราะสรรพคุณที่ผู้คนว่ากันนั้น มันเหมือนกับสรรพคุณของโอสถนี้ โอสถเปลี่ยนชะตา ของข้าอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!”

“ด้วยความที่ข้าสงสัยมากว่าทักษะการหลอมโอสถของปรมาจารย์คนไหนที่น่าทึ่งถึงขนาดสามารถหลอมโอสถที่มีสรรพคุณคล้ายคลึงกับโอสถของข้าได้ ดังนั้นข้าจึงเดินทางมาไกลแสนไกลและมาที่อาณาจักรจันทรานี้”

“แต่สิ่งที่ทำให้ข้าผิดหวังมากคือโอสถชนิดนี้ที่ถูกเรียกว่า โอสถกำเนิดรากฐาน สูตรของมันกลับถูกลอกเลียนมาจากสูตรของ โอสถเปลี่ยนชะตา ของข้ามาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน! น่าขันที่ตระกูลมี่ของเจ้า ใช้สูตรโอสถของข้ามาทำกำไรมากมายแถมเจ้ายังปิดบังการมีส่วนร่วมของข้าด้วย”

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหวางฟู่ฉี พวกเขาก็ตะลึงไปชั่วขณะ

แม้แต่ผู้คนจากหมู่บ้านดาบศักดิ์สิทธิ์ และผู้คนจากสำนักบุปผาจันทราก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พวกเขาทุกคนรู้จักชื่อเสียงของจักรพรรดิโอสถในฐานะผู้เชี่ยวชาญการหลอมโอสถที่ทรงพลังที่สุดในอาณาเขตทะเลชางหมางเป็นอย่างดี พวกเขาไม่สงสัยถึงความสามารถเลยว่า หวางฟู่ฉี มีความสามารถในการสร้างสูตรโอสถลักษณะนี้ แต่เรื่องราวทั้งหมดที่เขาเล่ามาครั้งนี้นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรือเปล่า?

“ท่านพ่อ ทำไมตาแก่คนนี้ทำท่าทางน้ำเสียงเหมือนเขาพูดความจริงได้ไม่มีผิดเพี้ยนถึงขนาดนี้ นี่เขาไม่หน้าด้านเกินไปหน่อยงั้นเหรอ?” หลิงยี่เทียนและคนอื่น ๆ มองไปที่หวางฟู่ฉีด้วยความประหลาดใจ โอสถนี้ถูกสร้างขึ้นใต้จมูกของพวกเขา พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเป็นของจริงหรือของปลอม?

หลิงตู้ฉิงพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “บางทีครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เขาพูดอาจจะเป็นความจริง ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ด้วยท่าทางที่ลุกลี้ลุกลน”

“หมายความว่าไง?” คนอื่น ๆ ล้วนไม่เข้าใจในความหมายของคำพูดหลิงตู้ฉิง

หลิงตู้ฉิงไม่ได้อธิบายรายละเอียด เขาทำแต่เพียงส่ายหัวและมองไปที่หวางฟู่ฉี

ในเวลานี้ใบหน้าของมี่ตั้วตั้วยิ่งดูมืดมนยิ่งขึ้น เมื่อเห็นสถานการณ์เลยเถิดมาถึงขั้นนี้เขาจึงเดินออกไปพร้อมกับพูดกับหวางฟู่ฉี “ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของจักรพรรดิโอสถมาเนิ่นนาน แม้แต่อาจารย์หลอมโอสถในตระกูลของข้ายังเคยเล่าถึงเรื่องของท่านให้ข้าฟัง เดิมทีข้าประทับใจในตัวท่านมาก แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าในวันนี้เมื่อข้าได้พบกับจักรพรรดิโอสถตัวจริง เขากลับเพียงแค่ตาแก่หน้าด้านที่แสวงหาชื่อเสียงในทางที่ไม่ถูกต้อง!”

มี่ตั้วตั้วย่อมรู้ความจริงดีว่าโอสถกำเนิดรากฐานเหล่านี้นั้นมาจากไหน เนื่องจากเขาเองทราบดีว่า จุดกำเนิดของสูตรโอสถนี้นั้นเริ่มมาจากเพราะหลิวเฟ่ยเฟ่ยเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถบ่มเพาะได้ ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงสร้างมันขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการบ่มเพาะของนาง แต่ตอนนี้จู่ ๆ จักรพรรดิโอสถไร้ยางอายผู้นี้กลับมาแสดงปาหี่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของสูตรโอสถอย่างหน้าด้าน ๆ

“หุบปาก! เจ้ากล้าดียังไงถึงหยาบคายกับจักรพรรดิโอสถ!” หลายเสียงรอบข้างตะโกนขึ้นอย่างอื้ออึง ซึ่งทำให้มี่ตั้วตั้วรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

“ข้าพูดผิดงั้นเหรอ?” มี่ตั้วตั้วหัวเราะเยาะไปยังหวางฟู่ฉี

ในขณะนี้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในหอประมูลล้วนโกรธมาก และต้องการที่จะเข้าโจมตีมี่ตั้วตั้วเพื่อเอาใจจักรพรรดิโอสถ

คนเหล่านี้บางคนได้รับผลประโยชน์จากจักรพรรดิโอสถ และบางคนก็เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถที่ยึดแบบอย่างมาจากจักรพรรดิโอสถอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงนับถือจักรพรรดิโอสถมาก

ตอนนี้มี่ตั้วตั้วดูหมิ่นจักรพรรดิโอสถ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะโกรธเป็นธรรมดา

หวางฟู่ฉีโบกมือหยุดไม่ให้คนอื่นพูด เขายิ้มและพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าก็ไปเรียกปรมาจารย์หลอมโอสถของเจ้าออกมา ข้าจะเผชิญหน้ากับเขาและเราจะได้รู้กันว่าเขาขโมยสูตรโอสถของข้าไปรึเปล่า? หรือไม่บางทีข้าเกรงว่าปรมาจารย์หลอมโอสถที่อยู่ในตระกูลของเจ้า อาจจะเป็นหนึ่งในศิษย์ทรยศของข้าก็เป็นได้!”