ตอนที่ 151 วางแผนร้ายล่วงหน้า

พ่ายรักวิวาห์ลวง

ปลายลิ้นน้อยๆ ลากผ่านบาดแผลของเขาลงไปเรื่อยๆ อย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล ยั่วยวนให้ใจเขาคันยุบยิบ ไม่ทันไรรอยเลือดทั้งหมดก็ถูกเวินหลานฉีกลืนเข้าไปจนสะอาดหมดจด

 

 

“อาเยี่ยนยังเจ็บอยู่ไหม” เวินหลานฉีเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ

 

 

ความโกรธเคืองนิดๆ แต่เดิมในใจฮั่วฉินเยี่ยนนั้นละลายหายไปกับดวงตาดุจสายน้ำของเธอเช่นกัน และจะไม่เอ่ยถึงอีกต่อไป

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนยิ้มจางๆ พลางส่ายหัว “ขอแค่เวินหลานฉีเลิกไม่สบายใจก็โอเคแล้ว ผมไม่เจ็บหรอก”

 

 

เวินหลานฉีถือโอกาสกระถดตัวลงไปอีกหน่อย หัวน้อยๆ ซบแขนกว้างของฮั่วฉินเยี่ยน ฮั่วฉินเยี่ยนขยี้ผมดำขลับของเธออย่างรักใคร่ แล้วใช้ปลายนิ้วสางอีกนิด แล้วลูบไปตามแนวเส้นผมบาง ตั้งแต่โคนจรดปลายเรื่อยๆ ราวกับกำลังปลอบโยนอารมณ์ไม่สบายใจของเวินหลานฉี

 

 

สิ่งที่เขามอบให้ตน คือตำแหน่งที่ผู้หญิงหลายคนเฝ้าฝันเชียวนะ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ขอแค่ตอนนี้ได้อยู่กับเขาก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเชื่อ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะผ่านมันไปด้วยกัน

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนกอดเวินหลานฉีจมลงสู่ห้วงนิทรา

 

 

เวินหลานฉีออกจากโรงพยาบาลในวันต่อมา เธอไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่เคยมีความทรงจำไม่ดีนี้อีกต่อไป อีกอย่างร่างกายของเธอก็ฟื้นตัวดีพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพักอยู่โรงพยาบาลต่ออีก

 

 

พอเวินหลานฉีกลับมาถึงบริษัท เสี่ยวมั่วก็รีบเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง ทั้งน้ำเสียงยังเจือแววสะอื้นฮัก ราวกับว่ายังคงโทษตัวเอง เรื่องกาแฟแก้วนั้นที่เกือบจะทำร้ายเวินหลานฉีเข้า

 

 

“ไม่เป็นไร ดูสิเนี่ยฉันก็ดีขึ้นแล้วไม่ใช่หรือไง แล้วเรื่องนี้ฉันไม่โทษเธอหรอก ถ้ารู้สึกอยากขอโทษก็ไปชงกาแฟมาให้ฉันสักแก้วหน่อยสิ” เวินหลานฉีก้มหน้ายิ้มเล็กน้อย

 

 

ความจริงเธอเคยถามเรื่องกาแฟแก้วนั้นกับฮั่วฉินเยี่ยนมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะไม่อยากให้เธอรู้อะไรมากนัก หากแต่ความหมายที่เผยออกมาในน้ำเสียงนั้น หมายความว่าเขาจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าเธอพอจะรู้แล้วว่าคือใคร

 

 

ช่างเถอะ ผู้หญิงพรรค์นั้นเหลือไว้ก็เป็นบ่อเกิดหายนะเปล่าๆ จัดการเร็วหน่อยก็ดีแล้วล่ะ ไม่ต้องถามอะไรฮั่วฉินเยี่ยนให้มากความด้วย เรื่องแบบนี้เขามักจะมีวิธีจัดการของตัวเองอยู่แล้ว เธอคิดว่าเธอคงไม่ต้องสอดมือเข้าไปยุ่งมากนักหรอก

 

 

ในตอนนี้เอง ภายในบ้านใหญ่สกุลฮั่ว ฮั่วเทียนเย่ว์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ และบันดาลโทสะใส่คนใช้

 

 

“ชานี้มันยังไง! ทำไมมันรสชาติแย่ขนาดนี้ ไม่มีดีกว่านี้แล้วเหรอไง!” ฮั่วเทียนเย่ว์โยนถ้วยชาลงบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม จนเศษกระเบื้องเกือบจะบาดขาสาวใช้ผู้มาเสิร์ฟน้ำชาเข้า

 

 

สาวใช้ซวนเซก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ด้วยอารามตื่นตระหนกอยู่บ้าง “คุณ…คุณท่าน มีแค่เท่านี้…ของดีๆ …ถูกนายน้อยเอาไปบริษัทหมดแล้ว และยังมีบางส่วนซึ่งนายน้อยเก็บสะสมไว้…” สาวใช้พูดอย่างงกๆ เงิ่นๆ ด้วยกลัวจะไปยั่วโมโหฮั่วเทียนเย่ว์ตรงไหนเข้า

 

 

มือของฮั่วเทียนเย่ว์กำหมัดแน่นและออกแรงทุบโต๊ะ เพลิงโทสะในดวงตาราวกับจะเผาไหม้โต๊ะเก้าอี้ตรงหน้าให้เป็นจุณก็มิปาน

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยน หลังจากเรื่องคลิปวิดีโอครั้งก่อน เสียงวิจารณ์ต่อเขาของคนภายนอกไม่เพียงตะโกนเท่านั้น กลับกันยังดังมากกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ กลับไม่เป็นประโยชน์ต่อพ่อคนนี้อย่างเขาเสียด้วยซ้ำไป คำพูดวิพากษ์วิจารณ์นั้นนับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็ไม่สบายใจยิ่งนัก

 

 

ส่วนฮั่วจวินก็ไม่รู้ว่าวิ่งหนีไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ คาดว่าคงโดนฮั่วฉินเยี่ยนกดขี่ จนไม่กล้าโผล่หน้าออกมาละมั้ง ถึงอย่างไรครั้งก่อนเขาก็ลักพาตัวผู้หญิงคนนั้นไปไม่ใช่เหรอไง คาดว่าฮั่วฉินเยี่ยนคงจะเกลียดเขาเข้ากระดูกไปแล้ว

 

 

เมื่อคิดถึงคนแก่บ้านอื่น อายุสี่ห้าสิบปีก็คงจะเพลิดเพลินกับช่วงเวลาความสุขของครอบครัว ที่ได้อยู่รวมตัวกันถ้วนหน้า ส่วนตนน่ะเหรอ นอกจากตัวจะอยู่กับสงครามภายในวงศ์ตระกูลแล้ว ทรัพย์สมบัติและลาภยศที่เดิมทีเป็นของตน ก็โดนฮั่วฉินเยี่ยนยึดไปจนหมด พอคิดถึงตรงนี้ จากเดิมฮั่วเทียนเย่ว์ไม่พอใจฮั่วฉินเยี่ยนลูกชายคนนี้อยู่แล้ว ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกลียดแทนที่

 

 

เดิมทีตงหยวนกรุ๊ปจะได้เป็นของตน แต่ฮั่วฉินเยี่ยนบีบบังคับตนทีละก้าวๆ แบบนี้ บีบตนให้อยู่ในทางตันเช่นนี้ สายตาของฮั่วเทียนเย่ว์ทั้งเย็นชาและบึ้งตึง ฟันเสียดสีกันจนดังกึกๆ และกัดริมฝีปากล่างจนแทบจะเลือดออกอยู่รอมร่อ

 

 

ตอนนี้เขาไม่มีความรู้สึกฉันพ่อลูกกับลูกชายอย่างฮั่วฉินเยี่ยนคนนี้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งอยากจะกำจัดเขา แล้วแทนที่เขาเสียด้วยซ้ำ

 

 

กำ…กำจัดเขา?

 

 

ดูเหมือนว่า…จะเป็นความคิดไม่เลวเลยทีเดียว

 

 

แม้เขาฮั่วเทียนเย่ว์จะไม่มีอำนาจและอิทธิพล แต่เรื่องนี้…แค่ใส่ร้ายใครสักคนหรือ…บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ ดูเหมือนอาจจะเป็นไปได้

 

 

มุมปากของฮั่วเทียนเย่ว์ยกยิ้มอย่างยากจะสังเกตเห็น ครั้งนี้เขาต้องทำได้อย่างราบรื่นไร้ช่องโหว่ เขาไม่มีทางยอมทนใช้ชีวิตที่ถูกใครต่อใครดูถูกอีกแล้ว เขาต้องยึดและเข้าแทนที่ฮั่วฉินเยี่ยนให้ได้!

 

 

แผนการชั่วร้ายกำลังก่อเกิดขึ้นในใจของฮั่วเทียนเย่ว์ ความคิดชั่วร้ายนี้อย่างกับหมึกหก สีดำมืดค่อยๆ รุกเข้าเกาะกินเลือดเนื้อ ผิวหนัง กระดูกทีละนิดๆ จนกระทั่งกลืนจิตวิญญาณของเขา

 

 

ขณะฮั่วเทียนเย่ว์กำลังบ่มเพาะแผนการนี้อยู่ ทันใดนั้นก็มีเบอร์แปลกโทรเข้าเบอร์มือถือส่วนตัวของเขา เพื่อหลบหนีคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ของพวกนักข่าวข้างนอก เขาจึงติดตั้งเบอร์ส่วนตัวไว้เบอร์หนึ่งโดยเฉพาะ และมีเพียงแค่คนสนิทเท่านั้นที่รู้…แม้คนสนิทของเขาแทบจะมีอยู่ไม่กี่คนก็ตาม

 

 

เวลานี้…จะเป็นใครได้ล่ะ

 

 

ฮั่วเทียนเย่ว์รับสายโทรศัพท์ “ฮัลโหล…”

 

 

“พ่อ! นี่ผมเองนะ ผมจวินเอ๋อร์…” เสียงของฮั่วจวินดังขึ้นมาจากปลายสาย เขาพยายามอย่างสุดความสามารถ ในที่สุดก็หาช่องทางติดต่อเบอร์ส่วนตัวของฮั่วเทียนเย่ว์ได้ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเขายังคงตัดขาดจากโลกภายนอก ถึงขั้นติดตั้งเบอร์ส่วนตัวอีกด้วย หลังจากฮั่วจวินโทรเข้าเบอร์เขาก่อนหน้า แล้วพบว่าเป็นเบอร์เปล่าไปแล้ว เพื่อจะติดต่อพ่อให้ได้ เขาต้องเปลืองแรงไปมากจริงๆ

 

 

เขาไม่กล้ามาหาฮั่วเทียนเย่ว์ที่บ้านใหญ่สกุลฮั่ว ถึงขั้นบอกด้วยว่าเขาไม่กล้าโผล่หน้ามาในเขตเมืองหลวงโดยสิ้นเชิง เขารู้ว่าตอนนี้ฮั่วฉินเยี่ยนยังคงตามหาเขาอยู่ แถมยังตามหาด้วยทัศนคติว่าไม่สำเร็จก็จะไม่หยุดอีกต่างหาก เขายังไม่ได้โง่ถึงขนาดจะวิ่งเข้าชนลูกปืนขนาดนั้น

 

 

หากแต่แผนการนี้ของเขา…จำเป็นต้องเป็นฮั่วเทียนเย่ว์เท่านั้น ไม่อย่างนั้นหากอาศัยเขาเพียงลำพัง คงจะไม่มีเงินมากขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่อยากติดต่อฮั่วเทียนเย่ว์มาอีกหรอก พอคิดถึงสีหน้าไม่ยอมช่วยเหลือตนของเขานั้น ในใจฮั่วจวินก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา

 

 

เพียงแต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึง คือพ่อที่แสนดีของตัวเองนั้นดันคิดตรงกันโดยบังเอิญ

 

 

“จวิน…จวินเอ๋อร์? นี่ลูกจริงๆ เหรอ” ฮั่วเทียนเย่ว์เก็บกลั้นความดีใจพลางพูดเสียงเบา แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องนอนและลงกลอนประตู

 

 

ถึงแม้บ้านใหญ่สกุลฮั่วจะเป็นบ้านของเขา แต่เขารู้ดี ว่าความคิดภายนอกคนใช้ในบ้านเหล่านั้นอยู่กับเขาที่นี่ แต่ในใจล้วนติดตามฮั่วฉินเยี่ยนอยู่ ถ้าพวกเขาได้ยินว่าตนติดต่อกับฮั่วจวินขึ้นมา คงไม่สนุกนักหรอก

 

 

“พ่อ! ผมเอง! ทำไมพ่อเปลี่ยนเบอร์ล่ะ ทำผมติดต่อพ่อไม่ได้เลย” ฮั่วจวินแสร้งทำท่าทางน่าเวทนา หมายจะเรียกร้องหาความรักที่มีต่อลูกในใจของฮั่วเทียนเย่ว์

 

 

“ใช่ว่าลูกจะไม่รู้จักพวกสื่อข่าวจุ้นจ้านพวกนั้นเสียหน่อย พวกมันตอแยพ่ออยู่เป็นประจำ จนทำอะไรไม่ได้ ต้องติดตั้งเบอร์ส่วนตัวนี่ไง จวินเอ๋อร์…ลูกยังมีชีวิตอยู่เหรอ พ่อนึกว่าลูกตายไปแล้วเสียอีก” ฮั่วเทียนเย่ว์ดีใจอยู่บ้าง เพราะอย่างไรเสียความคิดในใจของเขาเวลานี้ ก็ต้องการใครสักคนมาแบ่งปันร่วมกับเขา ทว่าตอนนี้ฮั่วจวิน ลูกชายแสนดีของเขาบังเอิญเข้ามารับบทนี้พอดิบพอดี

 

 

หน๊อย! ไอ้แก่ ยังจะสาปแช่งเขาอีกเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องจะร้องขอพ่อนะ ตนคงไม่ยอมเห็นน้ำหน้าของพ่ออย่างสิ้นเชิง

 

 

“พ่อ…ผมยังไม่ตาย ผมรอดพ้นจากความตายมานะ…พ่อเองก็รู้ ครั้งก่อนผมเกือบจะโดนฮั่วฉินเยี่ยนตีตายแล้ว! พ่อต้องรับผิดชอบแทนผมนะ…” ฮั่วจวินแสร้งพูดกับฮั่วเทียนเย่ว์ด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

 

 

“จวินเอ๋อร์ ลูกวางใจได้ พ่อคิดแผนการดีๆ ออกแล้ว ลูกรอก่อนนะ ครั้งนี้พอจะต้องแทนที่ฮั่วฉินเยี่ยนไอ้เด็กเวรนั่นให้ได้” ฮั่วเทียนเย่ว์หัวเราะอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

 

 

เขามีวิธี? ไอ้แก่อย่างเขาจะคิดวิธีดีๆ อะไรออกเหรอ ช่างเถอะ ฟังๆ ไปก่อนก็แล้วกัน ไม่แน่อาจจะ…ยืมดาบฆ่าคนก็ได้นะ

 

 

“พ่อ พ่อมีวิธีเหรอ” ฮั่วจวินแสร้งถามด้วยน้ำเสียงดีใจ

 

 

“แน่นอน ในเมื่อไม่มีวิธีบังคับให้ฮั่วฉินเยี่ยนถอยให้อย่างว่าง่าย งั้นก็…กำจัดมันซะ” ฮั่วเทียนเย่ว์พูดสามคำสุดท้ายออกมาอย่างโหดเหี้ยม ความโกรธแค้นจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาตอนนี้

 

 

“กำ…กำจัดมัน? พ่อ…พ่อเตรียมการไว้ยังไง” ฮั่วจวินประหลาดใจอยู่บ้าง เขาไม่รู้เลยว่าฮั่วเทียนเย่ว์ยังมีความกล้าหาญเช่นนี้ ดูท่าคงถูกลูกชายแสนดีของตัวเอง บีบจนไม่เหลือทางให้เดินแล้วสินะ แต่…มันเหมือนความคิดของตนเลยนี่ มุมปากของฮั่วจวินยกยิ้มเย็น ดูท่าครั้งนี้ตนจะโทรมาได้เวลาพอดี ไม่อย่างนั้นคงจะพลาดโอกาสดีๆ จะกำจัดฮั่วฉินเยี่ยนเอาได้

 

 

“ฉันเตรียม…” ฮั่วเทียนเย่ว์พูดพลางยิ้มชั่วร้าย “จวินเอ๋อร์ ลูกรอก่อนเถอะ ครั้งนี้พ่อจะต้องแทนที่ตำแหน่งของฮั่วฉินเยี่ยนให้ได้ ถึงตอนนั้นพ่อจะให้ลูกกลับมาอย่างเปิดเผย!” น้ำเสียงของฮั่วเทียนเย่ว์เจือแววตื่นเต้นอย่างยากจะปิดบังอยู่บ้าง

 

 

เมื่อฮั่วจวินได้ยินความคิดของฮั่วเทียนเย่ว์แล้ว ก็อดตกใจไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าจะตรงกับแผนการตัวเองโดยบังเอิญ แต่แบบนี้ก็ดี ไม่แน่อาจจะได้หยิบยืมมือของฮั่วเทียนเย่ว์กำจัดฮั่วฉินเยี่ยนได้

 

 

หากแต่…ไอ้แก่ฮั่วเทียนเย่ว์ อายุปูนนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะหันกลับมาบ้างไหม ตนวางแผนเผื่อไว้หน่อยจะดีกว่ามั้ง

 

 

“พ่อ! งั้นทุกอย่างนี้ก็พึ่งพ่อแล้วล่ะ! ผมจะรอข่าวดีจากพ่อนะ” ฮั่วจวินแสร้งทำทีตื่นเต้น เพื่อเติมเต็มความมั่นใจของฮั่วเทียนเย่ว์

 

 

“หึ ลูกวางใจได้เลย” ฮั่วเทียนเย่ว์เอ่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ

 

 

“อ้อ ใช่สิพ่อ…ชีวิตนี้ของผมลำบากยากแค้นจริงๆ พ่อก็รู้ว่าฮั่วฉินเยี่ยนตามสืบหาผมไปทั่วเมือง ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว พ่อให้เงินก้อนผมสักหน่อยได้ไหม…” ฮั่วจวินถือโอกาสเสนอคำขอของตัวเอง

 

 

“ไม่มีปัญหา ลูกจะเอาเท่าไรเอาเลขบัตรมา พ่อจะโอนให้…” ฮั่วเทียนเย่ว์ที่ตกอยู่ในท่าทีภูมิอกภูมิใจ ตอบรับคำขอของฮั่วจวินไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

 

 

“ครับ! ขอบคุณครับพ่อ!” ฮั่วจวินยกยิ้มมุมปาก ในใจคิดแผนการดีๆ ออกนานแล้ว ว่าจะหลอกใช้ฮั่วเทียนเยว์กำจัดฮั่วฉินเยี่ยนอย่างไรดี เพียงแต่เขาไม่รู้ ว่ากลับกันเขาก็ถูกฮั่วเทียนเย่ว์หลอกใช้เช่นกัน

 

 

หลังจากวางสาย ฮั่วเทียนเย่ว์ก็เก็บสีหน้าดีอกดีใจ มุมปากค่อยๆ ยกยิ้มเย็น…

 

 

ผู้เป็นพ่อรู้จักลูกชายตัวเองดี ในใจฮั่วจวินคิดอะไร ทำไมฮั่วเทียนเย่ว์จะไม่รู้ หากเทียบกับตนแล้ว ฮั่วจวินยังอ่อนหัดกว่าเสียด้วยซ้ำไป ถึงแม้ทำแบบนี้จะทำให้ตนไม่เหลือลูกชายเลยสักคน แต่เขาก็ไม่เสียใจ! อย่างไรเสียเขาก็กระหายลาภยศมานานเกินไปแล้ว

 

 

พระอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับภูเขา ฮั่วฉินเยี่ยนมองนาฬิกา แล้วพบว่าได้เวลาแล้ว เขาจึงเดินออกจากห้องทำงานไปข้างล่าง เพื่อเตรียมตัวจะไปรับเวินหลานฉีเลิกงาน ช่วงนี้มีเรื่องมากมาย จนเขาไม่ได้กินข้าวกับเธออย่างเต็มที่เลย และก็ไม่รู้ว่าเธอจะตำหนิตัวเองหรือเปล่านะ