ตอนที่ 152 สถานการณ์เฉียดตาย

พ่ายรักวิวาห์ลวง

เวินหลานฉีเหยียดเอวคลายเมื่อย เวลาผ่านไปหนึ่งวันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอง่วนอยู่กับงานตลอดทั้งวัน ไม่รู้ว่าตอนนี้ฮั่วฉินเยี่ยนกำลังทำอะไรอยู่นะ ขณะกำลังคิดอยู่นั้นหน้าจอโทรศัพท์ ก็ปรากฏคนโทรเข้ามาเป็นชื่อฮั่วฉินเยี่ยน

 

 

เวินหลานฉีรับโทรศัพท์อย่างดีใจอยู่บ้าง

 

 

คนที่กำลังคิดถึงบังเอิญคิดถึงคุณเหมือนกัน นับเป็นเรื่องมีความสุขมากจริงๆ

 

 

“ฉีฉี ผมกำลังลงจากตึก รีบลงมาเถอะ” เสียงของฮั่วฉินเยี่ยนปลายสายดังขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว

 

 

เวินหลานฉีเดินไปริมหน้าต่าง พอเห็นเงาของฮั่วฉินเยี่ยนยืนตระหง่าน พิงต้นไม้อยู่ข้างล่างตึก และกำลังเงยหน้ามองขึ้นมาทางเธอเล็กน้อย ด้วยรอยยิ้มพัดผ่านเข้ามาในก้นบึ้งใจเธอเบาๆ อย่างกับแสงอาทิตย์ก็มิปาน

 

 

“โอเค ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ คุณรอฉันแป๊บนึงนะ”

 

 

เวินหลานฉีวางสายลง เธอจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย แล้วเดินลงจากตึกไป เธอเดินลงจากตึกไปพลาง ก็พลอยสั่งคนในออฟฟิศ ว่าห้ามทำโอทีและให้เลิกงานก่อนเวลา

 

 

เวินหลานฉีเดินออกมาด้วยใบหน้าประดับยิ้ม โดยทิ้งให้พนักงานข้างหลังได้แต่มองกันไปมา แต่พอเห็นว่าอารมณ์ของเวินหลานฉีดีขนาดนี้ พวกเขาก็ค่อยสบายใจ อย่างไรเสียใครๆ ต่างก็หวังจะเห็นเวินหลานฉีอารมณ์ดีหน่อย

 

 

ทันทีที่ขึ้นรถ ไม่รู้ว่าฮั่วฉินเยี่ยนเอาดอกกุหลาบช่อหนึ่งมาจากไหน เวินหลานฉีรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ใบหน้าของเธอกลับประดับด้วยรอยยิ้มเขินอาย

 

 

“อาเยี่ยน วันนี้ไม่ใช่เทศกาลอะไรสักหน่อย ส่งดอกไม้ให้ฉันทำไมเหรอ” เวินหลานฉีถามอย่างดีใจ

 

 

“ทำไม ไม่มีธุระอะไรแล้วจะให้ดอกไม้ภรรยาไม่ได้เหรอ” ฮั่วฉินเยี่ยนลูบหัวเวินหลานฉี พร้อมทั้งเอ่ยพูดยิ้มๆ

 

 

ใบหน้าของเวินหลานฉีค่อยๆ ขึ้นริ้วแดงเลือดฝาด ผู้หญิงที่ไหนจะไม่ชอบผู้ชายให้ดอกไม้ตัวเองกันล่ะ แน่นอนว่าเธอก็ไม่ต่างกัน

 

 

พอกลับถึงบ้าน ฮั่วฉินเยี่ยนเรียกให้เวินหลานฉีมานั่งบนโซฟา ส่วนตนก็เข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเอง หลังจากกินข้าวแล้ว ทั้งสองก็ขึ้นเตียงอย่างชื่นมื่น เป็นค่ำคืนอันแสนสุขอีกครั้ง…

 

 

เวินหลานฉีตื่นขึ้นในวันถัดมาอย่างขุ่นเคือง เมื่อพบว่าเป็นเวลาเที่ยงวันอีกแล้ว…ฮั่วฉินเยี่ยนนี่สามารถทำแล้วทำเล่าได้เกินไปแล้ว ช่าง…คิดไปคิดมาใบหน้าของเธอก็แดงแปร๊ดขึ้นมา

 

 

ขณะที่ทั้งสองคนด้านนี้กำลังหวานปานน้ำผึ้งกันนั้น กลับกันแผนการร้ายอีกด้านหนึ่งยังคงดำเนินต่อไป

 

 

ฮั่วเทียนเย่ว์คิดว่าจำเป็นต้องไปพบฮั่วจวินสักครั้ง และตั้งใจสืบหาเหตุการณ์จริงไปด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไอ้เด็กเวรนี่ทำเรื่องดีๆ ของตนเสียเรื่อง แม้ลูกชายของเขาคนนี้จะได้รับความโปรดปรานจากเขามาตั้งแต่เด็ก แต่สมองก็ยังคงใช้การไม่ได้ ซึ่งเทียบกับฮั่วฉินเยี่ยนแล้วยังต่างชั้นอยู่มาก เขายังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็ต่อสายหาฮั่วจวิน

 

 

“จวินเอ๋อร์อา ช่วงนี้สบายดีไหม ตอนนี้ลูกอยู่ไหนเหรอ” ฮั่วเทียนเย่ว์พยายามแสร้งทำให้น้ำเสียงของตน คล้ายกับพ่อคิดถึงลูกคนหนึ่งอย่างสุดความสามารถ

 

 

“พ่อ? ผมอยู่บ้านชั้นเดียวเล็กๆ แห่งหนึ่งแถบชานเมือง…” เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากฮั่วเทียนเย่ว์ ฮั่วจวินก็แอบคิดในใจ ตนยังไม่ติดต่อไปเลย แต่พ่อก็เป็นฝ่ายติดต่อมาหาเขาถึงที่

 

 

พ่อลูกคู่นี้ต่างคิดร้ายต่ออีกฝ่ายในใจ ทว่ากลับไม่รู้ใจกันและกันเลย

 

 

“งั้นสะดวกให้พ่อไปหาลูกไหม” ฮั่วเทียนเย่ว์ลองถามหยั่งเชิง

 

 

“สะดวกอยู่แล้วล่ะ พ่อ ผมคิดถึงพ่อจะตายอยู่แล้ว!” ฮั่วจวินแสร้งตอบรับด้วยน้ำเสียงรอคอยเป็นอย่างมาก พอพูดจบเขาก็แทบจะสะอิดสะเอียนน้ำเสียงชวนเลี่ยนของตัวเองแทบไม่ไหว

 

 

“งั้นจวินเอ๋อร์ ลูกลองดูนะว่ายังขาดเหลืออะไรบ้างไหม ตอนพ่อไปจะได้เอาไปให้ลูกด้วย” เมื่อได้ยินฮั่วจวินรับปากจะให้ตนไปเจอหน้าเร็วขนาดนี้ ฮั่วเทียนเย่ว์ก็ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายอะไรนัก อย่างไรเสียเขาก็คิดว่าฮั่วจวินมีเรื่องจะขอร้องตน

 

 

ทั้งสองเจรจากันจบอย่างรวดเร็ว ฮั่วเทียนเย่ว์สั่งให้ลูกน้องไปซื้ออาหารดิบบางส่วน และของใช้ประจำวันที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้งยังสั่งให้คนตามมาด้วย ฮั่วเทียนเย่ว์ไม่กล้าเปิดเผยมากเกินไป เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ยังเป็นกังวลเรื่องของฮั่วฉินเยี่ยนอยู่บ้าง เขาไม่อยากให้ฮั่วฉินเยี่ยนรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าตนยังติดต่อกับฮั่วจวินอยู่ จึงให้คนเร่งไปเยี่ยมฮั่วจวินแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะดำเนินตามแผนการตัวเองไม่ได้

 

 

ครั้นแล้วเขาจึงพาคนเชื่อใจได้ไปแค่คนเดียว แล้วขับรถตรงไปยังสถานที่ตามฮั่วจวินบอก

 

 

ฮั่วจวินนัดเขาไปเจอที่ห้อง VIP ในบาร์แห่งหนึ่ง เหตุผลก็เพราะกลัวว่าบ้านชั้นเดียวนั้นจะโดนฮั่วฉินเยี่ยนจับตามองอยู่ แล้วพบว่าพวกเขาไปมาหาสู่กัน แต่ในบาร์มีทั้งคนดีและเลวปะปนกัน หนำซ้ำยังมีคนที่เขาคุ้นเคยอยู่บ้าง ตรงกันข้ามกลับจะสบายใจได้หน่อย

 

 

ฮั่วเทียนเย่ว์มาถึงห้อง VIP ในบาร์ตามที่ฮั่วจวินบอก ส่วนฮั่วจวินนั้นมารออยู่ที่นั่นนานแล้ว พอเห็นฮั่วเทียนเย่ว์ก็รีบเข้าไปต้อนรับทันที และแสร้งทำทีสนิทสนม ส่วนฮั่วเทียนเย่ว์ก็รับบทเป็นพ่อสุดที่รักคล้อยตามเจตนาฮั่วจวินไป

 

 

“จวินเอ๋อร์ลูก ดูสิพ่อเอาของพวกนี้มาให้ลูกพอไหม พ่อก็ไม่รู้ว่าลูกต้องการอะไรบ้าง และตอนนี้ก็ไม่มีวิธีให้ลูกกลับไปเร็วๆ เลยได้แต่ดูแลลูกอย่างสุดความสามารถเท่านี้” ฮั่วเทียนเย่ว์พูดอย่างไม่จริงใจ

 

 

ท้ายสุดแล้วฮั่วเทียนเย่ว์ก็ยังอายุมากกว่าฮั่วจวิน กลอุบายจึงมากกว่าฮั่วจวินหน่อย แต่ฮั่วจวินนั้นดูอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของฮั่วเทียนเย่ว์ ไม่ออก กลับคิดว่าฮั่วเทียนเย่ว์ถูกตนหลอกเสียด้วยซ้ำ

 

 

“พอแล้วๆ พ่อ รอแผนการพ่อสำเร็จก่อนเถอะ…หลังจากนั้นสกุลฮั่วจะเป็นของเราสองพ่อลูกแล้ว” ฮั่วจวินยักคิ้ว และพูดอย่างประจบสอพลอ

 

 

“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว รอพ่อกำจัดฮั่วฉินเยี่ยนไอ้ลูกเวรคนนั้นก่อน แล้วสกุลฮั่วที่เจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งนี้จะขาดลูกไปได้ยังไง” ฮั่วเทียนเย่ว์ใช้มือตบๆ ไหล่ของฮั่วจวิน พร้อมเอ่ยพูด

 

 

“จวินเอ๋อร์ลูก วันเวลาเหล่านี้ทำให้ลูกไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว พ่อรู้แค่ว่าหลังจากลูกลักพาตัวผู้หญิงคนนั้นครั้งก่อน ก็โดนฮั่วฉินเยี่ยนตามฆ่ามาโดยตลอด…พ่อยังคิดว่าลูก…ไม่อยู่แล้ว…ตอนนี้พอเห็นลูกยังไม่บุบสลายและไม่เสียหายตรงไหน ดีจริงๆ!” ฮั่วเทียนเย่ว์พูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง

 

 

“พ่อ…พ่อไม่รู้ว่าฮั่วฉินเยี่ยนเขาไร้มโนธรรม ไม่มีความเป็นมนุษย์เอาเสียเลย! ไม่ว่ายังไงผมก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของเขานะ…เขาไล่ผมออกจากบ้านขนาดนี้โดยไม่สนใจท่าทีของของพ่อเลยสักนิด…” ตอนนี้ฮั่วจวินแค่แสดงเป็นลูกที่ต้องการความรักจากพ่อเท่านั้น เขาหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเรียกหาความละอายใจต่อลูกในใจของฮั่วเทียนเย่ว์ได้บ้าง

 

 

การแสดงออกของฮั่วเทียนเย่ว์ทำให้เขาพอใจมาก เพราะสีหน้าของฮั่วเทียนเย่ว์นั้นเคียดแค้นชิงชังและเกลียดเข้ากระดูกดำอย่างยิ่ง

 

 

“ฮั่วฉินเยี่ยนไอ้เด็กเหลือขอ มันไม่แม้แต่เห็นฉันอยู่ในสายตา! ฉันต้องปฏิบัติต่อมันอย่าง ‘ดี’ แน่นอน ฉันอยากให้มันแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ติดหนี้ฉันตลอดหลายปีมานี้!”

 

 

“พ่อ! ผมเชื่อว่าครั้งนี้มีพ่อ ฮั่วฉินเยี่ยนจะต้อง…หึๆ …” มุมปากของฮั่วจวินยกยิ้มแฝงความหมายลึกซึ้ง

 

 

ฮั่วเทียนเย่ว์ยิ้มคล้ายกับเข้าใจกัน

 

 

ฮั่วเทียนเย่ว์ก้มลงสอบถามขั้นตอนรายละเอียดของแผนการกับฮั่วจวิน สีหน้าเขาบ่งบอกว่าอยากรับฟังความเห็นของฮั่วจวิน หากแต่ในความเป็นจริงเขาเพียงแค่อยากดูปฏิกิริยาตอบโต้ของฮั่วจวิน ว่าจะหยั่งเชิงความคิดแท้จริงในใจเขาได้อย่างไรก็เท่านั้น

 

 

เมื่อจะทำแล้วต้องทำให้สุด ฮั่วเทียนเย่ว์อยากจะสร้างสถานการณ์อุบัติเหตุรถยนต์ เพื่อจบชีวิตของฮั่วฉินเยี่ยน ทางที่ดีที่สุดแม้แต่เวินหลานฉีนังผู้หญิงคนนั้นก็จัดการไปด้วยเสียเลยได้ยิ่งดี เหลือผู้หญิงคนนั้นไว้ก็ได้แต่ทำเขาเสียเรื่อง ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย

 

 

พวกเขาเตรียมเลือกวันหนึ่งในสัปดาห์ เป็นวันที่ฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีจะออกเดินทางพร้อมกันสักวัน พวกเขาหวังว่าแผนการในตอนนี้จะเป็นวันเวลาสถานที่เหมาะสม และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 

 

พวกเขาเตรียมการกันไปได้พอประมาณแล้ว โดยพวกเขากำหนดเวลาเป็นหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ซึ่งฮั่วจวินจะไปดูต้นทางละแวกโรงรถของบ้านเวินหลานฉี และรับผิดชอบจับตาดูว่าเวินหลานฉีกับฮั่วฉินเยี่ยนจะออกจากบ้านเวลาไหน แล้วตามพวกเขาไปเงียบๆ คอยรายงานการเดินทางของพวกเขาให้กับฮั่วเทียนเย่ว์รับทราบ เพื่อความสะดวกต่อการรวมตัวและติดต่อกัน ฮั่วเทียนเย่ว์จะรับผิดชอบเตรียมรถหมายเลขรุ่นเดียวกันไว้สองคัน พอถึงตอนนั้นหลังจากฮั่วเทียนเย่ว์ชนแล้วจะได้ทิ้งรถ ให้รถระเบิดไปด้วยกันเสียเลย เพื่อสร้างสถานการณ์ว่าสถานที่เกิดเหตุอุบัติเหตุรถยนต์นั้น รถถูกทำลายคนก็ตายตกไปด้วย จากนั้นฮั่วจวินจะรับหน้าที่เป็นกำลังหนุนให้เขา แล้วทั้งสองก็จะออกมาพร้อมกัน สุดท้ายค่อยแสร้งทำทีเป็นเศร้าเสียใจ หลังจากรับรู้ข่าวคราวของฮั่วฉินเยี่ยน จากนั้นก็จะได้รับช่วงต่อตงหยวนอย่างถูกจังหวะเป็นขั้นตอน ถึงอย่างไรฮั่วฉินเยี่ยนก็เป็นลูกชายของเขา หนำซ้ำตอนนี้ฮั่วฉินเยี่ยนยังไม่มีลูกชายสืบทอดตระกูลอีกด้วย พอลูกชายไม่อยู่บริษัทแบบนี้พ่อก็จะได้รับช่วงต่ออย่างถูกจังหวะเป็นขั้นตอน

 

 

ส่วนฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีกลับไม่รับรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ขณะที่ความรักความผูกพันของพวกเขาค่อยๆ อุ่นขึ้น หลังจากผ่านเรื่องราวครั้งก่อนมาได้ ยิ่งกว่านั้นฮั่วฉินเยี่ยนยังสาบานว่าจะปกป้องเวินหลานฉีอย่างดี ไม่ให้เธอได้รับอันตรายเลยสักนิด เขาไปรับไปส่งเวินหลานฉีทุกวัน พอตอนเที่ยงกับตอนเย็นก็ไปกินข้าวกับเวินหลานฉี ทั้งสองรักกันอย่างดูดดื่มหวานปานน้ำผึ้ง โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าอันตรายกำลังจะมาถึงในไม่ช้า…

 

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว คืนวันศุกร์ฮั่วฉินเยี่ยนโอบเวินหลานฉี เอนหลังพิงเตียงพูดคุยกัน

 

 

“อาเยี่ยน เรายุ่งกันมาทั้งสัปดาห์แล้ว พรุ่งนี้เราออกไปเดินเล่นกันสักหน่อยเถอะ” เวินหลานฉีซบแผงอกกว้างของฮั่วฉินเยี่ยน แล้วเงยหน้าขึ้นมาถามเขา

 

 

“ได้สิ ฉีฉีอยากไปไหน เราก็ไปที่นั่น” ฮั่วฉินเยี่ยนรับปากอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

“อืม…ได้ยินว่าด้านตะวันตกของเมืองมีสวนสาธารณะดีๆ แห่งหนึ่งนะ เราไปปิกนิกกันเถอะ ไม่อย่างนั้นคงไม่น่าสนใจอะไร ถ้าไปที่ที่อยู่แต่ในห้อง…เซ็งจะตาย” เวินหลานฉีเอียงหัวคิด แล้วพูดกับฮั่วฉินเยี่ยน

 

 

“ได้สิ งั้นเราไปที่นั่นที่คุณบอกกัน” ฮั่วฉินเยี่ยนขยี้ผมเวินหลานฉี พร้อมยิ้มอย่างหลงใหล

 

 

วันหนึ่งหลังจากผ่านไปหลายปี เวินหลานฉีนึกถึงตอนเธอตกลงใจครั้งแรก ก็อดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้ ถ้าเธอรู้ตั้งแต่ตอนแรก ว่าวันต่อมาจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ว่าจะพูดอะไรเธอก็จะไม่ออกไปนอกเมืองเด็ดขาด แต่น่าเสียดาย บนโลกใบนี้ไม่มียาเสียใจภายหลัง แม้เวินหลานฉีจะเสียใจภายหลังไป แต่ดูเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นฟ้าจะลิขิตเอาไว้แล้วละมั้ง เธอไม่มีแรงพอจะห้ามปรามการมาถึงของอนาคตโดยสิ้นเชิง

 

 

ค่ำคืนอันยาวนานผ่านพ้นไปเช่นนี้…เวินหลานฉีกอดฮั่วฉินเยี่ยนจมลึกสู่ห้วงนิทรา

 

 

ฟ้าไม่ทันสางวันต่อมา ฮั่วจวินก็ออกจากบ้านแล้ว เขาขับรถที่ฮั่วเทียนเย่ว์เตรียมไว้ให้ มาถึงโรงจอดรถใต้ดินของบ้านเวินหลานฉี หลังจากหารถของฮั่วฉินเยี่ยนเจอแล้ว เขาก็จอดไว้ที่หัวมุมเลี้ยวที่หนึ่ง แค่รอให้ฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีปรากฏตัวเท่านั้น

 

 

เขาไม่กล้าออกจากบ้านสายเกินไปนัก ด้วยกลัวว่าถ้าออกจากบ้านสายเกินไป จะโดนสายของฮั่วฉินเยี่ยนเห็นเข้า แบบนี้เขาจะเรือล่มเมื่อจอดเอาได้ เขาแค่ยังวางแผนให้ฮั่วเทียนเย่ว์ไปชนฮั่วฉินเยี่ยนอย่างโง่งม ให้พวกเขาฆ่าฟันกันเอง ส่วนตนก็นั่งรับผลประโยชน์จากคนตกปลาไง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ตระหนักเลย ว่าตนถูกฮั่วเทียนเย่ว์วางหมากเอาไว้นานแล้ว

 

 

ยามใกล้เวลาเที่ยงวัน ทั้งสองถึงลืมตาขึ้นมา เมื่อคืนมัวแต่คุยกันเลยนอนดึกไปหน่อย วันหยุดสุดสัปดาห์หาได้ยากแบบนี้ ก็อยากจะนอนตื่นสายสักหน่อย เวินหลานฉีตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้า หลังจากทำเสร็จแล้วก็เรียกฮั่วฉินเยี่ยนมากินอาหารเช้า ที่เลทเสียจนเหมือนกินรวบเป็นมื้อเที่ยงไปด้วยเลย

 

 

ตอนนี้ฮั่วจวินรออยู่ข้างล่างตึกนานจนเริ่มหมดความอดทนแล้ว เขาหิวท้องกิ่วอยู่ที่นี่ตลอดทั้งช่วงเช้า จึงโทรหาฮั่วเทียนเย่ว์ด้วยอารมณ์ไม่พอใจ

 

 

“พ่อ พวกเขาจะไม่ออกมาแล้วหรือเปล่าเนี่ย นี่ก็เที่ยงแล้ว ผมยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”

 

 

“จวินเอ๋อร์ ลูกอดทนรออีกสักหน่อยนะ…”

 

 

ฮั่วเทียนเย่ว์ยังไม่ทันพูดจบก็โดนฮั่วจวินพูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อน เพราะเขาเห็นฮั่วฉินเยี่ยนโอบเวินหลานฉี เดินออกมาจากลิฟต์