“พ่อผมเห็นพวกเขาแล้ว” มุมปากฮั่วจวินกระตุกยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่อง ตั้งท่าต่อสู้ด้วยสีหน้าคล้ายกับสัตว์ร้ายมองเห็นเหยื่อ และเตรียมจะเข้าโจมตี
“ดี งั้นลูกตามพวกมันไป แล้วรายงานการเดินทางของพวกมันกับพ่อตลอดเวลา!” ฮั่วเทียนเย่ว์พูดจบก็สตาร์ทรถ
ฮั่วฉินเยี่ยนช่วยเวินหลานฉีเปิดประตูที่นั่งฝั่งข้างคนขับ แล้วโอบเธอขึ้นรถ และตนก็ขึ้นรถ แล้วขับมุ่งตรงออกจากโรงรถ ส่วนฮั่วจวินก็ตามติดไปอย่างเงียบๆ
เขาไม่กล้าเข้าใกล้เกินไปนัก เพราะเขากลัวว่าจะโดนฮั่วฉินเยี่ยนจับได้ จึงกล้าเพียงพิจารณาทิศทางที่พวกเขาจะไปจากระยะห่างไกลๆ
บนรถ เวินหลานฉีกับฮั่วฉินเยี่ยนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม
“ฉีฉีเย็นวันนี้เรากินอะไรกันดีอะ” ฮั่วฉินเยี่ยนขับรถไปพลาง ก็พลอยหันหน้าไปมองเวินหลานฉีพลาง
“อืม…ไม่รู้สิ” เวินหลานฉีเบ้ปากขมวดคิ้ว สุดท้ายก็ยังคงส่ายหัว
“งั้นผมจะพาคุณไปกินอาหารร้านหนึ่งที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน รับรองว่าคุณจะชอบแน่นอน” นัยน์ตาล้ำลึกของฮั่วฉินเยี่ยนส่องประกายสีดำ แล้วหันมายิ้มบางๆ ให้เวินหลานฉี มีเพียงเวลาเขามองเวินหลานฉีเท่านั้น ถึงจะเผยรอยยิ้มมากขนาดนี้
“ได้สิ งั้นหลังจากเราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะเสร็จแล้ว ก็ไปกินข้าวกัน~” เวินหลานฉีเข้าไปหอมแก้มฮั่วฉินเยี่ยนเงียบๆ ฮั่วฉินเยี่ยนจึงถือโอกาสโอบเวินหลานฉีเข้ามาจูบ
“อาเยี่ยน คุณรีบขับรถดีๆ สิ บนถนนรถออกจะเยอะ ระวังหน่อยสิ~” เวินหลานฉีพูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง
“ครับๆๆ จะฟังภรรยาทุกอย่างเลย~ สามีของคุณเป็นนักขับผาดโผน คุณยังไม่สบายใจเหรอ” แม้ฮั่วฉินเยี่ยนจะพูดเช่นนี้ แต่ก็ยังคงนั่งตรงมองไปข้างหน้าอย่างว่าง่าย
ทว่าฮั่วจวินผู้อยู่ข้างหลัง กลับจ้องรถของฮั่วฉินเยี่ยนข้างหน้าโดยไม่ยอมกะพริบตาเลย ด้วยกลัวว่าถ้าพลัดหลงกันแล้ว จะกลายเป็นความเกลียดชังไปตลอดชีวิต
และในตอนนี้เอง สายจากฮั่วเทียนเย่ว์ก็โทรเข้ามา
“จวินเอ๋อร์ พวกเขาถึงไหนแล้ว ดูออกหรือยังว่าจะไปไหน” ปลายสายอย่างฮั่วเทียนเย่ว์ถาม
ไอ้แก่นี่ มันดูออกง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนกันล่ะ ฮั่วจวินบ่นอุบในใจ แต่ปากยังคงแสร้งตอบกลับไปอย่างเป็นกังวล
“พ่อ พวกมันมุ่งตรงไปทางทิศตะวันตก ตอนนี้เพิ่งจะข้ามทางรถไฟ”
“ทิศตะวันตก? ทางไปสวรรค์จริงด้วยสินะ หึ” ฮั่วเทียนเย่ว์ยิ้มเย็น หากแต่ในใจกลับกำลังคิดว่าจะคิดบัญชีฮั่วจวินอย่างไรดี
“ใช่แล้วล่ะพ่อ พ่ออยู่ไหน” ฮั่วจวินฟังเสียงหัวเราะของฮั่วเทียนเย่ว์ แล้วเกิดขนลุกขึ้นมา
“พ่อใกล้ถึงที่ลูกอยู่แล้ว ลูกจับตามองมันใกล้กว่านี้หน่อย พ่อดูจากตำแหน่งของลูก เหมือนจะอยู่ไกลจากพวกมันหน่อยหรือเปล่า” ฮั่วเทียนเย่ว์ดูตำแหน่งของฮั่วจวินจากในโทรศัพท์ตัวเอง แล้วรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ไอ้นี่มันกลัวหรือไง ทำไมอยู่ห่างขนาดนั้น
“พ่อ ผมกลัวพวกมันจับได้ ก็เลยอยู่ห่างจากพวกมันหน่อย” ฮั่วจวินอธิบาย
“ลูกเข้าไปใกล้หน่อย ไม่ถูกจับได้ง่ายขนาดนั้นหรอก ถนนเส้นนี้ทางแยกมันเยอะ ลูกระวังหน่อย อย่าปล่อยให้คลาดสายตา!” น้ำเสียงของฮั่วเทียนเย่ว์เด็ดขาดอยู่บ้าง
“ครับ ผมรู้แล้วพ่อ” ฮั่วจวินรับปาก แม้จะไม่พอใจ แต่ฮั่วเทียนเย่ว์ก็พูดถูก อยู่ห่างกันไกลขนาดนี้ ถ้าพลัดหลงกัน เขาจะไม่เรือล่มเมื่อจอดหรือไง ตนยังอยากยืมดาบฆ่าคนอยู่นะ
ฮั่วจวินคิดในใจก็ยิ่งเร่งความเร็ว และยิ่งขับเข้าไปใกล้กว่าเดิม จนกระทั่งเหลือระยะห่างระหว่างรถของฮั่วฉินเยี่ยนเพียงแค่สองร้อยเมตรเท่านั้น
ฮั่วเทียนเย่ว์มองระยะห่างรถของฮั่วจวินจากพิกัดตำแหน่ง ยิ่งเข้าใกล้รถของฮั่วฉินเยี่ยนมากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าด้วยไอคิวของฮั่วฉินเยี่ยนน่าจะพบความผิดปกติข้างหลังแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาโทรหาฮั่วจวินแล้ว คิดไปคิดมา เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ฮัลโหล? จวินเอ๋อร์ลูก ไม่รู้ยางรถพ่อระเบิดขึ้นมาได้ยังไง! คงทำได้แค่รอครั้งหน้าแล้ว…” ฮั่วเทียนเย่ว์แสร้งพูดกับฮั่วจวิน ด้วยน้ำเสียงรำคาญใจและกระสับกระส่าย
“ฮัลโหล พ่อ วันนี้เราวางแผนกันมาดีแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องแบบนี้พ่อน่าจะสังเกตเห็นได้เร็วกว่านี้หน่อยไม่ใช่หรือไง! ฮัลโหล? พ่อ? พ่อ…” ฮั่วจวินยังไม่ทันพูดจบ โทรศัพท์ก็โดนฮั่วเทียนเย่ว์วางสายไปก่อน
ไอ้แก่นี่พอถึงตอนนี้แล้วมาตัดขาดกันได้ยังไง! ตนน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ว่าเขาพึ่งพาไม่ได้ ฮั่วจวินคิดในใจอย่างเสียใจ
แต่ไฟโทสะในใจของเขาที่มีต่อฮั่วฉินเยี่ยนใช่ว่านึกจะเอากลับก็เอากลับได้เสียที่ไหนกัน ยิ่งไปกว่านั้นที่เขารออยู่ในโรงรถตลอดทั้งช่วงเช้าก็ไม่ใช่ว่ารอคอยเวลานี้หรือไง! มาตอนนี้จะให้เขาถอยกลับงั้นเหรอ ถอยกลับ? ล้อเล่นอะไรกัน
ขณะที่ฮั่วจวินกำลังคิดอย่างเดือดดาลในใจอยู่นั้น พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ารถฮั่วฉินเยี่ยนข้างหน้าหายไปไหนแล้ว
ฮั่วจวินรีบเร่งความเร็วตามไปข้างหน้า อ้อ ที่แท้ก็อยู่ข้างหน้านี่เอง เมื่อกี้ตนมัวแต่ง่วนกับการคุยโทรศัพท์อยู่ จนความเร็วช้าลง
ฮั่วฉินเยี่ยนรู้นานแล้วว่ารถสีดำคันข้างหลังผิดปกติ ไม่รู้ว่าเริ่มตามเขามาข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนแรกคิดว่าตนคิดมากไปเอง ผลสุดท้ายเมื่อกี้ได้เห็นแล้วว่ามันยิ่งตามยิ่งใกล้เข้ามา พอจงใจเร่งความเร็ว เขาก็เร่งความเร็วตามมาหลังมาติดๆ
เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ฮั่วฉินเยี่ยนคิดว่าจะสลัดเขาให้หลุดอย่างไร
แต่ฮั่วจวินตอนนี้ยังคงเดือดดาลที่ฮั่วเทียนเย่ว์ทอดทิ้งอยู่ อะไรคือยางรถระเบิดงั้นเหรอ พูดจาเรื่อยเปื่อยมากกว่าละมั้ง เขามันก็แค่ไอ้ขี้ขลาด!
“พ่อไม่ทำ งั้นฉันทำเอง!” ฮั่วจวินพูดกับตัวเอง “ถนนเส้นนี้รถไม่ค่อยเยอะพอดี ข้างหน้าเป็นทางต่างระดับ ส่วนด้านข้างก็เป็นทะเล จะได้เป็นหลุมฝังศพมันพอดี”
ฮั่วจวินยิ้มเย็นแล้วตามไปติดๆ เขาคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะส่งท่าไม้ตายให้ฮั่วฉินเยี่ยนเมื่อไหร่
ฮั่วเทียนเย่ว์พอใจกับปฏิกิริยาโต้ตอบของฮั่วจวินยิ่งนัก ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในความคาดหมายของเขาทั้งสิ้น ถึงอย่างไรก็เป็นลูกชายของตน จุดอ่อน จุดเด่น รวมไปถึงบุคลิกของเขา ฮั่วเทียนเย่ว์ย่อมรู้ดีที่สุด ตอนนี้ฮั่วเทียนเย่ว์อยากรอดูฮั่วจวินกับฮั่วฉินเยี่ยนฆ่าฟันกันเอง ถ้าสำเร็จก็ย่อมดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่สำเร็จก็ค่อยขึ้นไปซ้ำ แบบนี้จะดีที่สุด
“ฉีฉีนั่งให้มั่น ผมจะเร่งความเร็ว” ฮั่วฉินเยี่ยนยกยิ้มแล้วพูดกับเวินหลานฉี
“อืม…” เวินหลานฉีพยักหน้า
“หา? อืมๆ ได้…อาเยี่ยน? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ” เวินหลานฉีถามอย่างงงงวย
“ไม่มีอะไร ก็แค่มีคนตามเรามาข้างหลังเท่านั้น ผมจะสลัดเขาให้หลุด” ฮั่วฉินเยี่ยนพูดไปพลาง ก็พลอยเอื้อมมือไปรัดเข็มขัดนิรภัยของเวินหลานฉีให้แน่นขึ้นหน่อย
เวินหลานฉีหันหลังกลับไปมอง มีรถคันสีดำตามอยู่ข้างหลังจริง และคล้ายกับว่าตามมาตลอดด้วย
“อาเยี่ยน ใช่รถสีดำคันข้างหลังนั้นหรือเปล่า ต้องกังวลไหม” เวินหลานฉียังคงเป็นห่วงฮั่วฉินเยี่ยนอยู่บ้าง
“ไม่เป็นไร คุณวางใจได้เลย” ฮั่วฉินเยี่ยนลูบพวงแก้มของเวินหลานฉี แล้วพูดยิ้มๆ
“อืม~” เวินหลานฉีพยักหน้าเบาๆ
พอพูดจบฮั่วฉินเยี่ยนก็เริ่มเร่งสปีดรถ ดูเหมือนว่าเมื่อกี้เขาจะเห็นเค้าโครงคนในรถคันข้างหลัง จากกระจกมองหลังอย่างชัดเจน เขารู้ว่าคนนั้นคือใคร ดังนั้นจึงเตรียมจัดการเขาอย่างเด็ดขาด
ฮั่วฉินเยี่ยนจำได้ ว่าข้างหน้าของถนนเส้นนี้เป็นสะพานต่างระดับ และอีกฝั่งของสะพานต่างระดับก็คือทะเล สถานที่แห่งนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว นับว่าเหมาะกับเขาเลยแหละ แบบนี้จะได้หาร่องรอยอะไรไม่เจอ
เมื่อฮั่วจวินเห็นว่าฮั่วฉินเยี่ยนเร่งความเร็ว เขาก็รีบเร่งความเร็วตามไปติดๆ เขาคิดว่าฮั่วฉินเยี่ยนคงจะรู้แล้ว ว่ามีรถขับตามเขาอยู่ และอยากสลัดเขาให้หลุด ฮั่วจวินจึงเตรียมใช้วิธีการรวดเร็วฉับไว
รถทั้งสองคันขับขึ้นไปบนสะพานต่างระดับ ฮั่วจวินบีบอัดแรงระเบิด และเร่งความเร็วพุ่งชนข้างหน้า หากแต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึง คือตนกลับโดนฮั่วฉินเยี่ยนตลบหลังเข้าให้
ฮั่วฉินเยี่ยนยิ้มเย็น ดวงตาสีดำขลับทอประกาย เพราะเขานึกถึงฉากนี้มานานแล้ว ฮั่วฉินเยี่ยนเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว โดยในแวบเดียวนั้นฮั่วจวินพลาดจุดที่ต้องชนไป และกลับชนเข้ากับรั้วข้างถนนข้างหน้าอย่างรุนแรง
ฮั่วจวินตกใจหน้าซีดจนร้อง “เฮ้ย!” ออกมา
หน้ารถชนเข้ากับรั้วข้างถนน ฮั่วจวินยังไม่ทันปีนขึ้นมาหมุนพวงมาลัย ฮั่วฉินเยี่ยนก็พุ่งตรงเข้ามาชนท้ายรถเข้าอย่างจัง จนรถของฮั่วจวินตกลงจากสะพานต่างระดับ ปะทะเข้ากับทะเล
ตามด้วยเสียงร้องน่าเวทนาของฮั่วจวิน รถร่วงตกลงกลางทะเล คาดว่าฮั่วจวินคงจะไม่รอดชีวิตแล้วละมั้ง
ทว่าฮั่วฉินเยี่ยนกลับนึกไม่ถึงถ้อยคำดังว่า ‘ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง’ [1] เขานึกไม่ถึงว่าหลังจากฮั่วจวินตกลงไปแล้ว จะมีอันตรายใหญ่กว่านี้รอตนอยู่
เวลานี้เองมีรถสีดำคันหนึ่งพุ่งเข้ามาชนรถของฮั่วฉินเยี่ยนอย่างรวดเร็ว…หากแต่ตอนฮั่วฉินเยี่ยนได้ยินเสียงเร่งเครื่อง กับเห็นจากกระจกมองหลังนั้นก็สายไปเสียแล้ว ตอนเขาเห็นหน้าตาของคนนั้น เขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น…
ฮั่วเทียนเย่ว์นั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนภายในบ้านใหญ่สกุลฮั่ว ข้างๆ คือคนสนิทของเขาทั้งสองคน
“ยินดีด้วยครับคุณท่าน ครั้งนี้ตงหยวนจะต้องเป็นของคุณท่าน!”
“ใช่แล้วครับคุณท่าน ครั้งนี้จะไม่มีใครขัดขวางคุณท่านได้อีกแล้ว”
ทั้งสองพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
ฮั่วเทียนเย่ว์กระหยิ่มยิ้มย่อง แต่ในขณะเดียวกันในใจกลับรู้สึกเศร้ารันทด ลูกชายทั้งสองของตนต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของตนแบบนี้…
ไม่! ฮั่วฉินเยี่ยนมันสมควรแล้ว! ส่วนฮั่วจวินไอ้ลูกเวร ถ้าไม่ใช่เพราะตนปกป้องเขาอยู่ ฮั่วจวินก็คงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้โดยสิ้นเชิง! ใช่ อย่างนั้นแหละ!
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่มีใครสามารถแบ่งปันความปีติยินดีของเขาได้เลย
ฮั่วเทียนเย่ว์ให้คนใช้พันแผลที่แขนและมือเขาไปพลาง ก็พลอยคิดเช่นนี้ไปพลาง
ระดับความแรงที่ชนเมื่อกี้แรงเกินไป เขาเองก็ได้รับบาดแผลเล็กน้อยเช่นกัน แต่แผลเล็กน้อยแค่นี้ ไม่มากพอจะขัดขวางจังหวะก้าวเข้าหาตงหยวนของเขาได้หรอก ตอนนี้เขาแค่รอสื่อข่าวประกาศข่าวการตายของฮั่วฉินเยี่ยนเท่านั้น จากนั้นก็รอพวกหุ้นส่วนตงหยวน และพวกผู้บริหารระดับสูงมาเชิญเขาไปรับช่วงต่อตงหยวน พอคิดถึงตรงนี้ ฮั่วเทียนเย่ว์ก็กระหยิ่มยิ้มย่องมากกว่าเดิม
เท่านี้ยังไม่พอ เขายังต้องแสร้งทำเป็นรู้สึกเศร้าโศกเสียใจต่ออุบัติเหตุลูกชายของตัวเองด้วย ต้องแบบนี้ถึงจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากคำวิพากษ์วิจารณ์และฝูงชน จะได้เป็นประโยชน์กับเส้นทางการพัฒนาของเขาหลังจากนี้
ไม่ผิดหรอก นี่เป็นอุบัติเหตุร่วมกัน เพราะลูกชายคนรองของตนฮั่วจวินไม่พอใจ ที่ลูกชายคนโตฮั่วฉินเยี่ยนไล่เขาออกจากสกุลฮั่ว และอยากกำจัดเขาให้สิ้นซาก เพราะเหตุนี้เองจึงเริ่มเกิดแรงอาฆาตแค้นจากความริษยาต่อฮั่วฉินเยี่ยน ถึงได้กระทำความผิดที่ไม่อาจชดเชย และให้อภัยได้ จนกลายเป็นอุบัติเหตุครั้งนี้
ใช่ เขาฮั่วเทียนเย่ว์แค่ต้องแสดงเป็นคุณพ่อสุดที่รักคนหนึ่ง ร้องไห้ฟูมฟายกับการสูญเสียลูกชายก็เท่านั้น
ทันใดนั้นฮั่วเทียนเย่ว์ก็คิดขึ้นได้อีกครั้ง…ถ้าฮั่วฉินเยี่ยนยังไม่ตายล่ะ
ไม่! เป็นไปไม่ได้ แรงชนมากขนาดนั้น แถมตกจากสะพานต่างระดับลงไปในทะเล ต่อให้เขาฟลุ๊คมีชีวิตรอดมาได้ ก็คงต้องบาดเจ็บสาหัสไม่ได้สติ ถึงตอนนั้นเขาจะได้ดูแลจัดการบริษัทต่อในนามของฮั่วฉินเยี่ยน และแย่งตงหยวนมาจากในมือของฮั่วฉินเยี่ยนได้สำเร็จ
ฮั่วเทียนเย่ว์จำได้ว่าในพินัยกรรมของคุณปู่ฮั่วในตอนแรกนั้นระบุไว้อย่างชัดเจน ถ้าฮั่วฉินเยี่ยนไม่มีทางดูแลจัดการตงหยวนต่อได้แล้ว ก็ให้บุตรของเขารับช่วงดูแลบริษัทต่อ แต่ตอนนี้ฮั่วฉินเยี่ยนไม่มีลูกเลย ถ้าอย่างนั้นพ่ออย่างฮั่วเทียนเย่ว์คนนี้ก็จะมารับช่วงดูแลต่อได้สำเร็จ
ในใจของฮั่วเทียนเย่ว์เหมือนดีดลูกคิดรางแก้ว [2] อย่างเต็มเปี่ยม อย่างน้อยตอนนี้เขาคิดว่าแผนการของตัวเองนั้นร้อยทั้งร้อยไม่มีพลาดเด็ดขาด
——
[1] ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง (螳螂捕蝉——黄雀在后) ใช้เปรียบเปรยถึงผู้ไร้วิสัยทัศน์ มักเล็งผลระยะสั้นโดยไม่ระวัง ว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวรออยู่ นอกจากนี้ยังใช้กระทบกระเทียบผู้ที่จ้องแต่จะคิดบัญชีผู้อื่น โดยลืมไปว่าตนเองก็อาจจะถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน
[2] ดีดลูกคิดรางแก้ว (如意算盘) หมายความว่า คิดรอบคอบถี่ถ้วน มีแต่ได้ไม่มีทางเสีย เปรียบเหมือนการดีดลูกคิดคำนวณผลได้ ผลเสียไว้แล้ว