ตอนที่ 154 ช่วยชีวิต

พ่ายรักวิวาห์ลวง

นอกโรงพยาบาลเมืองหลวง มีสื่อข่าวนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันอยู่นานแล้ว

 

 

“ท่านผู้อำนวยการ พวกเราขวางไม่อยู่แล้ว จะให้พวกเขาเข้าไปไม่ได้นะ สื่อข่าวมากขนาดนี้จะส่งผลกระทบต่อการช่วยชีวิตของหมอเอานะ” รปภ.พูดอย่างร้อนใจ

 

 

“ผมจะรอดู ว่าใครจะกล้าเข้าไป!” เฉิงหมิงเดินออกมาจากอีกฝั่งหนึ่ง แล้วถลึงตามองสื่อข่าวจากหลายสำนักตรงหน้า

 

 

ทันทีที่เขาได้ข่าวว่าฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และกำลังช่วยชีวิตอยู่ ก็รีบมาทันที โดยยังไม่ทันสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ เขาเห็นกองทัพนักข่าวมากขนาดนี้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ นี่มันตั้งใจไม่ให้ประธานของตนดีขึ้นเลยนี่นา

 

 

เฉิงหมิงพารปภ.ฝึกซ้อมติดอาวุธพร้อมของตงหยวนมาจำนวนหนึ่ง ปิดล้อมนอกโรงพยาบาลเป็นกำแพงมนุษย์ เพื่อกั้นนักข่าวเหล่านี้

 

 

“คุณเฉิง ไม่ทราบว่าช่วยอธิบายเหตุการณ์ข้างในหน่อยได้ไหมคะ ได้ข่าวว่าประธานฮั่วของตงหยวนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต จริงไหมคะ”

 

 

“นั่นสิๆ ได้ข่าวว่ายังเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขาขับรถชนจนตายด้วย แล้วตอนนี้น้องชายของเขาเป็นไงบ้างคะ”

 

 

“คุณเฉิง คุณบอกพวกเราเกี่ยวกับเหตุการณ์ข้างในได้ไหม”

 

 

พอได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ เฉิงหมิงก็เดือดดาลขึ้นมาทันที เจ้านายของเขายังไม่ตายเสียหน่อย คนกลุ่มนี้ได้ข่าวมาจากไหนกัน เพิ่งจะเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยซ้ำ ความเร็วในการไล่กวดของคนพวกนี้เร็วเกินไปแล้วมั้ง

 

 

เฉิงหมิงมองผู้อำนวยการโรงพยาบาลผู้ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าตึงเครียด จึงรีบลากเขาไปอีกฝั่งหนึ่ง

 

 

“ผู้อำนวยการ ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมข้างนอกถึงมีสื่อข่าวมากขนาดนี้! พวกคุณบอกคนข้างนอกใช่ไหม” เฉิงหมิงมองผู้อำนวยการข้างๆ ดวงตาทั้งสองจ้องราวกับจะพ่นไฟออกมา

 

 

“คุณหมิงครับ หลังจากสายด่วน 120 ของเราได้รับสายขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนหนึ่ง ก็รีบไปที่นั่นทันที หลังจากไปถึงแล้วถึงได้รู้ว่าที่แท้คืออุบัติเหตุทางรถยนต์ และเพิ่งจะรู้ว่าคนในนั้นคือประธานฮั่วกับคุณนายฮั่วนะ” ผู้อำนวยการเห็นท่าทางเฉิงหมิงตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง

 

 

“งั้นเป็นไปได้ไหม ว่าเจ้าหน้าที่หมอพยาบาลของพวกคุณแพร่งพรายเบาะแสออกไป!” เฉิงหมิงถามด้วยเสียงพูดเคร่งขรึมและเฉียบขาด

 

 

“นั่น…ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ถึงยังไงตอน 120 ของเราไปถึง ข้างๆ ก็ยังมีคนแปลกหน้ามากมายละนะ ชี้ชัดไม่ได้ว่าใครเป็นคนเอาเรื่องไปบอกสื่อข่าว” ผู้อำนวยการรีบอธิบาย

 

 

“งั้นสถานการณ์ในห้องผ่าตัดเป็นไงบ้าง” เฉิงหมิงถามอย่างร้อนใจ

 

 

“ตอนประธานฮั่วถูกส่งเข้ามานั้นอาการบาดเจ็บสาหัสมาก เขาแทบไม่ไหวอยู่แล้วนะ คุณก็รู้ว่าโรงพยาบาลของเรากับตงหยวนติดต่อกันอยู่ แถมประธานฮั่วยังลงทุนก่อสร้างให้โรงพยาบาลเรามากมาย พอเราเห็นว่าเป็นเขา ก็ใช้ยาดีที่สุดช่วยชีวิตเขาทันที แต่สภาพโดยรวมเป็นยังไง…ไม่มีใครบอกได้” ผู้อำนวยการก้มหน้า

 

 

พอได้ยินข่าวคราว เฉิงหมิงรู้สึกราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ก็มิปาน เมื่อวานยังเห็นเขาดีๆ อยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ…

 

 

“แล้วคุณนายล่ะ!” เฉิงหมิงคว้าสาบเสื้อของผู้อำนวยการแล้วเอ่ยถาม เมื่อกี้เขาไม่ได้พูดถึง หรือว่า…

 

 

“พูดไปก็ประหลาดใจ อาการบาดเจ็บของคุณนายไม่หนัก เพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยแล้วสลบไปเท่านั้น…ได้ยินหมอพยาบาลของเราบอก ว่าตอนพวกเขามาถึงทางตำรวจเพิ่งเอารถขึ้นมาจากทะเล คล้ายกับว่าประธานฮั่วปกป้องคุณนายแทบตาย…เฮ้อ…” สายตาของผู้อำนวยการค่อยๆ หลุบลง

 

 

มือทั้งสองข้างของเฉิงหมิงกำหมัดแน่น ถ้าตนสังเกตเห็นเรื่องพวกนี้ได้เร็วหน่อย ก็คงปกป้องพวกเขาไว้ได้…

 

 

เขากลับหลังหันเดินกลับไป แล้วพูดกับบรรดานักข่าวที่ส่งเสียงดังเอะอะอย่างเย็นชา “ประธานฮั่วกับภรรยากำลังถูกช่วยชีวิตอยู่ข้างใน ตอนนี้เป็นตายยังไม่รู้ ถ้าผลออกมาแล้ว จะแจ้งให้ทุกท่านทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ถ้าพวกคุณมาเอะอะอยู่ที่นี่ตอนนี้ แล้วส่งผลกระทบต่อการช่วยเหลือของคุณหมอ พวกคุณจะแบกรับผลอันจะเกิดขึ้นไหวเหรอ! ผมหวังว่าในวันนี้ ทุกท่าน ณ ที่นี้คงไม่มีใครอยากโดนตงหยวนยื่นฟ้องร้องต่อศาลหรอกมั้งครับ”

 

 

หลังจากพูดจบ เฉิงหมิงก็กำชับหัวหน้ารปภ.ให้ดูที่นี่ให้ดี อย่าให้นักข่าวเข้ามา แล้วเขาก็ไม่ให้ความสนใจเสียงร้องตะโกนเข้ามาในโรงพยาบาลของนักข่าวข้างหลังอีกเลย

 

 

ภายในโรงพยาบาล บริเวณรอบประตูห้องผ่าตัดมีคนที่เขาเรียกมา ล้อมรอบแน่นขนัดจนแม้แต่แมลงวันสักตัว ก็เข้ามาไม่ได้

 

 

“ข้างในเป็นไงบ้าง” เฉิงหมิงถาม

 

 

“ยังช่วยชีวิตอยู่เลย เข้าไปประมาณชั่วโมงหนึ่งแล้ว” รปภ.คนหนึ่งพูดขึ้นมาเป็นคนแรก

 

 

เฉิงหมิงพยักหน้า แล้วนั่งลงบนม้านั่งยาว ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่ายังหาใครมาช่วยได้อีก ปกติประธานฮั่วของเขาไปไหนมาไหนคนเดียวพึ่บพั่บตลอด ทั้งยังยั่วโมโหศัตรูไม่น้อย ทุกวันนี้อย่าตีชิงตามไฟ [1] ก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว มิหนำซ้ำคนในตระกูลฮั่วยิ่งคาดหวังไม่ได้เข้าไปใหญ่

 

 

คนสกุลเวินน่าจะมาได้ เพราะอย่างไรเสียก็เป็นลูกสาวของตน แต่ท้ายสุดแล้วสกุลเวินเป็นแค่ธุรกิจเล็กๆ เท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์มากมาย ส่วนจงเทียน ปกติเวินหลานฉีก็ดูแลจัดการด้วยตัวเองอยู่แล้ว

 

 

อยู่ๆ เฉิงหมิงก็นึกออก ดูเหมือนว่าผู้ช่วยของเวินหลานฉีจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเธออยู่ ช่วงก่อนหน้านี้ยังช่วยเวินหลานฉีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่เลย คนนี้ดูเหมือนจะมีพื้นฐานครอบครัวดีอยู่นะ ตอนนี้เฉิงหมิงไม่มีแม้แต่คนที่ไว้ใจจะช่วยเหลือได้เลยสักคน

 

 

ทันใดนั้นประตูโรงพยาบาลก็ถูกผลักออกมา เฉิงหมิงกำลังเตรียมจะดุว่าใครปล่อยให้คนเข้ามา แต่พอเห็นคนที่เข้ามานั้น ก็ต้องร่ำร้องว่าแย่แล้วอยู่ในใจเงียบๆ

 

 

“ฉินเยี่ยนลูก…ฉินเยี่ยน…ฉินเยี่ยนเป็นไงบ้าง” ฮั่วเทียนเย่ว์เห็นเฉิงหมิงอยู่ตรงนี้ ก็แสร้งถามอย่างไม่จริงใจทันที แสร้งทำเป็นพ่อผู้รักและเอาใจใส่ลูกชายคนหนึ่ง

 

 

ใครบ้างจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของท่านประธาน กับคนในบ้านไม่ดีน่ะ โดยเฉพาะพ่อ ดูฮั่วเทียนเย่ว์ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่จริงใจ เขาแทบอยากจะให้ฮั่วฉินเยี่ยนตายเร็วๆ ด้วยซ้ำละมั้ง แต่ถึงแม้ในใจเฉิงหมิงจะคิดเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจพูดแบบนี้ออกมาได้ เพราะอย่างไรเสียเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องในบ้านของประธาน ซึ่งเขายังต้องให้ความเคารพฮั่วเทียนเย่ว์อยู่บ้าง

 

 

“คุณฮั่ว หมอกำลังช่วยชีวิตประธานฮั่วอยู่ข้างในครับ ยังไม่มีผลอะไรออกมาเลยครับ” เฉิงหมิงทำทีพูดอย่างนอบน้อม เขาไม่ใช่คนในสกุลฮั่วเสียหน่อย จึงไม่จำเป็นต้องเรียกเขาว่าคุณท่าน แค่เรียกเขาว่าคุณฮั่วก็นับว่าเกรงใจมากแล้ว

 

 

ฮั่วเทียนเย่ว์พยักหน้า แม้จะไม่พ่อใจท่าทีของเฉิงหมิง แต่ตนก็ไม่จำเป็นต้องเล่นละครอะไรกับเขา ที่เขาโมโหตอนนี้ก็แค่ทำไมฮั่วฉินเยี่ยน ไม่ตายๆ ไปเลยให้จบ กลับโดนช่วยชีวิตอยู่ที่นี่เสียได้

 

 

“งั้นเวิน…เวินหลานฉีล่ะ” อยู่ๆ ฮั่วเทียนเย่ว์ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีผู้หญิงคนนี้ด้วย จึงถามเฉิงหมิงอีกครั้ง

 

 

“อาการบาดเจ็บของคุณนายไม่ได้สาหัสมาก โชคดีได้ประธานฮั่วปกป้องเธอเอาไว้” เฉิงหมิงตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แม้เขาไม่อยากจะสนใจฮั่วเทียนเย่ว์นัก แต่ให้เสแสร้งใส่ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

 

 

“อ้อ…” ฮั่วเทียนเย่ว์ตอบรับเสียงหนึ่ง ให้ตายสิ ทำไมผู้หญิงคนนี้แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเอง เหลือเธอไว้ต่อไปในภายภาคหน้า ก็สร้างความยุ่งยากให้คนอื่นเปล่าๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายๆ เลย

 

 

“คุณฮั่ว ผมขอตัวออกไปก่อนนะครับ คุณรออยู่ตรงนี้สักครู่” เฉิงหมิงรู้สึกว่าฮั่วเทียนเย่ว์ต้องมีอะไรไม่น่าไว้วางใจแน่ๆ ประธานของตนยังคงนอนอยู่ข้างในนั้น ไม่รู้เป็นยังไงบ้างนะ รีบๆ หาทางออกจะดีกว่า

 

 

ทันทีที่เฉิงหมิงเพิ่งจะเดินออกจากประตูบริเวณห้องฉุกเฉิน ก็ปะทะเข้ากับคนคนหนึ่ง

 

 

จิ่งหลานมองคนตรงหน้าเพิ่งเดินออกมาจากเขตห้องฉุกเฉิน และตอนนี้เขตห้องฉุกเฉินก็ปิดอยู่ เขาเดินออกมาจากข้างในได้ก็น่าจะเป็นคนของสกุลฮั่ว จิ่งหลานเพิ่งทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเสร็จ แล้วได้ยินคนในโรงพยาบาลลือกันว่าประธานตงหยวน กับภรรยาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ กำลังช่วยชีวิตอยู่ที่นี่ พอเขานึกได้ว่าเวินหลานฉีอาจจะเกิดอุบัติเหตุ ก็รีบมาเขตห้องฉุกเฉินอย่างร้อนใจ

 

 

“คุณคือ…ลูกน้องของฮั่วฉินเยี่ยน?” จิ่งหลานถาม

 

 

“ผมคือ คุณคือ…ใคร” เมื่อเห็นว่าลักษณะท่าทางลีลาการสนทนาของชายตรงหน้าดูโดดเด่น เฉิงหมิงก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

 

 

“ผมเป็นเพื่อนของเวินหลานฉี และเป็นผู้ช่วยในบริษัทเธอด้วย ข้างนอกลือกันว่าพวกเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นเรื่องจริงไหม” จิ่งหลานถามอย่างร้อนใจ

 

 

“คุณคือ…คุณจิ่งใช่ไหม ยินดีที่ได้รู้จักครับ ประธานฮั่วกับคุณนายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จริง ประธานฮั่วบาดเจ็บสาหัส…ส่วนอาการบาดเจ็บของคุณนายไม่สาหัส” เฉิงหมิงพูด พอได้เจอจิ่งหลาน เฉิงหมิงก็รู้สึกดีใจอยู่บ้าง เขากลุ้มใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่ไม่รู้…คนนี้จะช่วยได้ไหม อย่างไรเสียเขาก็ได้ยินว่าจิ่งหลานเป็นศัตรูหัวใจของประธานของเขาละนะ

 

 

ได้ยินว่าอาการบาดเจ็บของเวินหลานฉีไม่หนัก ใจที่เป็นกังวลของจิ่งหลานก็ปล่อยวางลงได้ครึ่งหนึ่งในที่สุด

 

 

“แล้วคุณออกมาได้ยังไง” จิ่งหลานคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเอ่ยถาม

 

 

“เฮ้อ ผมออกมาคิดหาวิธี พ่อของประธานฮั่วมา ผมเลยกลัวว่าเขาจะไม่ได้มาดีน่ะสิ” เฉิงหมิงพูดด้วยจิตใจร้อนรุ่นกระสับกระส่าย

 

 

“พ่อ? ฮั่วเทียนเย่ว์?” จิ่งหลานถาม ได้ยินมานานแล้วว่าภายในสกุลฮั่วไม่ลงรอยกัน ความสัมพันธ์ฮั่วฉินเยี่ยนกับพ่อยิ่งไม่ดีด้วย พ่อของตนกับคุณปู่สกุลฮั่วก็นับว่าไปมาหาสู่กันอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงรู้สภาพของตระกูลฮั่วอยู่บ้าง

 

 

“ใช่ เขานั่นแหละ เขาไม่พอใจเรื่องคุณปู่ฮั่วยกอำนาจบริหารตงหยวนให้ประธานฮั่วมาโดยตลอด เขาจึงคิดหาทุกวิถีทางเพื่อมาแทนที่ประธานฮั่วมาตลอด ก่อนหน้านี้คลิปแย่ๆ ที่อัปโหลดนั้น ก็ผลงานชิ้นเอกของเขาไม่ใช่หรือไง” เฉิงหมิงพูดอย่างเป็นกังวล

 

 

“เรื่องพวกนี้ผมก็ได้ยินมาบ้าง แต่คุณวางใจได้ ต่อให้เขาอยากได้อำนาจการบริหารตงหยวนมากแค่ไหน ก็คงไม่ลงมือเร็วขนาดนี้หรอก อย่างไรเสียประธานฮั่วของพวกคุณยังถูกช่วยชีวิตอยู่นี่ ยังไงก็ต้องรอผลออกมาก่อนถึงจะตัดสินได้” จิ่งหลานพูดอย่างใจเย็น

 

 

“ไม่ทราบว่าคุณจิ่ง…จะยอมช่วยพวกเราไหม” เฉิงหมิงลังเล แต่ก็ยังเอ่ยปากออกไป

 

 

จิ่งหลานถอนหายใจ “เรื่องนี้ผมช่วยพวกคุณจัดการอยู่แล้ว ถึงยังไงผมกับเวินหลานฉีก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คุณวางได้เถอะ มีผมอยู่ ฮั่วเทียนเย่ว์เขาน่าจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรมากหรอก”

 

 

พอได้ยินจิ่งหลานพูดเช่นนี้ เฉิงหมิงก็วางใจได้ในที่สุด

 

 

“งั้นคุณจิ่งรีบตามผมเข้าไปเถอะ”

 

 

“เดี๋ยว ผมขอติดต่อครอบครัวของหลานฉีก่อน แม้ความสัมพันธ์ของหลานฉีกับพ่อแม่ ก็ไม่ได้นับว่าสนิทสนมกันนัก แต่เรื่องนี้ก็จำเป็นต้องบอกให้พวกท่านรู้อยู่ดี ถึงยังไงผมเป็นคนนอก สอดมือเข้ามาในเรื่องนี้ คงไม่เท่าครอบครัวของพวกเขาเองหรอก” หลังจากพูดจบ จิ่งหลานก็เดินไปคุยโทรศัพท์อีกฝั่งหนึ่ง

 

 

เฉิงหมิงเองก็รีบโทรหาซั่งกวนเชียน และลูกน้องคนอื่นที่พึ่งพาได้ไม่กี่คนของฮั่วฉินเยี่ยน เพื่อให้พวกเขาสงบสติอารมณ์ และแก้ปัญหาข้อพิพาทและคำวิพากษ์วิจารณ์ข้างนอกนั่น

 

 

“ใช่สิ นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุทางรถยนต์ร่วมหรอกเหรอ ใครทำเหรอ พวกคุณรู้หรือเปล่า” จิ่งหลานถามอีกครั้งหลังจากจัดการเสร็จ

 

 

“ตำรวจแค่อาศัยหลักฐานอันน้อยนิดจากที่เกิดเหตุ วินิจฉัยว่าฮั่วจวินอยากชนประธานฮั่ว แต่ผลสุดท้ายรถของฮั่วจวินเองก็ตกลงไปเช่นกัน หลักฐานชี้ชัดว่าฮั่วจวินตายในที่เกิดเหตุ คนตายไม่สามารถให้การได้ ส่วนประธานฮั่วก็ถูกช่วยชีวิตอยู่ข้างใน ดังนั้นตอนนี้เลยไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย”

 

 

ฮั่วจวิน? จิ่งหลานอดฉงนสงสัยในใจไม่ได้อยู่บ้าง

 

 

 

 

——

 

 

[1] ตีชิงตามไฟ (趁火打劫) เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก ในยามที่ศัตรูอยู่ในสถานการณ์อ่อนแอและย่ำแย่ ควรรีบฉกฉวยโอกาสนำทัพเข้าโจมตี เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ