ตอนที่ 155 ไม่ได้สติ

พ่ายรักวิวาห์ลวง

“แน่ใจใช่ไหมว่าเป็นฮั่วจวิน” จิ่งหลานอดถามอย่างสงสัยไม่ได้

 

 

“ทางตำรวจชี้ขาดได้แค่ว่าเป็นฮั่วจวิน เพราะถนนเส้นนั้นเปลี่ยวเกินไป ไม่มีกล้องวงจรปิดอะไรเลย ส่วนถนนที่มีกล้องวงจรปิด ก็เห็นว่ารถของฮั่วจวินตามรถของประธานฮั่วมาข้างหลังตลอด ดังนั้นเลยชี้ชัดได้ว่าเป็นฮั่วจวิน เพียงแต่…” คำพูดสุดท้ายของเฉิงหมิงลังเลอยู่นิดหน่อย

 

 

“เพียงแต่อะไร” จิ่งหลานถาม

 

 

“ความจริงประธาน พวกเขารอดมาได้ ความจริงเป็นเพราะตอนรถตกลงไปในทะเลนั้น รถของฮั่วจวินอยู่ข้างล่างรถของพวกเขาพอดี ประจวบเหมาะกับสถานที่ที่พวกเขาตกลงมานั้นเป็นเขตชายฝั่งน้ำตื้น ข้างล่างมีแต่หินโสโครก และรถของประธานฮั่วก็ตกลงบนรถของฮั่วจวินพอดี ก็เลยไม่ได้ตายเพราะหายใจไม่ออก ดังนั้นทางตำรวจจึงแปลกใจเป็นอย่างมาก ว่าทำไมรถของฮั่วจวินถึงอยู่ใต้รถของประธานฮั่ว ถ้าฮั่วจวินชนประธานฮั่ว ก็น่าจะเป็นรถของประธานฮั่วตกลงไปก่อนไม่ใช่เหรอ” เฉิงหมิงพูดรวดเดียวจบ

 

 

“นั่นก็ไม่มีอะไรน่าแปลกไม่ใช่เหรอ ฮั่วจวินชนฮั่วฉินเยี่ยนก่อนนั้นไม่ผิด แต่ฮั่วฉินเยี่ยนรู้ตัวก่อนเลยต่อต้าน ฮั่วจวินเลยพลาดท่าตกลงไปก่อน แต่โชคไม่ดีฮั่วฉินเยี่ยนดันพลาดตกลงไปด้วยละมั้ง” แม้จิ่งหลานจะพูดแบบนี้ แต่ความจริงในใจเขาก็เต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ ถ้าเขาคิดไม่ผิดละก็ ฆาตกรตัวจริงอาจจะไม่ใช่ฮั่วจวิน ส่วนฮั่วจวินก็แค่โดนใครบางคนใช้ประโยชน์ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ฆาตกรคนนี้คงยังอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้แน่ ดังนั้นพูดไปแบบนี้ก่อนน่าจะปลอดภัยกว่า

 

 

เดี๋ยวสิ ไม่ใช่ ถ้าเป็นอย่างนี้จริง งั้นเป็นไปได้ว่าเวินหลานฉีอาจจะเห็นฆาตกรก็ได้ งั้น…เธอจะมีอันตรายงั้นเหรอ? อยู่ๆ พอจิ่งหลานนึกถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

 

 

“รีบพาผมไปห้องผ่าตัด!” จิ่งหลานพูดกับเฉิงหมิงอย่างกระสับกระส่าย

 

 

“หา? ได้…” เมื่อเฉิงหมิงเห็นท่าทีโต้ตอบของจิ่งหลาน แม้จะแปลกใจอยู่บ้าง แต่คิดว่าเขาน่าจะเป็นห่วงเวินหลานฉีละมั้ง ก็เลยไม่ได้คิดมากขนาดนั้น ทั้งสองรีบเดินไปทางห้องผ่าตัด

 

 

“ฮั่วเทียนเย่ว์ล่ะ” พอเฉิงหมิงไม่เห็นฮั่วเทียนเย่ว์ ก็เอ่ยถามหัวหน้ารปภ.

 

 

“ฮั่วเทียน…คุณฮั่วเขาเพิ่งออกไป ไม่รู้ไปไหน” หัวหน้ารปภ.พูดอย่างซื่อตรง เขาไม่กล้าเรียกชื่อฮั่วเทียนเย่ว์ตรงๆ อย่างพวกเขาหรอก ต่อให้เขาไม่มีอำนาจ ไม่มีอิทธิพล แต่ก็ยังคงมีตำแหน่งสูงศักดิ์กว่ารปภ.อย่างพวกเขาเหล่านี้

 

 

“ออกไปแล้ว?” เฉิงหมิงอดสงสัยไม่ได้อยู่บ้าง

 

 

จิ่งหลานขมวดคิ้วแน่น เขาคิดหาคำตอบว่าตกลงคนนี้จะเป็นใครได้บ้าง มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวเขา แต่เขาคิดว่าความคิดนี้ยังพูดออกมาไม่ได้ ไม่แน่อาจจะเป็นกลอุบายฉากหนึ่งก็ได้ ปล่อยให้เขาเจอแสงอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ เผลอๆ จะทำร้ายเวินหลานฉีเข้า

 

 

ขณะจิ่งหลานกำลังคิดอยู่นั้น ไฟสีแดงของห้องผ่าตัดก็ดับลง

 

 

จิ่งหลานกับเฉิงหมิงรีบก้าวเข้าไป พอประตูใหญ่เปิดออก หมอหลายคนก็เดินออกมาจากข้างในส่ายหน้า ขมวดคิ้ว และถอนหายใจ

 

 

เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายแต่งตัวเหมาะสมดูดีสองคนตีล้อมเข้ามา คาดว่าน่าจะเป็นลูกน้องของประธานฮั่ว

 

 

“ประธานกับภรรยาเป็นยังไงบ้าง” เฉิงหมิงถามอย่างร้อนใจ

 

 

“เฮ้อ…ประธานยังไม่ได้สติ…ชีวิตนั้นรักษาไว้ได้ แต่จะฟื้นขึ้นไหมนั้น…ยังคงเป็นปัญหา มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าหลังจากนี้จะ…เป็นแบบนี้ไปตลอด” หมอถอนหายใจ พูดไปก็ก้มหน้าไป

 

 

“พวกคุณทำยังไง! เงินของตงหยวนมากมายขนาดนั้นเป็นการลงทุนเปล่าเหรอ! แค่ให้พวกคุณช่วยคนในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ยังช่วยไม่ได้!” พอเฉิงหมิงได้ยินหมอพูดแบบนี้ ก็เดินเข้าไปคว้าสาบเสื้อหมอด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

 

 

“คุณ คุณใจเย็นก่อน” หมอเห็นท่าทีโต้ตอบของเฉิงหมิง ก็อดตัวสั่นงันงกไม่ได้อยู่บ้าง

 

 

“เฉิงหมิง ให้หมอพูดให้จบก่อน” จิ่งหลานเข้ามาคว้ามือของเฉิงหมิงไว้ เขาขมวดคิ้วและส่ายหัว

 

 

คุณหมอเห็นว่าดูเหมือนจิ่งหลานจะเก่งกว่าเฉิงหมิง จึงรีบหันหน้าไปมองเขา

 

 

“ตอนประธานฮั่วถูกส่งตัวมานั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากแล้ว ทั้งเขายังเขาหายใจแผ่วเบาอีก เราพยายามสุดความสามารถแล้วจริงๆ …ต่อจากนี้จะฟื้นขึ้นมาไหม คงทำได้เพียงรอดูฟ้าลิขิต แต่พวกคุณวางใจได้ ชีวิตของประธานฮั่วนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว” คุณหมอรีบพูด ด้วยกลัวว่าทั้งสองคนจะโกรธ จนตำแหน่งของตัวเองก็รักษาไว้ไม่ได้

 

 

“คุณหมายความว่ายังไง! จะไม่ฟื้นไปตลอดงั้นเหรอ นี่มันหมายความว่าอะไร” น้ำเสียงของเฉิงหมิงหวั่นไหวอยู่บ้าง

 

 

เขาตามติดฮั่วฉินเยี่ยนมาตั้งหลายปี ตั้งแต่ฮั่วฉินเยี่ยนเริ่มรับช่วงตงหยวน เขาก็ช่วยเหลือฮั่วฉินเยี่ยนข้างกายมาโดยตลอด เฝ้าดูเขาทำให้ตงหยวนก้าวไปสู่จุดสูงสุดทีละก้าวๆ กับตาตัวเอง ดูเขากับเวินหลานฉีเดินเข้ามาทีละก้าว จนในที่สุดตอนนี้นับว่าทุกอย่างล้วนยืนหยัดมั่นคงเลยก็ว่าได้ แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้…

 

 

ยิ่งคิดในใจเฉิงหมิงก็ยิ่งไม่สบายใจ ก้มหน้าคอตก

 

 

คุณหมอก้มหน้า ด้วยไม่รู้จะพูดอะไรดี เขากลัวว่าหากพูดผิดไปจะทำให้คนตรงหน้าไม่พอใจเอา แต่ว่า…ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ดี

 

 

“งั้นคุณนายเป็นยังไงบ้าง” เฉิงหมิงเงยหน้าขึ้นถาม “ได้ข่าวว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายไม่หนักมาก น่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงใช่ไหม”

 

 

“อาการบาดเจ็บของคุณนายเบาหน่อย ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่เพราะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ก็เลยยังไม่ได้สติ แต่ไม่นานก็น่าจะฟื้นแล้ว ตอนนี้พวกเราเตรียมจัดการห้องพักผู้ป่วยให้ประธานกับคุณนายแล้ว ประธานยังต้องอยู่ในห้อง ICU ไปอีกสักระยะ เพื่อสังเกตการณ์ ทั้งนี้จะได้ไม่มีอะไรผิดปกติ” คุณหมอรีบตอบ

 

 

“งั้นก็รีบไปจัดการที่นี่ให้ดีที่สุด” จิ่งหลานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“ครับๆๆ …” คุณหมอหมุนตัววิ่งกลับเข้าไปในห้องผ่าตัด

 

 

หลายวันก่อนยังเห็นเธอดีๆ อยู่เลย เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง อยู่ๆ ก็เกิดเรื่องพรรค์นี้ได้…หลายวันก่อนเขายังคิดว่าตนอย่าไปรบกวนชีวิตของเธอเลยดีกว่า จะได้ไม่สร้างความลำบากให้เธอ แล้วจะทำให้เธอไม่สบายใจอีก แต่ตอนนี้…

 

 

จิ่งหลานนั่งพิงเก้าอี้ด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองฝ้าเพดานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ นัยน์ตาสวยงาม ทว่ากลับไม่มีราศี

 

 

เฉิงหมิงยืนตะลึงอยู่ที่เดิมสักพัก จากนั้นก็ออกคำสั่งกับหัวหน้ารปภ.ข้างกาย “พวกคุณต้องปิดล้อมที่นี่อย่างเข้มงวด อย่าให้ข่าวคราวจากห้องพักผู้ป่วยของประธานกับคุณนาย รั่วไหลออกไปถึงพวกนักข่าวพวกนั้นเด็ดขาด คุณนายยังไม่ฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างนี้รอคุณนายฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยจัดการอีกที!”

 

 

ฮั่วฉินเยี่ยนไม่ได้สติอย่างในตอนนี้ จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังไม่แน่ เขาต้องปกป้องเวินหลานฉีแทนประธานของเขาอย่างดี แบบนี้ถึงจะถ่ายทอดให้ฮั่วฉินเยี่ยนได้ละนะ! ไม่อย่างนั้นจะให้เขาสู้หน้าฮั่วฉินเยี่ยนได้อย่างไร

 

 

เฉิงหมิงตัดสินใจอย่างแน่วแน่เงียบๆ ในใจ จนกว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะฟื้นขึ้นมา เขาต้องพยายามพยุงตงหยวนแทนฮั่วฉินเยี่ยน ช่วยได้มากแค่ไหนแค่นั้น ถือว่าตอบแทนที่ฮั่วฉินเยี่ยนเคยช่วยเหลือ ดูแล และให้กำลังใจเขาอย่างยิ่งใหญ่

 

 

แต่ตอนนี้ยังมีเรื่องยุ่งยากเรื่องหนึ่ง…ก็คือฮั่วเทียนเย่ว์

 

 

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ขณะที่เฉิงหมิงกำลังคิดถึงอยู่ระหว่างนั้น ฮั่วเทียนเย่ว์ก็สาวเท้าจากข้างนอกเข้ามา

 

 

“ผ่าตัดเสร็จแล้วเหรอ ฉินเยี่ยนเป็นยังไงบ้าง” ฮั่วเทียนเย่ว์แสร้งถาม ด้วยท่าทางเป็นห่วงลูกชาย

 

 

เฉิงหมิงละนับถือฮั่วเทียนเย่ว์จริงๆ อุตส่าห์เสแสร้งทำท่าทางเช่นนี้ ในใจเขาเองไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนบ้างเลยเหรอ จอมปลอมขนาดนี้ เหอะ แต่ถึงอย่างไรตนก็เป็นลูกน้อง จึงไม่อาจพูดอะไรกับเขาได้ ไม่ทันรอให้เฉิงหมิงอ้าปาก จิ่งหลานก็ยืนขึ้นมาเสียก่อน

 

 

“โดยรวมคุณฮั่วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้ลูกชายของคุณไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว” จิ่งหลานพูด พลางจ้องฮั่วเทียนเย่ว์อย่างเย็นชา

 

 

เขา? คุณชายจิ่งหลาน? ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ในใจฮั่วเทียนเย่ว์เกิดสงสัยอยู่ไม่สุข สกุลจิ่งเป็นถึงตระกูลเก่าแก่หาได้ยาก แม้ตอนนี้จะไม่มีพลังและชีวิตชีวาเท่าตงหยวน หากแต่ก็มีอิทธิพลต่อต่างประเทศเป็นอย่างมาก ในเมืองหลวงนี้นอกจากตงหยวนแล้ว สกุลจิ่งก็เป็นที่รู้จักกันดีในอันดับต้นๆ

 

 

ทำไมคนของสกุลจิ่งถึงมาอยู่ที่นี่ ฮั่วเทียนเย่ว์เคยเจอจิ่งหลานครั้งหนึ่ง อยู่ๆ ตอนนี้ก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ จึงรู้สึกฉงนสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

“ไม่เป็นไรก็ดี…ไม่เป็นไรก็ดี…” ฮั่วเทียนเย่ว์ตบๆ อกอย่างกับหมดห่วง แต่ในใจกลับคิดอย่างโหดร้าย ว่าทำไมฮั่วฉินเยี่ยนถึงยังไม่ตาย

 

 

“ถ้าผมจำไม่ผิดละก็ คุณน่าจะเป็นคุณชายสกุลจิ่งใช่ไหม ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ” ฮั่วเทียนเย่ว์หยั่งเชิงถาม

 

 

“คุณฮั่วไม่ยินดีจะต้อนรับผมงั้นเหรอ โชคไม่ดีเลย ผมกับคุณนายเป็นเพื่อนตายกัน หนำซ้ำความสัมพันธ์กับประธานฮั่วก็ดีมากด้วย วันนี้บังเอิญอยู่โรงพยาบาล แล้วได้ยินว่าพวกเขาประสบอุบัติเหตุ เลยรีบมาดู เพื่อป้องกันคนวางแผนกระทำมิดีมิร้าย อยากจะฉวยโอกาสปองร้ายพวกเขา”

 

 

จิ่งหลานปรายตาจ้องฮั่วเทียนเย่ว์อย่างเย็นชา เขาจะไม่พะว้าพะวังอะไรฮั่วเทียนเย่ว์ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนในสกุลฮั่ว แค่อิทธิพลเบื้องหลังของเขา คงทำให้ฮั่วเทียนเย่ว์ในตอนนี้พะว้าพะวังมากพอแล้ว

 

 

ฮั่วเทียนเย่ว์รู้สึกสั่นเทาในใจอยู่บ้าง เขาฟังออกว่าเสียงหนักแน่นในน้ำเสียงของจิ่งหลานนั้น แค่กำลังวางแผนกระทำมิดีมิร้าย ดูท่าจิ่งหลานจะรู้เรื่องในบ้านเขาอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้เขายังทำอะไรจิ่งหลานไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรฮั่วฉินเยี่ยนไอ้ลูกเวรนั่นก็ยังไม่ตาย ตอนนี้เขายังไม่มีอำนาจบริหารตงหยวน ถือว่ายังไม่มีอำนาจและอิทธิพล

 

 

ชายชาตรีต้องยอมลดราวาศอกได้ชั่วคราว! [1] ไม่เว้นแม้แต่ตอนนี้! ฮั่วเทียนเย่ว์คิดถึงแผนการบริหารอย่างตั้งใจ คิดถึงตอนโดนฮั่วฉินเยี่ยนกดขี่ตลอดหลายปีมานั้น เขากลืนน้ำลาย แล้วอดกลั้นน้ำเสียง

 

 

“หือ? ทำไมผมไม่เคยได้ยินฮั่วฉินเยี่ยนพูดเลย ว่ายังมีเพื่อนอย่างคุณชายจิ่งด้วย เห็นแก่คุณจิ่งเอาใจใส่เรื่องของฮั่วฉินเยี่ยนขนาดนี้ ผมก็ค่อยหมดห่วงลงไปเยอะ” สีหน้าผ่านโลกมาอย่างโชกโชนของฮั่วเทียนเย่ว์ ฝืนยิ้มประจบสอพลอ ส่วนจิ่งหลานที่มองอยู่นั้น ในใจรู้สึกสะอิดสะเอียนจริงๆ

 

 

ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องหยุมหยิมภายในสกุลฮั่วนั้นเหรอ ต่อให้ไม่รู้อย่างเป็นรูปธรรม แต่เกรงว่าคงไม่มีใครไม่รู้ ว่าเขาฮั่วเทียนเย่ว์เป็นพ่อเหนือหัว ผู้ไม่มีสิทธิ์และอำนาจ ต้องพึ่งพาลูกชายอยู่รอดไปวันๆ หรอกมั้ง เขามีสิทธิ์อะไรยืนอยู่ที่นี่

 

 

จิ่งหลานรู้สึกขยะแขยงคนคนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ ต่อให้เขากับเวินหลานฉีจะไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนี้ต่อกันก็ตาม แต่เขาก็มองข้ามเรื่องนี้ไปไม่ได้จริงๆ

 

 

“คงเพราะปกติประธานฮั่วงานยุ่ง เลยจำไม่ได้ว่าเขาพูดเรื่องนี้กับคุณฮั่วละมั้ง คุณวางใจได้เลย มีผมอยู่ที่นี่ ผมจะไม่อนุญาตให้ใครฉวยโอกาสตอนนี้เข้ามาตีชิงตามไฟหรอก ผมเห็นว่าคุณฮั่วอายุมากแล้ว หักโหมเกินไปคงไม่ดี เรื่องพวกนี้ให้พวกเราเด็กๆ จัดการก็ได้ ผมส่งคนไปส่งคุณฮั่วกลับบ้านพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ!”

 

 

จิ่งหลานกระตุกมุมปากยิ้มเย็น นัยน์ตากลับจ้องฮั่วเทียนเย่ว์นิ่งพลางเอ่ยพูด

 

 

“เอ่อ…งั้นรบกวนคุณชายจิ่งแล้ว” ตอนแรกฮั่วเทียนเย่ว์อยากจะคัดค้าน แต่เมื่อเห็นท่าทีดูเหมือนจะหนักแน่นของจิ่งหลาน เขายังคงเกรงกลัวต่ออิทธิพลเบื้องหลังของจิ่งหลานอยู่บ้าง ตอนนี้เขาสามารถวางอำนาจบาตรใหญ่ในสกุลฮั่วได้ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงไม่กล้าหาเรื่องสกุลจิ่งอยู่ดี

 

 

อย่างไรเสียจิ่งหลานก็เป็นผู้สืบทอดที่กำหนดไว้แล้วของสกุลจิ่ง ตอนนี้ตนมีอำนาจแค่ทางเดียว แม้ในใจฮั่วเทียนเย่ว์จะโมโหจนแทบไม่ไหว แต่ต่อหน้ากลับยังไม่สามารถแสดงอะไรออกไปได้