คนคนนั้นหันกล้องไปทางจิ้นหยวนกับเฉียวซือมู่แล้วกดปุ่มถ่ายรูป เพียงไม่กี่วินาทีก็ได้รูปถ่ายของสองหนุ่มสาวตั้งหลายรูป  

 

 

เธอยิ้มอย่างได้ใจ เดี๋ยวเลิกงานแล้วเธอจะโพสต์รูปพวกนี้ลงในเวยป๋อของตัวเอง จะต้องมีคนตามมากรี๊ดแน่ ถ้าโชคดีเธออาจจะกลายเป็นคนดังในโลกอินเทอร์เน็ตก็ได้ 

 

 

คนที่อ่านข่าวจากอินเทอร์เน็ตอย่างเธอรู้ดีว่าจิ้นหยวนมีแฟนคลับในอินเทอร์เน็ตมากมายขนาดไหน สิ่งที่ทุกคนชอบมากที่สุดคือหน้าตาอันหล่อเหลาราวเทพบุตรของเขา รองลงมาคือทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลของเขา เพราะฉะนั้น เธอรับประกันได้เลยว่าถ้าเธอโพสต์รูปพวกนี้ลงไป เธอจะต้องดังแน่นอน 

 

 

เธอเห็นภาพความฝันที่กำลังจะกลายเป็นจริงของตัวเองแล้วแอบยิ้มกริ่มในใจ เธอกำลังจะเก็บโทรศัพท์มือถือแต่เสี้ยววินาทีนั้นเสียงดุๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเธอพอดี “เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่?” 

 

 

เธอตกใจสะดุ้งโหยง มือที่กำโทรศัพท์มือถือคลายออกจนมันหล่นลงพื้นเสียงดัง “แชะ” 

 

 

ผู้จัดการร้านเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปหาเธอ ตอนแรกเขาเห็นบริกรทั้งหลายต่างจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ลูกค้าจึงคิดจะเข้าไปห้ามปราม แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าเสียมารยาทแอบถ่ายรูปลูกค้าแบบนี้ เขาโมโหจนหน้าดำหน้าแดง 

 

 

หวังลี่หย่าได้แต่ร้องครวญครางอยู่ในใจ เธอไม่นึกเลยว่าจู่ๆ ผู้จัดการร้านจะโผล่มาจังหวะนี้พอดี และยิ่งคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะขี้ตกใจจนถูกเขาจับได้ เธอยิ้มแหยพลางพยายามแก้ต่าง “ผู้จัดการฟังฉันก่อนนะคะ ฉันแค่หยิบมันออกมาดูเวลาเท่านั้น ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยค่ะ…” 

 

 

เธอคิดจะใช้วิธินี้เอาตัวรอด แต่เขาเป็นถึงผู้จัดการร้านอาหารมิชลินสตาร์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ มีหรือที่จะถูกคำพูดแก้ต่างไร้น้ำหนักของเธอหลอกเอาได้ง่ายๆ เขามองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือกพลางยื่นมือออกไป “ส่งโทรศัพท์มือถือมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” 

 

 

หวังลี่หย่าห่อไหล่ไม่ยอมส่งโทรศัพท์มือถือให้เขา แต่พอเห็นสายตาเย็นยะเยือกของผู้จัดการร้านแล้วก็ต้องยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขาแต่โดยดี ในขณะเดียวกันก็แอบด่าผู้จัดการร้านในใจจนไม่เหลือชิ้นดี 

 

 

ผู้จัดการร้านสั่งให้เธอปลดล็อกหน้าจอและเขาเจอรูปแอบถ่ายในนั้นจริงๆ เขาตวัดสายตามองเธอตาเขียวปั๊ด “ตอนอบรมเธอไม่ได้ฟังหรือไง? ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านของเราเป็นคนที่ประสบความสำเร็จทั้งนั้น พวกเขาให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมาก เพราะฉะนั้น ห้ามเข้าไปพูดคุยกับพวกเขา และห้ามแอบถ่ายรูปพวกเขาเด็ดขาด สมองเธอมีแต่ขี้เลื่อยหรือไง?” 

 

 

เธอถูกด่าสั่งสอนจนไหล่ห่อไม่กล้าปริปากใดๆ ผู้จัดการร้านลบรูปแอบถ่ายทั้งหมดออก เขายื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้เธอหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่เหลือรูปแอบถ่ายอีก เขามองเธอด้วยสายตาเย็นเยียบแล้วเอ่ยขึ้น “ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาเรื่อง แต่ถ้ายังมีครั้งหน้าอีกละก็… ไล่ออกสถานเดียว!” เอ่ยจบพลางกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ตรงนั้นแล้วว่า “พวกเธอได้ยินแล้วใช่ไหม?” 

 

 

ทุกคนต่างพากันพยักหน้าหงึกหงัก ผู้จัดการร้านจึงเดินจากไปด้วยความพอใจ 

 

 

หวังลี่หย่าตกใจจนเหงื่อออกเต็มฝ่ามือ เธอลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วก้มลงมองโทรศัพท์มือถือในมือ ทันใดนั้น เธอยกยิ้มมุมปากอย่างห้ามไม่อยู่ 

 

 

จิ้นหยวนและเฉียวซือมู่ไม่รู้เลยว่าเกิดคลื่นความไม่สงบเล็กๆ ขึ้นตรงห้องครัว ทั้งสองกำลังดื่มด่ำกับอาหารเลิศรสตรงหน้า เธอสั่งสเต๊กเนื้อที่มีเครื่องเคียงเป็นมันฝรั่งบดและผักสด และยังมีไวน์แดงหอมละมุนอีกแก้ว แม้หน้าตาอาหารที่เธอสั่งจะดูธรรมดา แต่รสชาติอาหารกลับอร่อยจนบรรยายไม่ถูก 

 

 

เธอทานเพียงไม่กี่คำก็พยักหน้าด้วยความอร่อย “อันนี้รสชาติใช้ได้ อร่อยค่ะ” 

 

 

เขายิ้มน้อยๆ “ถ้าชอบก็กินเยอะๆ” 

 

 

เธอรีบส่ายศีรษะทันที “ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวยังมีของหวานอีก ฉันต้องเก็บท้องเอาไว้กินของหวานค่ะ กินเยอะมากเดี๋ยวก็กินไม่ลงกันพอดี” ร้านอาหารแบบตะวันตกมักจะเสิร์ฟของหวานเป็นลำดับสุดท้ายและเป็นเมนูที่สำคัญมาก รสชาติสเต๊กเนื้ออร่อยมากจนทำให้เธอรอลิ้มรสของหวานอย่างใจจดใจจ่อ 

 

 

ในที่สุดของหวานก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะอาหาร และของหวานรายการนี้ก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง ของหวานของเธอเป็นพุดดิ้งคาราเมล เนื้อพุดดิ้งนุ่มละมุนลิ้นผสานกับความหอมหวานของคาราเมล และยังมีกลิ่นหอมผลไม้อ่อนๆ ส่วนผสมทั้งสามอย่างผสมผสานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวจนเกิดเป็นรสชาติหอมอร่อยนุ่มละมุนจนบรรยายไม่ถูก เธอหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับรสชาติแสนอร่อยนี้ด้วยความเคลิบเคลิ้ม อารมณ์ดีขึ้นเป็นกองในฉับพลัน “อร่อยจังเลยค่ะ” 

 

 

นานๆ ทีถึงจะมีโอกาสได้เห็นเธอทำตัวน่ารักแบบนี้ จิ้นหยวนมองเฉียวซือมู่ที่ดูน่ารักจนหัวใจเต้นตึกตัก ทันใดนั้น ไฟในใจของเขาลุกโชน เขากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดฝืน จ้องมองความบริสุทธิ์ไร้เดียงสานั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจนอยากจะขย้ำมันให้แหลกคามือ 

 

 

เธอลืมตาขึ้นแล้วอุทานเบาๆ ด้วยความสุขใจ “นี่เป็นพุดดิ้งที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินมาเลยค่ะ” แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นกลับเห็นดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับแทน เธอชะงักนิ่งอึ้งเล็กน้อย “คุณเป็นอะไรน่ะ?” เอ่ยถามแล้วกลับหน้าแดงซ่านเสียเอง เธออยู่กับเขามาตั้งนานจนอ่านสีหน้าของเขาออกหมดแล้ว ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าท่าทางของเขาในตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไร 

 

 

เธอแอบคิดอยู่ในใจว่าที่นี่เป็นที่สาธารณะ เกิดใครมาเห็นหน้าตาของเขาในตอนนี้เข้าคงไม่ดีแน่ 

 

 

เธอเพิ่งจะคิดเสร็จพลันภาพตรงหน้ามืดลง เธอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นร่างกายท่อนบนของเขากำลังโน้มเอนเข้ามาหาเธอ จากนั้นเขาขโมยจุมพิตเธอโดยไม่สนใจว่าเธอกำลังตกใจจนเบิกตาโต เขายังอุตส่าห์ชิมรสชาตินั้นแล้วเอ่ยหน้าตาเฉย “พุดดิ้งอันนี้อร่อยจริงๆ ด้วย” 

 

 

ถึงปากจะบอกว่าพุดดิ้ง แต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่กลีบปากอวบอิ่มของเธออย่างไม่ละสายตาจนเธออยากจะหาผ้าพันคอสักผืนมาปิดหน้าตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด    

 

 

คุณชายจิ้น นี่มันในร้านอาหารนะ ถึงจะไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยก็เถอะ แต่เธอมั่นใจว่าต้องมีคนอีกตั้งเยอะคอยแอบดูอยู่ในที่มืดอย่างแน่นอน แล้วทำแบบนี้มันจะดีเหรอ? 

 

 

โชคดีที่จิ้นหยวนเองก็รู้ข้อนี้ดี หลังจากขโมยจูบเธอแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยอีก เขาผลักจานของหวานตรงหน้าตัวเองไปให้เธอแล้วเอ่ย “ถ้าคุณชอบมาก ผมยกของผมให้คุณก็แล้วกัน” 

 

 

ตอนแรกเธอกะจะปฏิเสธ แต่พอเห็นหน้าตาของหวานของเขาแล้วเธอก็ไม่อาจละสายตาจากมันได้อีก ของหวานของเขาเป็นเค้กแบล็คฟอเรสที่ถูกประดับประดาอย่างประณีตสวยงาม กลิ่นหอมของช็อกโกแลตเข้มข้นลอยมาตามจานที่ถูกเขาผลักเบาๆ มาไว้ตรงหน้าเธอ มันทำให้เธอไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดนั้นได้อีกต่อไป 

 

 

แต่ท้องของเธอคงรับไม่ไหวแล้ว เธอได้แต่แอบทอดถอนใจด้วยความเสียดาย แต่มือกลับหยิบส้อมคันเล็กขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอตัดเค้กออกเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างพิถีพิถันแล้วส่งมันเข้าปากอย่างรวดเร็ว รสช๊อกโกแลตหวานมันเข้มข้น เป็นความอร่อยที่แตกต่างจากพุดดิ้งจานเมื่อกี้ เธอเคลิบเคลิ้มกับความอร่อยของมันจนอยากจะอุทานออกมาด้วยความสุขใจอีกครั้ง 

 

 

จิ้นหยวนเห็นเธอมีความสุขก็พลอยมีความสุขไปด้วย เขาส่งยิ้มให้เธอ “อร่อยไหม?” 

 

 

เธอกัดส้อมในปากแล้วพยักหน้าหงึกหงัก “อึ้ม อร่อยมาก” 

 

 

จิ้นหยวนมองท่าทางน่ารักของเธอแล้วขยับกายเข้ามานั่งใกล้ๆ เธออีก เธอตกใจจนต้องรีบเอ่ยห้ามทันที “คุณจะทำอะไรน่ะ ที่นี่เป็นร้านอาหารนะ” 

 

 

จิ้นหยวนหลุดหัวเราะออกมา “ทำไมขี้อายขนาดนี้นะ” เอ่ยจบพลางขยับเข้าไปใกล้เธออีก กลิ่นกายของเขาทำให้เธอมึนเบลอจนไร้เรี่ยวแรงต้านทานการกระทำต่อมาของเขา 

 

 

เธอได้แต่นั่งมองเขาขยับเข้ามาใกล้ จากนั้น… เขายื่นมือออกมาแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดมุมปากให้เธอ จากนั้น… เขาส่งนิ้วหัวแม่มือนิ้วนั้นเข้าปากตัวเองแล้วเลียมันจนเธอสังเกตเห็นปลายลิ้นอุ่นร้อนของเขาที่แลบออกมาเพียงเล็กน้อย 

 

 

นี่… นี่มันดูเย้ายวนกว่าจูบเมื่อกี้นี้ตั้งเยอะ มันทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาบางช่วงในยามราตรีขึ้นมาทันที ทันใดนั้น ใบหน้าของเธอเห่อแดงจนแดงก่ำ “คุณ… คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”